Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 279

บทที่ 279

ยังต้องคิดอีกหรือ?

บนรถม้าสีเงินยวงคือสตรีชุดขาวนางหนึ่ง บนหน้าคลุมด้วยแพรผืนบาง เผยเพียงดวงตาใสกระจ่าง ถึงแม้เสื้อคลุมของนางจะหลวมโคร่งจนมองทรวดทรงไม่ออก แต่มองจากบุคลิกท่วงท่าแล้วต้องเป็นโฉมงามผู้ลํ้าเลิศแน่

ชาวบ้านที่อยู่ด้านล่างแทบจะหยุดหายใจ!

ชาวเฟยซิงรู้สึกว่าหลายวันมานี้คือวันมงคล ไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งจะได้ยลโฉมเจ้าสำนักถามสวรรค์และท่านทูตสวรรค์ซ้ายขวา มาวันนี้ก็ได้เห็นเจ้าสำนักเก้าดารากับเจ้าสำนักหยินหยางปรากฏตัวพร้อมกันอีก! กำไรชัดๆ!

ต้องทราบก่อนว่า ตามปกติแล้วทั้งห้าคนนี้แทบจะไม่ปรากฏตัวเลย! ทว่าในระยะหลายวันมานี้กลับได้พบทั้งหมดแล้ว!

ถึงแม้ท่านผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้จะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนโดยสวมหน้ากากหรือสวมผ้าคลุมบดบังใบหน้าที่แท้จริง แต่ก็เพียงพอจะทำให้พวกชาวบ้านตื่นเต้นแล้ว

แน่นอน เนื่องจากทั้งสองคนที่ปรากฏตัววันนี้มาจากต่างอาณาจักร อีกทั้งต่างดำรงตำแหน่งราชครูของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยและ อาณาจักรเจาหยาง เมื่อชาวเฟยซิงพบเห็นพวกเขาจึงค่อนข้างสำรวม ไม่ได้ไชโยโห่ร้องคุกเข่ากราบกราน แต่เพียงพากันค้อมเอวคำนับ

‘บุรุษชุดแดงคนนั้นคือเจ้าสำนักเก้าดารา นามว่าเชียนเยวี่ยหร่าน ฝึกฝนวิชาวิญญาณธาตุไฟ ควบตำแหน่งราชครูของอาณาจักรเฮ่าเยวี่ย ปีนี้อายุ 93 ปี สตรีชุดขาวนางนั้นคือเจ้าสำนักหยินหยาง นามว่าฮวาอู๋เหยียน ฝึกฝนวิชาวิญญาณธาตุน้ำ ควบตำแหน่งราชครูของอาณาจักรเจาหยาง ปีนี้อายุ 86 ปี หยกนภาเริ่มเป็นสารานุกรมไป๋ตู้ให้เจ้านาย

กู้ซีจิ่วตะลึงงัน

สมกับเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของทวีปนี้โดยแท้ แต่ละคนอายุมากปูนนี้แล้ว แต่ยังคงรักษารูปโฉมเยาว์วัยไว้ได้เหมือนเก่า เห็นทีว่าการฝึกฝนพลังวิญญาณจนถึงขั้นสูงสุดจะมีผลดีมากมายจริงๆ สามารถมือายุยืนยาวและคงรูปโฉมงดงามเอาไว้ได้

‘เจ้านาย ข้าว่าท่านควรจะครุ่นคิดว่าพวกเขามาด้วยเหตุใด มิใช่มาพินิจพิเคราะห์ตำรับความงามของพวกเขาอยู่เช่นนี้’ หยกนภารู้สึกหมดคำพูด

กู้ซีจิ่วเหยียดหยาม ‘ยังต้องคิดอีกหรือ? การทดสอบต่อหน้าสาธารณชนด้องมีผู้ช่วยสองคน ผู้ช่วยทั้งสองคนนี้จะต้องมีตำแหน่งสูงส่ง และเคยเป็นศิษย์ของสวรรค์เบื้องบนถึงจะใช้ได้ เนื่องจากหลงซือเย่เคยลักพาตัวข้าหนหนึ่ง มีความเห็นแก่ตัว เขาย่อมถูกถอดถอนไป เมื่อวานทูตสวรรค์ฝ่ายขวาเทียนจี้เยวี่ยถูกตี้ฝูอี ทุบจนน่วม ไม่รู้ว่าตอนนี้หลบไปรักษาตัวอยู่ซอกหลืบมุมใด ย่อมมาไม่ได้แล้ว ตี้ฝูอีคงจะแจ้งให้สองคนนี้ทราบแล้วเชิญมาในชั่วข้ามคืน’

เธอเพิ่งจะอธิบายแก่หยกนภาถึงตรงนี้ ทั้งสองคนที่เพิ่งมาถึงด้านบนก็กระโจนลงมาแล้ว

เจ้าสำนักเก้าดาราเชียนเยวี่ยหร่านไม่มีพิธิรีตองอะไร เขาพุ่งลงมาตรงๆ ดุจกระสุนปืนใหญ่! ทำให้ชาวบ้านที่ชมดูอยู่ด้านล่างหัวใจเต้นระรัวตามไปด้วย!

ทว่ายามที่เขาร่อนสู่พื้นกลับแผ่วเบายิ่ง ทั้งที่มีพรมขนสัตว์สีขาวปูไว้บนแท่นเบิกสวรรค์ แต่ขนอ่อนนุ่มบนพรมนั้นไม่โค้งงอเลยสักนิด!

วิชาตัวเบาเยี่ยมยอดนัก!

กู้ซีจิ่วเป็นผู้เชี่ยวชาญ ยังอดจะชมเชยอยู่ในใจไม่ได้!

ส่วนเจ้าสำนักหยินหยางฮวาอู๋เหยียนเหินทะยานอาภรณ์ปลิวไสวลงมา ท่วงท่าอ่อนช้อย ถึงขั้นหมุนตัวกลางอากาศเล็กน้อยแล้วค่อยร่อนลงถึงพื้นโดยไร้สุ้มเสียงเช่นกัน

ขนพรมอ่อนนุ่นใต้รองเท้าปักลายของนางโค้งลงกึ่งหนึ่ง กู้ซีจิ่วมองไม่ออกว่าวิทยายุทธ์อื่นของนางเป็นเช่นไร แต่สำหรับวิชาตัวเบาแล้ว ฮวาอู๋เหยียนผู้นี้ด้อยกว่าเชียนเยวี่ยหร่านอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างไรก็น่าตื่นตาตื่นใจมาก

หน้ากากบนใบหน้าเชียนเยวี่ยหร่านดุดัน นํ้าเสียงก็แจ่มชัดเปิดเผย “พี่ตี้ ข้าคงมิได้มาสายกระมัง? พอข้าได้รับสารด่วนจากท่านก็รีบออกเดินทางทันที! เล่นเอาปีกเพลิงของบ้านข้าเหน็ดเหนื่อยจนขนแทบร่วงแล้ว”

เมื่อฮวาอู๋เหยียนถึงพี้นก็แย้มยิ้มประสานมือคำนับตี๋ฝูอี “ฝูอี ไม่ได้พบกันนานเลย”

เสียงใสเสนาะดุจกระดิ่งเงิน เทียบกับสาวงามวัยแรกแย้มได้เลยทีเดียว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version