Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 551

บทที่ 551

มีท่านอยู่ ข้าไม่กลัว 2

เช่นนั้นยามนี้นางรู้สึกต่อเขาอย่างไร?

“กู้ซีจิ่ว เจ้าคิดว่าเปิ่นจุนเป็นเช่นใด? ในหัวใจเจ้าเปิ่นจุนเป็นอะไรสำหรับเจ้า?”

“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ลึกลับ เที่ยงธรรม ยิ่งใหญ่…ในหัวใจของซีจิ่วท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มีฐานะเสมือนบิดา” กู้ซีจิ่วเอ่ยความรู้สึกที่มีต่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ออกมา

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พูดไม่ออก

‘ฟุ่บ!’ เขาสลายเกราะคุ้มกายออก พานางพุ่งหลาวลงด้านล่าง

กู้ซีจิ่วร่วงดิ่งลงมาโดยไม่ได้ตั้งตัว ความรู้สึกนั้นคล้ายกับการกระโดดร่มบนเครื่องบิน พอกระโดดลงมาแล้วกลับพบว่าบนร่างไม่มีร่มชูชีพ…

ความรู้สึกที่ได้รับย่อมหวาดเสียวเป็นอย่างยิ่ง!

ถึงขนาดที่ว่าคนสุขุมเยือกเย็นเช่นเธอเกือบจะกรีดร้องออกมา เคราะห์ดีที่ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอว่องไวยิ่งนัก ตวัดแขนโอบเอวเขาไว้แน่น

ต่อให้ร่วงดิ่งลงไปเธอก็จะดิ่งลงไปคู่กัน! ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ลํ้าเลิศถึงเพียงนี้ ขอเพียงเธอลากเขามาเป็นเบาะรอง ก็คงจะไม่หล่นลงไปกระแทก…

การคาดเดาของเธอแม่นยำนัก ยามที่เธอและเขาร่วงหล่นลงมาอย่างบ้าคลั่ง แต่ยามที่ร่วงลงสู่พื้นกลับแผ่วเบามาก เมื่อคนทั้งสองแตะถึงพื้นฝุ่นแทบจะไม่ลอยขึ้นมาด้วยซ้ำ

วินาทีที่สองเท้าของกู้ซีจิ่วเหยียบลงบนผืนดิน ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

รีบคลายแขนที่โอบเอวท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ไว้ออกทันที ถอยหลังไปหลายถ้าว เว้นระยะห่างกับเขาเล็กน้อย

คนผู้นี้จุกจิกเกินไปแล้ว! เทียบกับทูตสวรรค์ฝ่ายช้ายได้เลย!

สองคนนี้ช่างสมกับที่เป็นสหายรักกันเสียจริง นิสัยจุกจิกเช่นนี้ เหมือนกันไม่มีผิด

ดูเหมือนประโยคที่ตนกล่าวเมื่อครู่จะไปยั่วยุเขาเข้า แต่ตรงไหนกันล่ะที่ผิด?

หรือเขาเดียดฉันท์ที่เธอเรียกขานเขาได้ไม่น่าเคารพมากพอ? ถึงอย่างไรเขาก็อายุหลายพันปีแล้ว มีฐานะเสมือนปู่เทียดของเธอ

เพียงความคิดเหล่านี้เป็นเรื่องที่แวบผ่านเข้ามาในสมองกู้ซีจิ่วเท่านั้น เนื่องจากในที่สุดเธอก็จะได้เห็นมือมืดที่บงการอยู่เบื้องหลังแล้ว…

ที่นี่มีคนอยู่ไม่น้อย

มีทูตทั้งสามลูกน้องของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ มีกู่ฉานโม่ตามด้วยผู้อาวุโสหน่วยคุ้มกันของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อีกสี่ท่าน รวมทั้งหมด 8 คนล้อมคนชุดเขียวผู้หนึ่งอยู่ตรงนั้น

คนชุดเขียวผู้นั้นสวมเสื้อผ้าสีเขียวขจีเหมือนสีของต้นไม้ที่รายล้อมอยู่รอบด้าน ใบหน้าสวมหน้ากากสีเขียวอันหนึ่งไว้ ในมือมีขลุ่ยหยกเลาหนึ่ง กำลังเบี่ยงซ้ายป่ายขวาอยู่ในวงโจมตีของคนทั้งแปด

กู้ซีจิ่วมองคนผู้นี้เพียงแวบเดียวก็ทราบแล้วว่าวรยุทธ์ของอีกฝ่าย สูงส่งจนน่าสะพรึง!

ทูตทั้งสามของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์รวมถึงกู่ฉานโม่และสี่คนนั้นใครบ้างล่ะที่ไม่ใช่ยอดฝีมือผู้เลิศลํ้า? สุ่มใครก็ได้ออกไปสักคนก็สามารถสร้างพายุฝนสั่นสะเทือนใต้หล้าได้แล้ว แต่ยามนี้ทั้งแปดคนกลับรวมกลุ่มกันรุมโจมตีศัตรูเพียงคนเดียว ซ้ำยังมิใช่ฝ่ายได้เปรียบอีกด้วย!

ท่าร่างของคนผู้นั้นปานภูตผี เดี๋ยวซ้ายเดี๋ยวขวา เดี๋ยวหน้าเดี๋ยวหลัง ร่างกายยืดหยุ่นดั่งอสรพิษ มักจะบิดโค้งด้วยองศาวกวนที่มนุษย์ปกติยากจะกระทำ ทำให้การโจมตีของอีกฝ่ายล้มเหลว

ถึงขั้นที่ว่าแม้จะอยู่ภายใต้การโจมตีอันดุเดือดของคนทั้งแปดเขาก็ยังโต้กลับได้ กระบวนท่าที่เขาใช้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก มักจะลอบโจมตีผู้คนจากมุมที่ใครก็คาดไม่ถึง ทำให้ผู้อื่นยากจะป้องกันได้

คนผู้นี้มีธาตุไม้ ทุกการเคลื่อนไหวสามารถทำให้ต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างเอื้อประโยชน์แก่เขาได้ เปลี่ยนใบไม้ใบหญ้าให้เป็นมีดบินคมกริบ ทำให้เถาวัลย์บนพันลอยขึ้นมารัดพันผู้อื่น แม้กระทั่งต้นไม้ ใหญ่หลายต้นที่ดูเหมือนยังมีชีวิตอยู่ แผ่กิ่งก้านสาขานับไม่ถ้วน ออกมาพัวพันคน แถมยังมีต้นไผ่โบกสะบัดไปมาประหนึ่งบ้าคลั่งอยู่ตรงนั้น กิ่งไผ่มากมายส่งเสียงขลุ่ยเสียดหู ทำให้คนที่ได้ยินแทบจะ คลุ้มคลั่งขึ้นมา

กู้ซีจิ่วเคยเห็นฉากต่อสู้มากมายแล้ว แต่พอเห็นฉากนี้ก็รู้สึกว่าได้เปิดหูเปิดตา!

แน่นอน เสียงขลุ่ยนั้นเสียดหูเกินไป เธอฟังได้ครู่เดียวก็รู้สึกว่าหูแทบแตกแล้ว! ทำให้เธอทนไม่ไหวอยากจะหมีไปให้พัน อีกทั้งอุดหูไปก็ไม่มีประโยชน์ เสียงขลุ่ยนั้นยังคงเจาะทะลวงเข้าไปในรูหู เสมือนเส้นลวด…

“เดินลมปราณ แผ่ไปทั่วลิ้น…” จู่ๆ เสียงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้นริมหูเธอ สิ่งที่ท่องคือเคล็ดบทหนึ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version