บทที่ 530
จุดประสงค์ของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 7
โชคดีที่เธอกับเขาไม่ต้องพบหน้ากันบ่อยๆ ไม่แน่ชั่วชีวิตนี้อาจพบกันแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนัก เธอต้องอดกลั้นไว้ต่อไป
กู้ซีจิ่วยังต้องการเป็นเด็กน้อยว่านอนสอนง่ายต่อหน้าเขาอยู่ ดังนั้นเธอจึงกล่าวขออภัยแล้วเริ่มจัดการเส้นผม…
ถึงแม้พลังวิญญาณของเธอจะมากพอ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่เคยเรียนรู้วิชาเหล่านั้นอย่างเป็นระเบียบแบบแผนมาก่อน แถมยังไม่เคยใช้พลังวิญญาณเป่าผมให้แห้ง ดังนั้นเธอจึงโต้ลมแล้วหวีผม แบบนี้จึงแห้งเร็วขึ้นหน่อย
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยืนมองนางอยู่ด้านข้าง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเด็กสาวยามหวีผมก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
เดิมทีเขาคิดจะใช้วิชาบางอย่างช่วยให้เส้นผมของนางแห้ง แต่ในเมื่อเจริญหูเจริญตาขนาดนี้ เช่นนั้นก็ปล่อยให้นางทำตามใจเถิด
กู้ซีจิ่วย่อมไม่คิดจะให้ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ด้านข้างรอนาน ดังนั้นแม้แต่หวีผมเธอก็ใช้เวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น เมื่อเส้นผมแห้งอย่างหมาดๆ ก็รวบขึ้นเลย
เธอทำทรงผมที่ไม่ค่อยซับซ้อนนักมาโดยตลอด เพียงมัดรวบแบบธรรมดาเท่านั้น
เส้นผมหมาดชื้นผนวกกับทรงผมธรรมดา ทำให้เธอดูแก่กว่าวัยไปสี่ห้าปีเลย!
ความงามอันเลิศลํ้าของช่วงเจริญวัย ถูกการแต่งกายเช่นนี้ของเธอลดทอนลงไปสามส่วน
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ที่รักความสมบูรณ์แบบ ตัวเขาสมบูรณ์แบบ ย่อมทนเห็นความไม่สมบูรณ์แบบของผู้อื่นไม่ได้ โดยเฉพาะกับเด็กสาวที่เขาสนใจ…
เขาพยายามอดกลั้นแล้ว แต่อดไว้ไม่อยู่ กวักมือเรียกนาง “มานี่ เปิ่นจุนจะทำผมให้เจ้า”
กู้ซีจิ่วตกตะลึง
เธอได้รับความเอ็นดูโดยไม่คาดฝันจนรู้สึกประหลาดใจ!
……………………
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนศิลาเขียวก้อนหนึ่ง ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ทำผมให้เธอ
นิ้วมือเรียวยาวขาวเนียนสอดพันไปมาระหว่างเส้นผมของเธอ ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ เพียงไม่กี่นาที ทว่ากลับทำให้คนรู้สึกสงบสุขยืนยาว
บนร่างท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มีกลิ่นหอมที่อ่อนจางยิ่งนักสายหนึ่ง หอมอบอวลเย้ายวน คล้ายทั้งจริงทั้งลวง แต่พอตั้งใจสูดดมกลับไม่ได้กลิ่นใดเลย
กู้ซีจิ่วนึกถึงตี้ฝูอีขึ้นมาอีกครา จะว่าไปก็แปลก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ากลิ่นหอมบนร่างท่านเทพศักดิ์สิทธิ์แตกต่างกับตี้ฝูอี แต่เธอกลับมีความรู้สึกว่าทั้งสองกลิ่นนี้มีต้นตอเดียวกัน
จู่ๆ ความคิดบ้าบิ่นอย่างหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ คงมิใช่ตี้ฝูอีปลอมตัวมากระมัง!
แน่นอน ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นมาก็ถูกกู้ซีจิ่วปัดทิ้งไป
นี่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
อีกอย่างบุคลิกของคนทั้งสองก็แตกต่างกันลิบลับ ต่อให้บุคลิกคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง ตี้ฝูอีก็ไม่กล้าแอบอ้างว่าเป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หรอก!
แอบอ้างเป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มีโทษมหันต์ประหารเก้าชั่วโคตร!
ต่อให้ตี้ฝูอีใจกล้าเพียงใจ พิลึกเพียงใด ก็คงไม่รนหาที่ตายเช่นนี้กระมัง?
มิเช่นนั้นหากถูกจับได้เกรงว่าตำหนักคํ้านภาของเขาคงถูกพังราบเป็นหน้ากลอง!
เธอใจลอยไปบ้าง พอเธอรู้ตัวอีกที กระจกบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เสียงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ดังขึ้นริมหูเธอ “เอาล่ะ มองตนเองยามนี้สิ”
เด็กสาวในกระจกปล่อยเส้นผมดำขลับลงมากึ่งหนึ่ง ขับเน้นให้รูปโฉมนางสะคราญปานบุปผา ดวงหน้างามเฉิดฉัน
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ นึกไม่ถึงเลยว่าผู้สูงส่งอย่างท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะทำผมให้เด็กสาวได้ ซ้ำยังทำได้ดูดีถึงเพียงนี้ด้วย!
ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ ภายในเวลาไม่กี่นาทีนี้ เส้นผมของเธอซึ่งเดิมทีหมาดชื้นกลับแห้งสนิทแล้ว เส้นผมนุ่มสลวยดั่งเส้นไหม เรียบลื่นดั่งผ้าแพร พลิ้วไสวยิ่งกว่าเส้นผมในโฆษณาแชมพูเสียอีก!
“เอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนซะ” ในมือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มีอาภรณ์ตั้งหนึ่งเพิ่มขึ้นมา “ถ้าเจ้าสวมชุดนี้ เปิ่นจุนจะคิดว่าเจ้าอยากท้าทายเปิ่นจุน”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ พวกเราไม่ควรจุกจิกกันถึงเพียงนี้กระมัง?
มิใช่ว่าท่านมาหาข้าเพราะมีเรื่องจะพูดหรอกหรือ?
พูดจบแล้วท่านคงจะจากไปเลยใช่หรือไม่?
ช่วงเวลาพูดคุยจะยาวนานสักแค่ไหน?
มันคุ้มค่ากับการที่ท่านจัดแจงข้าถึงเพียงนี้ประหนึ่งจะให้ใปเดินแบบหรือไม่?