Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 613

ตอนที่ 613 ร่วมมือกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ 5

กู้ซีจิ่วจึงนับจำนวนห้าวินาทีให้ดู “ระยะเวลาเท่านี้เจ้าค่ะ”

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า “สองวินาทีก็พอแล้ว!”

เขาสามารถปกป้องนางได้ล่วงหน้าสองวินาที

กู้ซีจิ่วผลิยิ้ม ปานบุปผา “เช่นนั้นก็ไม่กลัวแล้ว! ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เจ้าคะ ข้ามองออกล่วงหน้าก่อนที่คนจะระเบิดห้าวินาทีเจ้าค่ะ”

“ดียิ่ง!” ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า “ยืนอยู่ข้างข้า อย่าได้ซุกซน!”

“เจ้าค่ะ” กู้ซีจิ่วเขยิบเข้า ไปใกล้ๆ เขาอย่างว่าง่าย เว้นระยะห่างกับเขาหนึ่งฉื่อครึ่ง

ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เอียงคอมองท่าทางน่าเอ็นดูของนาง หัวใจอุ่นวาบ ยื่นมือไปดึงนางให้เข้ามาใกล้ ในระยะครึ่งฉื่อ

….

ผ่านไปหนึ่งเค่อ ด้านกู่ฉานโม่ได้นำขบวนเหล่าหัวกะทิแยกย้ายกันค้นหาในบริเวณรอบๆ จนทั่วแล้วก็ยังไม่เห็นเงาของกู้ซีจิ่ว

ขณะที่เตรียมจะเสี่ยงอันตรายไปดูที่ศาลาล่องวาโยหลังนั้น ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ก็จูงกู้ซีจิ่วเดินออกมาจากอาคารนั้นพอดี

ดวงตากู่ฉานโม่เปล่งประกายทันที รีบปรี่เข้าไป ยังไม่ทันได้ทำความเคารพ ท่านศักดิ์สิทธิ์ก็ตัดบทเขาทันที “ไม่ต้องมีพิธีรีตอง

แล้ว นำตัวเชียนหลิงเทียนไปจัดการตามกฏเถอะ”

แล้วหันหลังจากไป

เชียนหลิงเทียนอ่อนปวกเปียกอยู่ตรงนั้นปานกองโคลนเหลวๆ ทั้งร่างชุ่มโชกไปด้วยหยาดเหงื่อ เห็นชัดว่าเขาเสียขวัญไม่น้อย

พวกกู่ฉานโม่เข้ามากันมากมายถึงเพียงนี้เขาก็ยังไม่รู้ตัวพูดพึมพำอยู่ตรงนั้น “ทำตามวิธีของนังเด็กตัวเหม็นคนนั้นได้จริงๆ

สำเร็จแล้ว…สำเร็จแล้ว จริงๆ ฮ่าๆ ข้าไม่ระเบิด! ไม่ระเบิดจริงๆ…นังเด็กตัวเหม็นคนนั้นมีความสามารถโดยแท้!”

กู่ฉานโม่ตะลึง

เหล่าผู้อาวุโส คณะอาจารย์ และบรรดาศิษย์อัจฉริยะก็ตกตะลึงเช่นกัน

กู่ฉ่านโม่สูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยถาม “เป็นวิธีที่กู้ซีจิ่วคิดขึ้นมาหรือ?”

เชียนหลิงเทียนไม่สนใจเขา นั่งหัวเราะอยู่ตรงนั้นเหมือนคนปัญญาอ่อน “ข้าไม่ตาย ฮ่าๆ ในที่สุดก็ไม่ต้องตายแล้ว…”

ผู้อาวุโสของหน่วยลงทัณฑ์ดึงเขาขึ้นมา “ในเมื่อคลายคำสาปได้แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ควรจะสารภาพได้แล้ว เจ้าเอาหินวิญญาณ

พวกนั้นมาจากไหน? ผู้ใดมอบกู่ชั่วร้ายพรรค์นั้นให้เจ้า? คนผู้นั้นให้เจ้าทำอะไร? ผู้เฒ่ามีคำถามมากมายที่รอถามเจ้าอยู่! เจ้าไม่

สารภาพก็ไม่เป็นไร ผู้เฒ่ามีวิธีที่จะทำให้เจ้าพูดความจริง!”

“ข้าพูด! ข้าพูด! ข้าจะพูด! ไม่จำเป็นต้องลงทัณฑ์ ข้าจะพูดทุกอย่างเลย!” เชียนหลิงเทียนโพล่งออกมา

ในเมื่อไม่มีคำสาปนั้นคอยข่มขู่แล้ว เขาย่อมไม่เกรงกลัวอีกต่อไป อีกอย่างความทรงจำเรื่องนี้ของเขาก็ถูกท่านเทพศักดิ์สิทธิ์

อ่านไปแล้ว เขาจะพูดหรือไม่พูด ก็ไม่ต่างกัน ไม่สู้ทำตัวดีๆ พยายามหาทางรอด…

ดังนั้นเขาจึงสารภาพออกมาจนหมดเปลือกด้วยความเบิกบาน

อันที่จริง สิ่งที่เขารู้มีจำกัดยิ่ง เนื้อหาที่เล่าออกมาก็คลุมเครือนัก เมื่อทุกคนฟังจบก็ไม่ได้เบาะแสอะไรสักเท่าไหร่

เดิมทีหลังจากเชียนหลิงเข้าสู่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ แม้ฉากหน้าจะดูเหมือนไม่เป็นไร แต่ในใจหดหู่อยู่ตลอด

ต่อมาในคืนหนึ่งได้มีคนชุดขาวผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในเรือนเล็กของเขา คนผู้นั้นคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างมิดชิด เขาถึงขั้น

มองไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นบุรุษหรือสตรี คนผู้นั้นถามว่าเขาต้องการกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งหรือไม่

เขาย่อมต้องการ

คนผู้นั้นจึงมอบลูกกลอนกู่แก่เขาสองเม็ด ให้เขากินเข้าไปเม็ดหนึ่ง แล้วค่อยหาทางให้เชียนหลิงอวี่กินอีกเม็ดเข้าไป…และเพื่อคงสภาพของกู่นี้

เขาจำเป็นกินโอสถอัคคีล่องเร้นเป็นระยะยาว แถมยังต้องกินมากขึ้นเรื่อยๆ คนผู้นั้นสามารถจัดหาลูกกลอนอัคคีล่องเร้นให้เขาได้

และสามารถจัดหาหินวิญญาณให้เขาได้ แต่ต้องนำข่าวคราวของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มาแลกเปลี่ยนก่อน…คนชุดขาวผู้นั้น

ล้วนปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันยิ่งนักทุกครั้ง และจากไปอย่างกะทันหันทุกครั้ง ต่อให้เขาอยากจะสะกดรอยตามอีกฝ่ายก็ไม่อาจทำได้

คิ้วกู่ฉานโม่ขมวดแน่น ชัดเจนยิ่งนัก คนชุดขาวผู้นี้คิดไม่ซื่อ แต่เขา(หรือนาง) เป็นใครักนแน่?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version