Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1166

บทที่ 1166 ข้ากับเจ้าสนิทชิดเชื้อกันมากหรือ 2

มุมปากตี้ฝูอีหยักยิ้มบางๆ “เป็นห่วงข้างั้นสิ?”

กู้ซีจิ่วมองเขา อันที่จริงค่อนข้างสับสนอยู่บ้าง “ข้ารู้ว่านี่คือความฝันของข้า ประหลาดนัก เจ้ามีตัวตนอยู่ในความฝันของข้าจริงๆ ใช่ไหม? ตี้ฝูอีที่ถูกขังไว้ในห้องขังแห่งนั้นเป็นร่างจริงของเจ้าใช่ไหม? พวกเจ้าไม่เหมือนกันเท่าไหร่…”

“หือ ไม่เหมือนกันตรงไหน?”

“เจ้าในยามนี้พูดคุยกับข้าอย่างอ่อนโยนนัก ซํ้ายังคอยเล่นเป็นเพื่อนข้าด้วย คนที่อยู่ในห้องขังผู้นั้นไม่ค่อยรู้ดีรู้ชั่ว เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าข้าดีต่อเขา…”

ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง “บางทีเขาอาจหวังดีต่อเจ้ากระมัง? แบบนั้นเป็นวิธีปกป้องเจ้าอย่างหนึ่งของเขา”

กู้ซีจิ่วงุนงงอยู่บ้าง “หวังดีต่อข้า?”

ตี้ฝูอีพยักหน้า “ใช่แล้วหวังดีต่อเจ้า!”

กู้ซีจิ่วเอียงคอมองเขา “เช่นนั้นสรุปแล้วเจ้ากับเขาใช่คนเดียวกันหรือไม่? พวกเจ้าคนไหนเป็นตัวจริง คนไหนเป็นตัวปลอม?”

ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ “จวงจื่อฝันว่าเป็นผีเสื้อ[1] ไยต้องถามว่าคนไหนจริง คนไหนปลอม? อาจเป็นตัวจริงทั้งคู่ก็ได้”

สายตาเขากวาดมองรอบๆ แวบหนึ่ง ถูกภาพเหล่านั้นที่โยกไกวเหล่านั้นทำให้ตาลาย…

เรื่องราวที่สาวน้อยผู้นี้ประสบพบพานมากมายเกินไป ความทรงจำจึงซับซ้อนยิบย่อยเป็นธรรมดา อีกทั้งยามนี้ความทรงจำกระจัดกระจายแยกย้ายไปคนละทิศละทาง เขาก็มองจนเวียนหัวแล้วเช่นกัน

เพียงแต่ภาพเหล่านี้ปรากฏขึ้นมามากมายขนาดนี้แล้ว เห็นทีว่าการฟื้นฟูความทรงจำของนางจะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว เขาไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณเข้ามาชี้นำนางในความฝันของนางบ่อยๆ แล้ว…

ตอนที่มีหมอกหนามืดฟ้ามัวดินไม่อาจแยกแยะทิศทางได้ ยามนี้มีทิวทัศน์มากมายถึงเพียงนี้เธอก็ไม่รู้อีกว่าควรไปทางไหนดี รู้สึกเพียงว่าไม่ว่าทางไหนล้วนเหมือนกระแสนํ้าเชี่ยวกรากทั้งนั้น รู้สึกว่าถ้าเธอเดินมากไปสักก้าวหนึ่งจะถูกกระแสนํ้าเชี่ยวนั้นกลืนกิน

ตี้ฝูอีจับมือเธอไว้ “อยากไปทางไหนล่ะ?”

กู้ซีจิ่วหลับตาลง สูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่งแล้วส่ายหน้า

“เจ้าอยากไปทางไหนที่สุด?”

ความรู้สึกของคนทั้งสองเสมือนยืนอยู่ในความว่างเปล่า ทิวทัศน์หมุนวนอยู่ทุกทิศทุกทาง

กู้ซีจิ่วกวาดตามองรอบข้างอีกครั้ง จู่ๆ เธอก็เอ่ยถามตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกาย “จะถามเจ้าสักไม่กี่ข้อ เจ้าต้องตอบมาตามจริงนะ”

สุ้มเสียงเธอประหนึ่งผู้พิพากษา ดวงหน้าน้อยๆ ก็จริงจังยิ่งนัก

ตี้ฝูอีพยักหน้า “เจ้าถามสิ”

“เจ้าเคยตามล่าข้าใช่ไหม?”

ตี้ฝูอีชะงักไปครู่หนึ่ง “ตอนนั้นข้าเคยตามล่าเจ้าจริงๆ เพียงแต่…”

เขากล่าวยังไม่ทันจบก็ถูกกู้ซีจิ่วเอ่ยขัดแล้ว “เจ้าแค่ตอบว่าใช่หรือไม่เท่านั้นก็พอ”

“เอาเถอะ” ตี้ฝูอีนวดคลึงหว่างคิ้ว “ใช่”

“เจ้าเคยโยนข้าเข้าไปในป่าทมิฬใช่ไหม?”

“…ใช่”

“เจ้าเคยบังคับให้ข้าหมั้นหมายแล้วก็ถอนหมั้นกับข้าดื้อๆ ใช่ไหม?”

“…ใช่”

“เจ้าเคยช่วยสตรีอื่นรังแกข้าใช่ไหม?”

“เรื่องนี้…ใช่”

ริมฝีปากน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วเม้มเข้าหากัน มองเขาอย่างเยียบเย็น “เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับเจ้าไม่น่ารื่นรมย์สักเท่าไหร่…”

ทำไมยัยเด็กคนนี้ถึงนึกออกแต่เรื่องไม่ดีของเขาทั้งนั้นล่ะ?

ตี้ฝูอีแทบหลั่งน้ำตา!

จากนั้นเขาจึงถามนาง “ซีจิ่ว เมื่อก่อนที่ข้าปฏิบัติต่อเจ้าเช่นนั้นมีเหตุผลอยู่…เหตุผลเหล่านี้ว่าไปแล้วยืดยาว ไม่อาจอธิบายให้กระจ่างได้ในระยะเวลาสั้นๆ หลังจากนั้นไปข้าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีมาโดยตลอด เจ้านึกความดีของข้าไม่ออกเลยหรือ?”

กู้ซีจิ่วเม้มปาก “เมื่อกี้กำลังตั้งใจดูอยู่ ผลคือเจ้าโผล่มา ความดีของเจ้าข้ายังไม่เจอเลย”

ตี้ฝูอีนวดหว่างคิ้วอีกครั้ง ดูเหมือนวันนี้เขาจะโผล่มาไม่ถูกจังหวะเสียแล้ว เขาควรจะมาช้าอีกสักหน่อย

จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็มองเขาอย่างค่อนข้างใจลอย นัยน์ตาดำขลับคู่นั้นใสพิสุทธิ์และแฝงความลํ้าลึกไว้ ราวกับมีนัยแฝงเร้น

ตี้ฝูอีกระแอมคราหนึ่ง จู่โจมเธอด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามองข้าแบบนี้ทำไม? ข้ารูปงามจนทำให้เจ้าตะลึงหรือ?”

หนังหน้าของคนผู้นี้ช่างหนาเหนือธรรมดาโดยแท้!

——————————————————————

[1] จวงจื่อฝันว่าเป็นผีเสื้อ จวงจื่อเป็นปราชญ์ลัทธิเต๋าประพันธ์ปรัชญาของเต๋าไว้หลายเรื่อง จวงจื่อฝันว่าเป็นผีเสื้อ เป็นเรื่องหนึ่งที่รู้จักกันในวงกว้าง บรรยายถึงความคิดที่ว่าคนเราไม่สามารถแบ่งแยกความจริงกับความฝัน และความเป็นความตายกับการแปรเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นอย่างเด็ดขาดได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version