Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 31

บทที่ 31

ข้าก่อกวนตรงไหนกัน

เมื่อกู้ซีจิ่วจะย่างเท้าก้าวเข้าไป ก็ถูกเด็กหนุ่มคนหนึ่งยื่นมือมาขวางไว้ เด็กหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าหล่อเหลา เชิดหน้าเสียจนจมูกแทบจะแตะฟ้า โบกมือไล่กู้ซีจิ่วเหมือนกับไล่แมลงวัน “ไปซะ ชิ่วๆ ที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่เด็กบ้านนอกอย่างเจ้าจะสามารถเข้ามาได้ไสหัวไปซะ! อย่าอยู่ให้รกสถานที่แห่งนี้!”

จะมาเป็นคนงานของหอเลิศทรัพย์แห่งนี้ ต่อให้เป็นเพียงเด็กเฝ้าประตูก็มิอาจดูเบาวรยุทธ์ได้ทุกๆ คนล้วนมีฝีมือเยี่ยมยอด ชายร่างใหญ่กำยำหลายสิบคนก็ไม่มีทางเข้าใกล้ได้

เด็กหนุ่มคนนี้คิดเอาว่าแค่ผลักสักทีก็คงทำให้กู้ซีจิ่วกระเด็นไปได้แล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะแค่เบี่ยงเท้าหลบก้าวหนึ่ง ทำให้เขาผลักโดนความว่างเปล่า ฝ่ามือเฉียดผ่านแขนเสื้ออีกฝ่ายเท่านั้น ปลายนิ้วของเขาก็ไม่รู้ว่าโดนสิ่งใดตำเข้า เจ็บปวดไปถึงขั้วหัวใจ

เขารีบก้มลงตรวจดูปลายนิ้ว นิ้วมือนั้นขาวเนียน รอยแดงสักรอยก็ไม่มี ก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกติ

ทว่ากระดูกนิ้วกลับรู้สึกคล้ายถูกเข็มแหลมทิ่มแทง ไม่เพียงแต่เจ็บนิ้ว ทว่ายังรู้สึกปวดไปทั้งแขน ความเจ็บปวดของเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาหันกลับมาแล้วผรุสวาทออกมาอย่างอดไม่อยู่ “ไอ้ เด็กบ้านนอก เจ้าใช้มนต์ชั่วร้ายใดลอบทำร้ายข้า?!”

กู้ซีจิ่วคล้ายกับยืนอยู่ตรงที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน เลิกคิ้วแล้วกล่าว “มนต์ชั่วร้ายอันใด? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเจ้าเป็นผู้ผลักข้า ข้าไม่ได้โต้กลับเลยด้วยซ้ำ ไหนเลยจะสำแดงมนต์ชั่วร้ายอะไรออกมาได้เล่า?”

เจ้าหนุ่มนี่น่าชังยิ่ง อย่างไรเสียเธอก็เป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ที่ผ่านทางมา ทว่าเขากลับลงมือหนักเช่นนี้!

เคราะห์ดีที่วันนี้เป็นเธอ หากว่าเป็นแค่เด็กธรรมดาละก็เกรงว่าจะถูกผลักจนกระเด็นไปไกลถึงสามจั้งแล้ว เมื่อร่วงลงมาก็เหมือนตายไปแล้วครึ่งตัว!

ดังนั้นหลังจากที่เธอหลบพ้นอย่างไม่ยากเย็นอะไรจึงฉวยโอกาสมอบความเจ็บปวดให้เจ้าหนุ่มนี่ซะบ้าง ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นเอาชีวิตเขา แต่ก็ทำให้เขาได้รับความเจ็บปวดเป็นเวลาครึ่งชั่วยาม ถือเป็นการมอบบทเรียนโทษฐานที่เขาดูหมิ่นผู้อื่น

เด็กหนุ่มคนนั้นเจ็บจนใจจะขาด อยากจะตัดแขนข้างนั้นทิ้งเสีย เด็กหนุ่มคนอื่นๆ เห็นแล้วก็พากันมาห้อมล้อมเขา เห็นเขาเจ็บปวดจนเหงื่อซึมออกมาไม่ขาดสาย แต่ นิ้วมือนั้นมองดูแล้วก็ไม่เห็นมีร่องรอยอะไร

เด็กหนุ่มคนหนึ่งคิดจะนำมือของเขามาดูให้ละเอียด คิด ไม่ถึงว่าเพิ่งจะแตะถูกข้อมือของเขา เขาก็สะบัดแขนเร่าๆ “เจ็บ เจ็บ! มีเข็ม มีเข็ม…”

คนทั้งหมดเบิ่งตากว้าง มองอย่างไรก็ไม่เห็นจะมีเข็มอยู่ตรงไหน

“ท่านเป็นใครกัน? มาก่อกวนที่นี่ทำไม?” เด็กหนุ่มที่ค่อนข้างสุขุมคนหนึ่งเอ่ยกับกู้ซีจิ่ว เด็กหนุ่มคนอื่นๆ ก็กระจายตัวออกไปโดยไร้สุ้มเสียง ยืนเป็นรูปแบบสาม เหลี่ยมล้อมกู้ซีจิ่วไว้ตรงกลาง

กู้ซีจิ่วยืนอยู่ตรงนั้นเช่นเดิม สะบัดแขนเสื้อน้อยๆ กล่าวอย่างเย็นชา “ข้าก่อกวนตรงไหนกัน? ในเมื่อที่นี่เป็นโรงประมูล ก็ควรจะต้อนรับขับสู้แขกทุกชนชั้น แล้วเหตุใดจึงขับไล่ข้าเล่า?”

เด็กหนุ่มคนนั้นไม่พูดอะไรสักคำก็ยื่นมืออกมา “ที่แท้เป็นแขกที่มาร่วมงานประมูลนี่เอง เช่นนั้นโปรดแสดงป้ายสมาชิกด้วย!”

จะเข้าโรงประมูลก็ยังต้องเป็นสมาชิก? นึกไม่ถึงว่าระบบสมาชิก VIP ก็เป็นที่นิยมในยุคนี้ด้วย…

กู้ซีจิ่วย่อมไม่มีป้ายสมาชิกอะไรนั้นอยู่แล้ว เธอลอบถอนหายใจออกมา เห็นทีว่าถ้าอยากเข้าไปชมความครึกครื้นจะต้องหาวิธีอื่นเสียแล้ว

เธอกำลังจะตอบว่าไม่มี แต่ทันใดนั้นก็มีมือขาวเนียนละเอียดเหมือนหยกยื่นออกมาจากด้านข้าง มีป้ายหยกสีเขียวชิ้นหนึ่งวางสงบนิ่งอยู่กลางฝ่ามือ ตามมาด้วยเสียงกระจ่างใสมีเสน่ห์ดึงดูดเสียงหนึ่งที่ดังขึ้น “ป้ายสมาชิกของเขาอยู่นี่”

กู้ซีจิ่วหันไปเห็นแขนเสื้อสีขาวพระจันทร์แล้วก็พบกับใบหน้างดงามปานล่มเมืองขององค์ชายหรงเช่อ เขายืนอยู่ข้างกายเธอ บนเสื้อคลุมสีขาวพระจันทร์นั้นราวกับมีแสงจันทร์ไหวระยับ ในดวงตาดอกท้อคู่นั้นของเขาก็เหมือนมีประกายแสงจางๆ ไหวระริกอยู่ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ทำให้แสงโคมแวววาวที่เบื้องหลังของเขาคล้ายสูญเสียความสว่างไป

เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นแขกประจำของที่นี่ ครั้นเด็กหนุ่มทั้งสี่คนนั้นมองเห็นเขาแล้วต่างคุกเข่าลงไปพร้อมกัน “ถวายบังคมองค์ชายแปด”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version