บทที่ 777 เจ้ามองข้านานขนาดนี้ทำไม
เพียงแต่ช่วงเวลาที่เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยว่านอนสอนง่ายเช่นนี้พบเห็นได้ยากนัก
เมื่อก่อนยามเธออยู่ตรงนั้นไม่ว่าจะย่างปลาเอย ย่างเนื้อเอย เจ้าหอยยักษ์ตัวนี้ล้วนต้องโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างกายเธอเสมอ ท่าทางกระตือรือร้นนัก นํ้าลายไหลนองจนกลายเป็นแม่น้ำได้
ลู่อู๋น้อยยิ่งไม่ต้องพูดถึง เจ้าตัวนี้ขอเพียงได้พบเธอ จะชอบมุดอยู่ในแขนเสื้อเธอ ขดหางเป็นก้อนปุกปุย กะพริบตาใส่เธออย่างน่ารักน่าเอ็นดู
แต่ยามนี้เจ้าสองตัวนี้กลับว่าง่ายถึงเพียงนี้!
หลังจากกู้ซีจิ่วมาถึงสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ยามปกติเนื่องจากฝึกซ้อมและประลองเสียเป็นส่วนใหญ่ เจ้าสามตัวนี้ล้วนปล่อยไว้ในหุบเขาด้านนอก เดิมทีเจ้าสามตัวนี้ก็เป็นราชาในหุบเขาอยู่แล้ว ดังนั้นส่วนมากจึงใช้เวลาอยู่ในหุบเขา สามวัน ห้าวันถึงจะยกโขยงกลับมาติดต่อเยี่ยมเยือนผู้เป็นนายที
ทุกครั้งที่กลับมาล้วนต้องสั่งอาหาร บางครั้งก็ให้กู้ซีจิ่วพาพวกมันไปกินที่โรงอาหาร บางครั้งก็จับสัตว์มาให้กู้ซีจิ่วช่วยย่าง ไปมาหาสู่กันเช่นนี้ตลอดสามเดือน
ยามนี้สังขารของเจ้านายมันเปลี่ยนผู้ถือครองแล้ว ทว่าดูเหมือนเจ้าสามตัวนี้จะมองไม่ออกเลย…
เมื่อได้ยินเสียงอะไรเปิดประตู ตี้ฝูอีก็เงยหน้าขึ้นมา มองเธอแวบหนึ่ง ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อน “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายให้เกียรติมาเยือนเรือนชานอัน ซอมซ่อ ขอเชิญๆ”
เอ่ยวาจาอย่างเป็นทางการลื่นไหลยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง จู่ๆ เพิ่งนึกขึ้นได้ ตอนอยู่ในพิธีปักปิ่น ดูเหมือนช่วงสุดท้ายเธอกับเขาจะทะเลาะเบาะแว้งกัน…
จวบจนพิธีปักปิ่นสิ้นสุดลงเขาก็จากไปโดยไม่พูดกับเธออีกเลย หันหลังจากไปเสียดื้อๆ
ท้ายที่สุดแล้ว สาเหตุของความขัดแย้งคืออะไรกันนะ?
‘เจ้าชอบเขาถึงเพียงนี้จริงๆ หรือ?’
‘ใช่!’
‘เพื่อเขาแล้ว สละข้าได้โดยไม่แยแสเลยหรือ?’
‘ใช่!’
ดูเหมือนบทสนทนาสุดท้ายของเธอกับเขาจะเป็นเรื่องนี้…
ดูเหมือนบทสนทนานี้จะทำร้ายเขา ทำให้เขาผูกใจเจ็บ…
นึกไม่ถึงว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้สูงส่งจะมีนิสัยเด็กๆ เช่นนี้ด้วย
กู้ซีจิ่วเขม่นเขาอยู่ในใจเป็นร้อยรอบ
เนื่องจากมีพวกเจ้าหอยยักษ์ทั้งสามอยู่เบื้องหน้า กู้ซีจิ่วเลยไม่อยากโต้เถียงกับเขา ดังนั้นเธอจึงยิ้มกว้างแวบหนึ่ง “กลิ่นปลาย่างหอมไม่เลวเลย”
เธอนั่งลงตรงข้ามกับเขา
เจ้าหอยยักษ์มองกู้ซีจิ่วด้วยความระแวง กระเถิบขึ้นมาข้างหน้า เอ่ยอย่างไร้สุ้มเสียง “เจ้านายบอกว่าปลาตัวแรกนี้ยกให้ข้า…”
เจ้าตะกละตัวนี้!
กู้ซีจิ่วยื่นมือไปเคาะเปลือกมันทีหนึ่ง “เจ้าคิดว่าข้ามาแย่งปลาของเจ้าหรือไง? ปลาตัวนี้ถึงเจ้าให้ข้า ข้าก็ไม่กิน!”
เจ้าหอยยักษ์วางใจแล้ว เพียงแต่มันจ้องกู้ซีจิ่วอยู่ครู่หนึ่ง กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองมัน “เจ้ามองข้านานขนาดนี้ทำไม?”
หนูน้อยในเปลือกหอยกะพริบตาปริบ ๆ “ข้ารู้สึกว่า…รู้สึกว่าวันนี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเป็นมิตรยิ่งนัก”
เหมือนเจ้านายตอนดีดเปลือกมันไม่มีผิด
อันที่จริงพวกเจ้าหอยยักษ์หดหู่มาก กลับมาหนนี้ขณะที่ต้องการจะไปหนีบชายชุดเจ้านายอย่างรื่นเริง เพื่อแสดงความรักใคร่ กลับถูกเจ้านายเตะออกไป แถมยังเตะออกไปไกลสามฉื่ออย่างไร้ซึ่งเมตตา มันประหลาดใจมาก ไม่ค่อยเข้าใจว่าเจ้านายเป็นบ้าอะไรไป
ส่วนลู่อู๋น้อยที่ตอนแรกคิดจะมุดเข้าไปในแขนเสื้อเจ้านาย แต่เจ้านายมองแค่แวบเดียวก็สะกดมันไว้ได้
จากนั้นทั้งสามตัวก็ถูกเจ้านายทำให้อยู่นิ่งๆ บอกพวกมันว่าเป็นสัตว์เลี้ยงวิญญาณก็ควรมีท่าทางแบบสัตว์เลี้ยงวิญญาณ ควรปกป้องคุ้มครองผู้เป็นนาย มิใช่ออดอ้อนคลอเคลียเจ้านายดั่งแมวบ้านตัวหนึ่ง…
อบรมจนทั้งสามตัวหน้าหมอง ไม่กล้าเข้าใกล้นางอีก…
โชคดีที่หลังจากอบรมพวกมันเสร็จ ยังทราบว่าต้องปลอบใจพวกมันเสียหน่อย นางจึงเริ่มย่างปลาให้…
เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋น้อยชอบกินปลาย่างของเจ้านายที่สุด เมื่อเห็นเช่นนี้ก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง นั่งห้อมล้อมรอบกองไฟ เพียงแต่ไม่กล้าไปวอแวข้างกายผู้เป็นนายอีกแล้ว