Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 1255

บทที่ 1255 ตาท่านแดงจังเลย

เธอเชื่อว่าเวลาเป็นยารักษาที่ดีที่สุดสาหรับทุกอย่าง ต่อให้เจ็บปวดลึกล้ำเพียงใด ความรักลึกซึ้งแค่ไหนล้วนต้านทานการเคี่ยวกรำของกาลเวลาไม่ไหว บางทีหลังจากผ่านไปสักสองสามปี เมื่อเธอได้ยินอีกครั้งว่าเขาครองคู่โบยบินกับคนอื่น จิตใจอาจจะสงบเยือกเย็น ส่งมอบคำอวยพรของตนให้ด้วยใจจริงก็ได้…

นับแต่นี้ไปต่างคนต่างยินดี ต่างคนต่างมีสุข

ความคิดของเธอดีมาก และกระทำเรื่องราวได้สมเหตุสมผลนัก แม้กระทั่งลู่ทางในอนาคตเธอก็วางแผนไว้อย่างชัดเจนยิ่งแล้ว แต่ว่า…

หัวใจยังคงเจ็บปวดยิ่งนักเช่นเดิม!

เจ็บเหมือนจะแตกสลาย เจ็บจนเธออยากเมามายโดยไม่สนใจไยดีทุกอย่างแล้ว

ในอดีตตอนที่หลงซีหักหลังเธอ หัวใจเธอเต็มไปด้วยคับแค้น ไม่ยินยอม

ยามนี้ตี้ฝูอีไม่นับว่าหักหลังเธอไปเสียทั้งหมด ทว่าเธอกลับรู้สึกราวกับโลกทั้งใบพังทลาย เหมือนถูกคนเสือกมีดแทงเข้าที่หัวใจ ปวดแปลบที่หัวใจ เต็มไปด้วยความสิ้นหวังอัดแน่นรัดรึง…

ยามนี้เมื่อได้รู้ความจริงเธอตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ ถึงแม้จะจัดการอย่างเป็นระเบียบแบบแผนอยู่ แต่หัวใจกลับชืดชา ประสาทสัมผัสอืดอาดเชื่องช้า สัญชาตญาณความเป็นนักฆ่าทำให้เธอสามารถจัดการสะสางทุกสิ่งได้อย่างรวดเร็วในยามที่ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก

จวบจนเธอแล่นมาที่ป่าทมิฬ เมื่อเธอระหกระเหินอยู่ในป่าทมิฬ ความเจ็บปวดด้านชานั้นถึงได้ทะลุม่านกำบังออกมา ราวกับมีใยแมงมุมที่ยุ่งเหยิงรุงรังพันอยู่ตรงทรวงอกเธอ ทั้งเจ็บปวดทั้งอัดอั้น อยากร้องไห้มากจริงๆ!

ริมตลิ่งแห่งหนึ่ง กองไฟหนึ่งกอง บนกองไฟย่างแกะสี่เขาไว้ตัวหนึ่ง

ที่นี่คือยอดเขาที่หก สัตว์ร้ายที่อาศัยอยู่บนยอดเขาที่หกย่อมไม่ใช่ตะเกียงขาดน้ำมัน แกะสี่เขาตัวนี้ก็ไม่ใช่สัตว์กินพืชเช่นกัน รูปร่างดูเหมือนแกะ ทว่านิสัยกลับเหมือนหมาป่า

ก่อนหน้านี้สัตว์เลี้ยงทั้งสามล้วนถูกกู้ซีจิ่วส่งออกไปล่าสัตว์ กู้ซิ่วอยู่ลำพัง บางทีอาจเป็นเพราะรู้สึกว่าแม่นางน้อยอย่างกู้ซีจิ่วเป็นเหยื่อที่อ่อนแอรังแกได้ง่าย แกะสี่เขาตัวนี้จึงโผล่ออมาจากความมืด โจมตีกู้ซีจิ่วอย่างกะทันหัน คิดจะใช้เขาเสียบเธอเหมือนถังหูลู่แล้วค่อยกิน ผลคือ…

ผลคือมันพบโศกนาฏกรรม ในสายตาของกู้ซีจิ่ว มันก็เป็นแค่เนื้อแกะอ้วนพีที่วิ่งได้เท่านั้น…

เธอกำลังรู้สึกว่ากระเพาะค่อนข้างว่างเปล่าอยู่พอดี ต้องการอะไรมาเติมเต็มเป็นการด่วน ดังนั้นหลังจากสังหารพวกมันแล้วก็เริ่มก่อไฟย่างแกะอยู่ตรงที่เดิม

ระหว่างที่ย่างอยู่เจ้าหอยยักษ์กลับมาถึงก่อน มันโยนของอร่อยเจ็ดแปดตัวออกมาจากฝาหอย กล่าวด้วยสีหน้าปรีดา “วันนี้ต้องได้กินของดีแน่นอน ข้ากินเจมานานเหลือเกิน!”

เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วกำลังย่าง ‘แกะ’ ตัวนั้นอยู่ มันก็ตกตะตึง “เทาเที่ยนิภา! เจ้านาย ท่านล่าเทาเที่ยนิภาตัวหนึ่งได้!”

เทาเที่ยนิภาเป็นสัตว์ร้ายฉบับลอกเลียนแบบของเทาเที่ย รูปลักษณ์และนิสัยล้วนค่อนข้างมีส่วนคล้ายกับเทาเที่ย เพียงแต่ความสามารถด้อยกว่าเทาเที่ยอยู่บ้าง แต่ก็ดุดันห้าวหาญเพียงพอ ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญขั้นแปดเมื่อพบพานมันก็ต้องหนีให้ไกลเท่าที่จะไกลได้ นึกไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะจัดการมันได้ด้วยตัวคนเดียว

เจ้าหอยยักษ์จ้องเทาเที่ยนิภาตัวนั้นแวบหนึ่ง เห็นร่างเทาเที่ยนิภาตัวนั้นถูกบั้งเสมือนปลาราดพริกก็มิปาน มีรอยแผลอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง มันจึงสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ มองเจ้านายอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง นี่เป็นการทารุณกรรมของเจ้านายหรือ?

อันที่จริงแทงกระบี่ใส่คอของเทาเที่ยนิภาทีเดียวก็เพียงพอจะเอาชีวิตมันได้แล้ว…

กู้ซีจิ่วไม่สนใจมัน ตั้งใจพลิกเนื้อย่างอยู่ตรงนั้น

จู่ๆ เจ้าหอยยักษ์ก็มองดวงตาของเธอ “เจ้านาย ตาท่านแดงจังเลย…ร้องไห้มาหรือ?”

กู้ซีจิ่วยกมือลูบตาเล็กน้อย “เพ้อเจ้อ! ข้าถูกควันรมต่างหาก ข้าไม่ได้ร้องไห้!”

การลูบนี้ไม่สำคัญอีกแล้ว ลูบไปลูบมามือก็เปื้อนคราบน้ำตาแล้ว

เจ้าหอยยักษ์นิ่งงัน หนูน้อยที่อยู่ในเปลือกหอยจ้องคราบน้ำตาในมือเธอ ไม่ยอมเชื่อ “ยังจะบอกอีกว่าไม่ได้ร้อง เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าน้ำตาไหลแล้ว…”

เจ้าหอยตัวนี้ช่างไม่เข้าอกเข้าใจผู้อื่นเอาเสียเลย กู้ซีจิ่วยิ้มหยันคราหนึ่ง “เจ้าโง่ ถูกควันรมจนตาแดงย่อมต้องน้ำตาไหลเป็นธรรมดา”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version