บทที่ 553
มีท่านอยู่ ข้าไม่กลัว 4
ในระหว่างนี้ ทั้งเก้าคนล้วนถูกคนชุดเขียวโจมตีด้วยระดับที่แตกต่างกันไป แต่ละคนเลือดตกยางออก ทว่าดวงตาทุกคนแดงก่ำ เปี่ยมไอสังหาร
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็มองดูอยู่ด้านข้าง ถ้าพวกเขาเก้าคนยังล้มคนๆ เดียวลงไม่ได้ ยังจะมีหน้าไปอารักขาท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อีกได้อย่างไร? จะเป็นอาจารย์ใหญ่และผู้อาวุโสของสำนักศึกษาอันดับ หนึ่งในใต้หล้าต่อได้อย่างไร
ทั้งเก้าคนเริ่มทุ่มเทอย่างสุดกำลัง
เหวทุตทั้งสี่ไม่ค่อยได้ร่วมมือกันจัดค่ายต่อกรกับศัตรูบ่อยๆ ส่วนพวกกู่ฉานโม่ก็เนิ่นนานปีแล้วที่ไม่ได้ประสบพบเจอคู่ต่อสู้ และไม่เคยร่วมมือกันต่อกรกับศัตรูมากนัก
ดังนั้นยามที่พวกเขาประสานค่ายกลออกมา การประสานงานของพวกเขาค่อนข้างติดขัด ไม่เชี่ยวชาญนัก
อีกทั้งเนื่องจากค่ายกลสี่พิธีการและค่ายกลห้าวิถีฉุดรั้งกันและกันเกือบทำร้ายตัวเอง
ดังนั้นจึงยังไม่ได้เปรียบ
แต่หลังจากค่อยๆ ต่อสู้กันไปชั่วระยะหนึ่ง ทั้งเก้าคนก็เข้าประจำตำแหน่งได้ชำนาญแล้ว การประสานงานก็เข้าขามากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อสำแดงกระบวนท่าทั้งหมดออกมาอีกครั้งอานุภาพที่ส่งออกมาก็เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว ในที่สุดก็สะกดความโอหังของคนชุดเขียวลงได้
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก และถือโอกาสมองตำแหน่งจัดค่ายกลของคนเหล่านั้นรวมถึงลูกไม้ที่แต่ละคนเชี่ยวชาญ พลางมองฝีไม้ลายมือที่แปลกประหลาดของคนชุดเขียวผู้นั้น
นี่คือโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับสังเกตเรียนรู้ การต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือผู้เลิศลํ้าเช่นนี้มิใช่จะได้เห็นกันง่ายๆ
สุภาษีตกล่าวไว้ว่า พยัคฆ์ร้ายก็ยังหวั่นเกรงฝูงหมาป่า โดยเฉพาะฝูงหมาป่าที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
ฝานไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดคนชุดเขียวผู้นั้นก็ถูกสารพัดวิชาซัดไล่ หน้ามืดตาลาย ล้มคว่ำลงไป
กู่ฉานโม่ปรีดานัก เข้าไปจับกุม ลงมือสกัดจุดอีกฝ่ายเป็นอันดับแรก จากนั้นก็ยื่นมือไปกระชากหน้ากากบนหน้าคนชุดเขียวผู้นั้นออก อยากจะเห็นนักว่าที่แท้แล้วคนผู้นี้มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ใดกัน แต่เมื่อกระชากออกเขาก็ต้องตะลึงงัน…
คนผู้นั้นไม่มีใบหน้า…
กล่าวอีกอย่างคือ ใบหน้าของเขาราบเรียบ จุดที่เดิมทีควรจะมีอวัยวะทั้งห้ากลับมีเพียงผิวหนังบางๆ ชั้นหนึ่ง…
กู่ฉานโม่พูดโพล่งออกมา “ที่แท้เจ้าคือผู้ใดกันแน่?!”
ผิวหนังตรงตำแหน่งที่แต่เดิมคือดวงตาของคนผู้นั้นขยับไหว มองไปยังทิศทางของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ เขาหัวเราะเยาะออกมา “พวกเจ้าลองเดาสิ?”
“ระวัง!” กู้ซีจิ่วตะโกนขึ้นมาในทันใด สะบัดแขนเสื้อออกไปทันที!
พายุสลาตันลูกหนึ่งกวาดม้วนเข้ามา พัดกู่ฉานโม่ให้ถอยไปหลายสิบก้าว…
ในขณะเดียวกันนี้ กลุ่มแสงเจ็ดสีก็พุ่งออกมาจากมือท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ห่อหุ้มรอบกายคนชุดเขียวผู้นั้นทันที
กู้ฉานโม่ยังไม่ทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ได้ยินเสียง ‘ตู้ม!’ ดังกึกก้อง คนชุดเขียวผู้นั้นเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ระเบิดขึ้นมาทันที!
เสียงระเบิดรุนแรงอย่างยิ่ง ทำให้แสงเจ็ดสีนั้นสั่นกระเพื่อมดั่งระลอกคลื่น
……….
ผ่านไปครู่หนึ่ง ฝุ่นธุลีร่วงโรยลงมา แสงเจ็ดสีก็สลายไป
ตรงจุดเดิมคนชุดเขียวผู้นั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแอ่งโลหิตสีแดงฉานแอ่งหนึ่ง แอ่งใหญ่แห่งนั้นทั้งลึกทั้งกลมมน จุดเกิดเหตุราวกับเกิดการระเบิดของกระสุนปืนใหญ่
กู่ฉานโม่อกสั่นขวัญกระเจิง ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย
เมื่อครู่เขาอยู่ใกล้กับคนชุดเขียวผู้นั้นที่สุด หากมิใช่เพราะกู้ซีจิ่ว ใช้พายุสลาตันพัดเขาออกมา และท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ใช้วิชาโอบล้อมป้องกันรอบข้างเอาไว้ ผลลัพธ์คงเลวร้ายเกินคาดคิด!
การระเบิดที่ทรงอานุภาพเช่นนี้ เกรงว่าคงสามารถระเบิดภูเขาลูกนี้ให้ราบเป็นหน้ากลองได้!
เขามองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ในใจค่อนข้างละอาย
เขาเกือบจะปรักปรำนางอย่างอยุติธรรม แต่นางกลับช่วยเหลือเขาไว้ในยามวิกฤต…
ถึงแม้วรยุทธ์ของแม่นางน้อยผู้นี้จะไม่เข้าขั้น แต่จิตใจกลับงดงามนัก อีกทั้งสายตายังเฉียบคมยิ่ง นางมองออกได้อย่างไรว่าคนผู้นี้จะระเบิดในทันที?
เขาเอ่ยขอบคุณกู้ซีจิ่ว พลางถามข้อสงสัยออกมา
กู้ซีจิ่วเม้มปากนิดๆ “ข้าเห็นว่าหน้าผากของเขามีแสงสีแดงพุ่งออกมา ยามที่อาจารย์จือจะแผดเผาตนหน้าผากก็มีแสงสีแดงจางๆ เช่นกัน เพียงแต่แสงสแดงของคนผู้นี้เด่นชัขัดกว่าของอาจารย์จือมากนัก”