บทที่ 148
ใครกันที่น่าเบื่อขนาดนั้น
‘ฉลาดดีนี่!’ กู้ซีจิ่วหวีผมยาวสยายอย่างช้าๆ พลางชมเชยมัน
‘ท่านเสี่ยงภัยเกินไปแล้ว! ถ้าลำแสงนั้นปลิดชีพท่านเข้าจริงๆ จะทำยังไง?’
‘ไม่หรอก มันไม่คิดเอาชีวีตข้า ถึงมันจะดูดุร้ายยิ่งนัก แต่ความจริงกลับไม่มีไอสังหารสักเท่าไหร่ ถ้าข้าเดาไม่ผิดลำแสงนี้คงเป็นการหยั่งเชิงโดยเฉพาะ’ กู้ซีจิ่วเย้ยหยัน
‘ใครกันที่น่าเบื่อขนาดนั้น?’
กู้ซีจิ่วไม่ตอบอะไร เธอเองก็ใคร่ครวญปัญหาข้อนี้อยู่ สามารถส่งยอดฝีมือเช่นนี้มาได้ฐานะย่อมไม่ต่ำต้อย ไม่แน่อาจเป็นผู้ที่สถานะสูงส่งอยู่เหนือผู้คน จักรพรรดิซวนหรือ? เขาคงจะสงสัยเธอเล็กน้อย เลยส่งคนมาหยั่งเชิงเธออย่างกะทันหันก็เป็นไปได้จุดประสงค์คือดูว่าที่แท้เธอใช้วรยุทธ์ได้จริงไหม ถึงอย่างไรยามที่คนเราเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่หลวง ย่อมต้องใช้วิชาที่
เก่งกาจที่สุดเพื่อหลบเลี่ยง
ไม่แน่ว่าองค์ชายหรงเหยียนที่อยู่ในคุกผู้นั้นอาจเริ่มกัดเธอแล้ว…
กู้เทียนเฉา? ไม่น่าเป็นไปได้! วรยุทธ์ของเขาไม่ได้ลํ้าเลิศถึงขนาดนี้!
อีกอย่างหากเขาลงมือย่อมต้องมีไอสังหารไม่แน่ตอนนี้เขาอาจอยากให้เธอตายไปพ้นๆ ซะ!
หลงซือเย่? เขามีทั้งกำลังและฝีมือที่จะทำเช่นนี้ แต่ว่าเขาจะหยั่งเชิงตนไปทำไม?
จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็นึกถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง คนลึกลับผู้นั้น!
คนลึกลับผู้นั้นบอกว่ามีความแค้นกับเธอ! บางทีนี่อาจเป็นกับดักอย่างหนึ่งที่เขาสร้างขึ้นเพื่อแก้แค้น?
ในที่สุดดวงตาคู่นั้นที่แอบมองเธออยู่ก็หายไป คนผู้นั้นคงจะจากไปแล้วจริงๆ กู้ซีจิ่วจึงพรูลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เวรเอ้ย ความรู้สึกแบบศัตรูอยู่ในที่ลับ ข้าอยู่ในที่แจ้งเช่นนี้ไม่ค่อยสบายใจเอาเสียเลย! เธอต้องครุ่นคิดหาหนทางลากคนผู้นั้นออกมาจากที่ลับให้จงได้!
มีคนเคยแอบจ้องมองกู้ซีจิ่วอยู่จริงๆ คนผู้นั้นสวมเสื้อคลุมสีม่วง รูปลักษณ์หล่อเหลาคมคายแฝงความเย็นชาบางๆ เอาไว้ เขาก็คือหลงซือเย่ที่เคยปรากฏตัวหน้าเตียงของกู้ซีจิ่ว เขาซ่อนอยู่บนต้นไม้ใหญ่ด้านนอก จ้องมองอากัปกิริยาของเธอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์คล้ายต้องการจะค้นหาสิ่งที่คุ้นเคยจากพฤติกรรมของเธอ
สุดท้าย เขาก็ยังคงผิดหวัง จึงหันหลังจากไปอย่างไร้สุ้มเสียง
สายลมพลิ้วผ่านยอดไม้พัดพาใบไม้บนต้นให้ร่วงโรยจนเกิดเสียงเสียดสีกัน
ห่างออกไปเล็กน้อยตรงจุดที่อยู่ด้านหลังกิ่งไม้ที่หลงซือเย่เคยอยู่เมื่อครู่ มีบุรุษชุดขาวผู้หนึ่งยืนท้าลมอยู่ เขายืนอยู่บนกิ่งไม้เล็กๆ ที่หนาไม่ถึงครึ่งของนิ้วหัวแม่มือด้วยซํ้า กิ่งไม้ท่ามกลางสายลมสั่นไหวเล็กน้อย แต่เขากลับนิ่งเฉยไม่เคลื่อนไหวประดุจภูเขาก็มิปาน สายลมพัดอาภรณ์ของเขาจนปลิวไสว ทำให้เขาดูเหมือนเทพเซียน ที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศ
เห็นได้ชัดว่าเขาก็ใช้วิชาพรางกายเหมือนกัน ใต้ต้นไม้ใหญ่มีผู้คุ้มกันสาดตระเวนผ่านไปผ่านมาสามสี่รอบแล้ว แต่กลับไม่มีใครพบเขาทั้งที่เห็นเด่นชัดถึงขนาดนี้ แน่นอนว่าหลงซือเย่ก็ไม่เห็นเขาเช่นกัน
ใบหน้าของเขาสวมหน้ากากปีศาจที่น่าสะพรึงเอาไว้ชัดๆ แต่กลับทำให้คนรู้สึกถึงความสูงศักดิ์ราวกับมีแสงเจิดจรัสส่องออกมาจากร่าง เมื่อปรากฏตัวขึ้นย่อมเป็นจุดเด่นอย่างแน่นอน คนทั้งหมดจะกลายเป็นฉากประกอบของเขา
หลังจากหลงซือเย่จากไปแล้ว นัยน์ตาที่อยู่เบื้องหลัง หน้ากากของเขาพลันโชนแสงน้อยๆ แวบหนึ่งริมฝีปากงดงามได้รูปโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ คล้ายจะยิ้มเยาะอย่างเลือดเย็น ทั้งยังแฝงความไม่แยแสอยู่เล็กน้อย
เขาเหลือบมองข้างในห้องแวบหนึ่ง นัยน์ตาเขาฉายแววชอบใจขึ้นมาแวบหนึ่ง
ดูเหมือนจะน่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว…
“ใครอยู่ตรงนั้น?” จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็ตะโกนเสียงดัง วัตถุสีดำชิ้นหนึ่งพุ่งเข้าหาใบหน้าบุรุษชุดขาวขาวผู้นั้น
นัยน์ตาบุรุษชุดขาวเปล่งแสงแวบหนึ่ง ไม่หลบการโจมตีของเธอ เพียงสะบัดแขนเสื้อเล็กน้อย วัตถุสีดำชิ้นนั้นก็ถูกบังคับให้หยุดลง ลอยนิ่งอยู่ตรงนั้น แต่ของที่อยู่ด้านในกลับสาดกระจายออกมา…
น้ำหมึก!
บุรุษชุดขาวยกแขนเสื้อขึ้นกั้นนํ้าหมึกที่สาดออกมา ปะทะเข้ากับสิ่งกีดขวางจึงไหลย้อย