Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 2

บทที่ 2

สาวน้อย เจ้าไม่กลัวข้าหรือ ?

“ข้าน้อยรับบัญชา” ชายร่างใหญ่ทั้งสองขานรับ “ท่านโหว[1]โปรดระงับโทสะ ตรงนี้ยังมีอยู่อีกหนึ่งคน ขอเชิญท่านโหวสุขสำราญ”

กล่าวพลางวางกู้ซีจิ่วที่โดน ห่อม้วนไว้ด้วยผ้าห่มผืนบางลงบนเตียงใหญ่

สายตาคมปลาบของชายคนนั้นหลุบมองใบหน้าของกู้ซีจิ่ว สองคิ้วพลันขมวดมุ่น แสดงสีหน้ารังเกียจออกมา

“อัปลักษณ์ยิ่งนัก! ไปเอาขยะเช่นนี้มาจากไหนกัน?”

กู้ซีจิ่วย่อมไม่เคยเห็นใบหน้าของตนในร่างนี้มาก่อน รู้เพียงแต่ว่าในร่างกายนี้ไม่มีกำลังภายในใดๆ เลย หากว่าเธอสู้แบบแข็งชนแข็ง[2] มีความเป็นไปได้เก้าใน สิบส่วนที่จะต้องทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงไม่เคลื่อนไหวชั่วคราว เพื่อหาโอกาสที่เหมาะสม…

ชายร่างใหญ่ทั้งสองคนก้มศีรษะลงด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ท่านโหว เด็กสาวผู้นี้แท้จริงแล้วรูปร่างไม่เลว ข้าน้อยหาเด็กสาวคนอื่นที่เหมาะสมได้ไม่ทัน แต่ท่านโหวโปรดวางใจ นางยังบริสุทธิ์อยู่แน่นอน อีกทั้ง ยังผ่านการชำระร่างกายด้วยนํ้าปรุงแล้ว…”

ชายหนุ่มโบกมือไปมา ชายร่างใหญ่ทั้งสองเข้าใจได้ทันที จึงโน้มตัวลงหามร่างเด็กสาวที่หมดสติอยู่ออกไป ในห้องจึงเหลือเพียงแต่ท่านโหวผู้นั้นและกู้ซีจิ่วที่ถูกมัดไว้ในผ้าห่ม สายตาของท่านโหวมองสำรวจใบหน้าของกู้ซีจิ่วอีกครั้ง และได้สบเข้ากับดวงตากลมโตคู่นั้นของกู้ซีจิ่วที่ไร้ซึ่งความตื่นตระหนก ไร้ความหวาดกลัวและการขอความเมตตา มีเพียงความมืดมิดเท่านั้น ความประหลาดใจวาบผ่านในดวงตาของเขา

“สาวน้อย เจ้าไม่กลัวข้าหรือ?”

“ไม่กลัว” กู้ซีจิ่วตอบด้วยนํ้าเสียงสงบนิ่ง บนโลกนี้สิ่งที่ทำให้เธอกลัวได้มีอยู่ไม่น้อย แต่เธอไม่กลัวคนที่กำลังจะตายอย่างแน่นอน

“คาดไม่ถึงเลย สาวน้อยอัปลักษณ์เช่นเจ้าจะกล้าหาญยิ่งนัก!” สายตาของท่านโหวกวาดมองใบหน้าของกู้ซีจิ่วอีกครา จึงพบว่าองคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าของสาวน้อยผู้นี้ช่างงามเฉิดฉายยิ่งนัก โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้น เป็นดวงตาที่กระจ่างใสแวววาว คล้ายมีดวงดารามากมายพร่างพรายอยู่ภายในดวงตา

แม้ร่างกายจะผอมแห้งไปหน่อย แต่ว่าผิวพรรณกลับไม่เลวทีเดียว ขาวเนียนนุ่มดั่งไข่ปอก หากไม่ใส่ใจปานแดงขนาดใหญ่ที่อยู่บนหน้าผากของนางแล้ว สาวน้อยผู้นี้ก็ นับว่าเป็นหญิงงามผู้หนึ่ง น่าเสียดายยิ่งนัก…

แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้ปลดปล่อยอย่างแท้จริง ทั้งยังไม่มีตัวเลือกอื่น ทำได้เพียงมองข้ามปานแดงขนาดใหญ่ของนางชั่วคราว แล้วก็ร่วมอภิรมย์กับนางเสีย…

แววตาที่เหมือนหมาป่าของเขาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของกู้ซีจิ่ว จากนั้นก็ยื่นมือไปกดหน้าท้องของนางผ่านผ้าห่มแล้วชักมือกลับไปทันที ริมฝีปากเหยียดโค้งขึ้น

“ที่แท้นอกจากเจ้าจะเป็นหญิงอัปลักษณ์แล้ว ยังเป็นสวะที่ไร้พลังวิญญาณด้วย” ในที่สุดเขาก็วางใจได้แล้ว หญิงสาวทั้งหมดที่ถูกเขาลักพาตัวมาไม่มีใครที่เห็นเขาแล้วไม่หวาดกลัว เมื่ออยู่บนเตียงของเขา เกือบทุกคน ล้วนเนื้อตัวสั่นเทา ร้องไห้คร่ำครวญ วอนขอความเมตตา พยายามดิ้นรนต่อสู้… แต่สุดท้ายก็สิ้นใจตายใต้ร่างเขาอย่างไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น

คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะพบกับผู้ที่ไม่หวาดกลัวเขา ทั้งยังสามารถเจรจาตอบโต้เขาอย่างเยือกเย็น เขายังคิดอยู่ว่าสาวน้อยผู้นี้อาจมีวรยุทธ์ที่ร้ายกาจ ดังนั้นจึงลองทดสอบดู

คิดไม่ถึงว่าเด็กสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขา ภายในจุดตันเถียน[3]ของนางไม่มีพลังใดๆ เลย เทียบกับคนธรรมดายังไม่ได้เลยด้วยซํ้า นับว่าเป็นสวะไร้ค่าชิ้นใหญ่ที่ยากจะได้พบ! เขาคล้ายจะนึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้นัยน์ตาที่มองกู้ซีจิ่ววูบไหว “ข้ารู้แล้ว เจ้าคือบุตรสาวไร้ค่าผู้น่าขบขันที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกจวนแม่ทัพผู้ คู่หมั้นขององค์ชายสิบสอง!” ประโยคนี้ของเขาคล้ายเป็นกุญแจไขความทรงจำของกู้ซีจิ่ว ความรู้สึกนึกคิดนับไม่ถ้วนที่ไม่ใช่ของเธอกำลังหลั่งไหลเข้าสู่สมองเธอ…

ความทรงจำนี้น่าเป็นความทรงจำจากเจ้าของเดิมของร่างนี้ ภาพเหล่านั้นยุ่งเหยิงซับซ้อน แต่ไม่กี่ประโยคกู้ซีจิ่วก็สามารถประมวลผลออกมาได้แล้ว

………………………….

[1]โหว ในสมัยจีนโบราณบรรดาศักดิ์ 5 ขั้นรองจากอ๋อง คือ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน ตามลำดับ แต่ละสมัยจะมีคำเรียกและลำดับแยกย่อยแตกต่างกัน โดย ‘กง’ ถือเป็นยศสูงสุดของขุนนาง

[2]แข็งชนแข็ง ความหมายคือ การใชไม้แข็งเข้าปะทะกับอีกฝ่าย

[3]จุดตันเถียน เชื่อว่าเป็นจุดที่ใช้กักเก็บสะสมพลังปราณในร่างกาย จะอยู่ใต้สะดือ ประมาณ 3 นิ้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version