Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 655

บทที่ 655 ล้วนเป็นเธอที่ไปเสนอตัวถึงหน้าประตู

อย่างไรซะสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ สุ่มส่งออกมาสักคนก็เพียงพอจะปราบพวกเขาได้แล้ว ดังนั้นประชาชนที่นี่จึงอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข ชีวิตค่อนข้างอุดมสมบูรณ์

ถึงแม้สิ่งปลูกสร้างของที่นี่จะเทียบกับที่เมืองหลวงไม่ได้ แต่ก็โดดเด่น กำแพงขาวหลังคาเขียวเข้าชุดกัน ชายคาสี่มุมโค้งงอน

แถมบนกำแพงขาวยังมีภาพวาด รูปแบบเรียบง่าย มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

ตัวเมืองถึงแม้จะเล็ก แต่ก็ครบถ้วนสมบูรณ์มีหนทางทอดยาวไปทั่วสารทิศ บนถนนสายหลักปูด้วยศิลาเขียว มีร้านค้าตั้งเรียงราย

ผู้คนขวักไขว่ กลิ่นอายรื่นเริงอบอวลนัก

นับนิ้วคำนวณดู กู้ซีจิ่วก็มาที่โลกนี้เกือบจะหนึ่งปีแล้ว ทว่าน้อยนักที่จะมีเวลาว่างผ่อนคลายเช่นนี้

เดินเพียงลำพัง บนถนนใหญ่ มองโคมไฟที่แขวนเรียงรายอยู่สองข้างทาง ป้ายโรงเตี๊ยมโบกสะบัด ผู้คนมากมายเดินไปเดินมา

หัวใจที่เดิมทีร้อนรุ่มเล็กน้อยพลันสงบลง

ถึงแม้อยู่ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เธอจะหาหินวิญญาณได้ไม่น้อย แต่รายจ่ายก็มากมายเช่นกัน ดังนั้นถึงแม้หลายวันมานี้เธอ

จะพาพวกเจ้าหอยยักษ์ไปกินอาหารของชั้นเรียนเมฆาม่วงบ่อยๆ แต่เจ้าหอยยักษ์ตัวนี้เป็นถังข้าวจอกตะกละโดยแท้ ให้มันกินอิ่มสัก

มื้อก็ต้องจ่ายหินวิญญาณเป็นพันก้อนทุกครั้ง…

ทว่าค่าใช้จ่ายการกินที่ตีนเขานี้สะดวกกว่า เงินทองบนร่างเธอมีมากมาย เพียงพอจะให้เจ้าหอยยักษ์กินอาหารรสเลิศได้เต็มคราบ

แต่พอมาถึงเมืองเล็กแห่งนี้ เธอก็ต้องเปลี่ยนความคิดอีกครั้ง ไปเดินดูรอบๆ เสียก่อน

ช่างสมกับเทศกาลความรัก รอบกายมีหนุ่มสาวที่สวมเสื้อผ้าหลากสีสันอยู่กันเป็นคู่มากมาย สะดุดตาอย่างยิ่ง

ธรรมเนียมของที่นี่ค่อนข้างเปิดกว้าง จำนวนหนุ่มสาวที่เดินจูงมือกัน หัวเราะต่อกระซิกอยู่บนถนนใหญ่มีมิใช่น้อย

ในวันนี้เหล่าบุรุษจะเบิกบานเป็นพิเศษ ซื้อปิ่นซื้อบุปผามามอบให้สตรีข้างกาย พูดจาอ่อนหวาน ท่าทางหวานชื่นเช่นนั้นทำให้คน

โสดที่ผ่านทางมาเป็นครั้งคราวรู้สึกอิจฉาตาร้อน

กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าล้วนแต่เป็นพวกอันธพาลที่โอ้อวดความรักหวานชื่น ให้คนโสดต้องอิจฉา

เธอหวนนึกถึงชาติก่อนอีกครั้ง ชาติก่อนตั้งแต่เธอชอบพอหลงซี ขอเพียงไม่ออกไปปฏิบัติภารกิจ ทุกครั้งที่ถึงเทศกาลความรัก เธอจะไปหาเขาตลอด ลากเขาออกไปเที่ยว ดูหนัง ดูดอกไม้ไฟ…

ตอนนั้นหลงซีจนปัญญามาก บอกว่าเธอไม่เหมือนนักฆ่า เหมือนเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง แต่ก็ยอมตะลอนไปกับเธอ…

กู้ซีจิ่วหยักยิ้มมุมปากแวบหนึ่ง แฝงแววเยาะหยัน ยิ้มเยาะความสมองทึ่มของตัวเองในยามนั้น

ยามนั้นเกรงว่าเขาจะหมั้นหมายกับ เย่หงเฟิงอยู่ก่อนแล้ว ที่ไปเที่ยวกับเธอเป็นเพียงการเล่นละคร ในวันเทศกาลที่เหมือนวันวาเลนไทน์เช่นนี้ ความจริงเขาคงหวังจะใช้เวลาอยู่กับเย่หงเฟิงมากที่สุดกระมัง? น่าเสียดายที่ตอนนั้นตนโง่งมสุดขีด…

มิน่าล่ะวัน เทศกาลเช่น นั้นเขาเลย ไม่เคยเป็นฝ่ายมาหาเธอด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเธอที่ไปเสนอตัวถึงหน้าประตูทุกครั้ง

พอคิดๆ ดูแล้ว ตนในยามนั้นช่างโง่เง่าเสียจริง เพียงคิดว่าเขานิสัยเฉยเมยมาแต่กำเนิดจึงไม่เริ่มก่อน ไหนเลยจะนึกถึงว่าความจริงแล้วเขาไม่ได้เต็มใจ…

ยัยโง่! เธอเยาะเย้ย

สตรีที่ตกบ่วงรักล้วนแต่โง่งมทั้งสิ้น!

ต่อให้เป็นเธอก็ไม่เว้น โชคดีเธอโง่งมงายไปเพียงครั้งเดียว ต่อไปจะไม่มีอีก

“พี่ชายน้อยท่านนี้ ซื้อเครื่องประดับผมไปฝากคนรักของท่านหน่อยไหม พี่ชายน้อยรูปงามถึงเพียงนี้ ย่อมต้องมีโฉมงามเคียงคู่แล้วแน่นอน…” เถ้าแก่แผงเครื่องประดับที่อยู่ข้างทางรายหนึ่งทักทายเธอ

เพื่อความสะดวก ยามกู้ซีจิ่วออกมาจึงเปลี่ยนไปสวมชุดบุรุษ แน่นอนว่าแปลงโฉมด้วยเล็กน้อย อย่างเช่นวาดคิ้วให้หนาคม ไล้จมูกให้โด่งเป็นสันสักหน่อย…เครื่องหน้าที่งดงามมาแต่เดิมถูกเธอปรับเปลี่ยนเล็กน้อย กลายเป็นคุณชายน้อยหล่อเหลาสง่างาม

วิชาแปลงโฉมของเธอล้ำเลิศมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เถ้าแก่ยอมดูไม่ออก เถ้าแก่อยากทำการค้ายิ่งนัก จึงเอื้อนเอ่ยวาจาที่คนฟังแล้วชอบใจนัก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version