บทที่ 907 เจ้าอยากฟังความจริงหรือความเท็จ?
ไม่เหมือนตอนนี้ ตอนนี้ผู้ที่อยู่ข้างกายเธอคือตี้ฝูอี อารมณ์จึงยินดีลิงโลดอย่างน่าประหลาด ราวกับได้ครองโลกทั้งใบ
ตี้ฝูอีมีนิสัยรักสะอาด และเห็นได้ชัดว่าเจ้าคนผู้นี้ไม่เคยเดินตลาดกลางคืนมาก่อน ดังนั้นยามที่กู้ซีจิ่วลากเขาไปกินอาหารแผงข้างทาง เขาจึงขัดขืน อยู่บ้าง…
กู้ซีจิ่วอธิบายให้เขาเข้าใจว่า วัฒนธรรมอาหารของเมืองๆ หนึ่งความจริงมิใช่หูฉลามรังนกที่อยู่ในภัตตาคารหรู แต่เป็นแผงริมทางที่ตลาดกลางคืนเหล่านี้ พวกมันสิถึงจะเป็นของว่างที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองๆ นั้น ภายใต้ถ้อยคำล่อหลอก ในที่สุดตี้ฝูอีก็นั่งลงหน้าแผงของว่างเหล่านั้นเป็นเพื่อนเธอ…
แน่นอนว่ายามที่เขานั่งลงยังคงใช้วิชาชำระล้างอยู่ดี ม้านั่งที่พวกเขาสองคนนั่งเอี่ยมอ่องปานล้างด้วยนํ้า โต๊ะเก้าอี้บางส่วนบนแผงเดิมทีเปื้อนคราบเขม่าจนมองสีสันดั้งเดิมไม่ออกแล้ว แต่หลังจากผ่านการนั่งการใช้จากท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ก็ประหนึ่งลอกคราบ เผยให้เห็นสีสันดั้งเดิมที่อยู่ภายใน
อันที่จริงตี้ฝูอีไม่สนใจของว่างพวกนี้เท่าไหร่ เขาจุกจิกเรื่องอาหารการกินเป็นที่สุด อาหารจานเด็ดที่พ่อครัวชื่อดังเหล่านั้นรังสรรค์ออกมาล้วนไม่อาจ
ทำให้เขาชายตามองมากกว่าหนึ่งครั้งได้ นับประสาอะไรกับของว่างที่อุดมด้วยรสชาติดั้งเดิมประเภทนี้ เพียงแต่พอเขาเห็นกู้ซีจิ่วกินของว่าง เขาก็อดไม่ได้ที่จะกินตาม…
ระหว่างที่กู้ซีจิ่วกินๆ อยู่ก็สัมผัสได้เป็นครั้งคราวว่าเขามองเธออยู่ตลอด กินของในมือคำหนึ่งก็มองเธอแวบหนึ่งแทบจะทุกครา ราวกับมองเธอต่างกับข้าว…
เมื่อเห็นคนที่อยู่สูงส่งเหนือปวงชนมาโดยตลอด ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนล้วนมีคนคุกเข่าคารวะดั่งการสาดนํ้าล้างถนนรับ ขบวนเสด็จกลับมานั่งกินอาหารแผงข้างทางอย่างคับข้องหมองใจอยู่ที่นี่ กู้ซีจิ่วรู้สึกผิดบาปอยู่บ้าง และค่อนข้างยินดีอยู่บ้าง ถามเขาอย่างจงใจว่า “อร่อยไหม?”
ตอนนั้นตี้ฝูอีกำลังพยาพยามแทะลูกชิ้นสีเหลืองอร่ามไม้หนึ่งอยู่ เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเธอจึงเงยหน้าขึ้นมา ครุ่นคิดเล็กน้อย ถามเธออย่างตรงไปตรงมายิ่ง “เจ้าอยากฟังความจริงหรือความเท็จ?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออก เธอยิ้มออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่ ดึงเขาให้ลุกขึ้น “เอาล่ะ ไม่รังแกกระเพาะท่านแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
ตี้ฝูอีราวกับยกภูเขาออกจากอก โยนลูกชิ้นที่ทำให้เขารู้สึกปวดกระเพาะไม้นั้นทิ้ง จูงมือเธอเดินเที่ยวต่อ
ตี้ฝูอีรํ่ารวยยิ่งนัก ไม่ว่ากู้ซีจิ่วต้องตาสิ่งใด เขาก็ซื้อโดยไม่พูดอะไรเลย เป็นเช่นนี้อยู่หลายครั้ง พ่อค้าทั่วทั้งถนนล้วนทราบว่าสองคนนี้คือเศรษฐีใหญ่…มองพวกเขาอย่างมีมารยาทและเอาใจใส่ยิ่งนัก…
เดินเที่ยวเช่นนี้อยู่หนึ่งรอบ กู้ซีจิ่วเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมายนัก โชคดีที่เธอมีถุงเก็บของไร้เทียมทานใบนั้นอยู่ ไม่ว่าข้าวของจะมากมายสักเท่าไหร่ โยนเข้าถุงเก็บของก็จบเรื่องแล้ว ไม่มียุ่งยากเลยสักนิด
อันที่จริง ข้าวของที่ร้านค้าทั่วไปเหล่า นี้ขายเพียงกล่าวได้ว่ามีเอกลักษณ์เท่านั้น ข้าวของที่ล้ำค่าหายากจริงๆ ไม่มีเลย กู้ซีจิ่วก็แค่ซื้อมาเล่นๆ มอบให้คนอื่นตามวาระ
ทั้งสองคนเพียงแต่เดินเล่นเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ตี้ฝูอีอยู่กับกู้ซีจิ่วแล้วดูเบิกบานยิ่งนัก เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าตนจะมีเวลาว่างมาเดินเที่ยวตาม
ถนนเช่นนี้ เขาก็เคยไปเดินเตร็ดเตร่เหมือนกัน แต่ทุกที่ที่เขาเคยไปเดินล้วนเป็นสถานที่ที่มีทิวทัศน์งดงามทั้งสิ้น เป็นการเดินเล่นชมทิวทัศน์เท่านั้น เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มาเดินเที่ยวตามท้องถนนกับเด็กสาวอย่างแท้จริง คาดไม่ถึงว่าจะไม่รู้สึกหงุดหงิดเลยสักนิด ซํ้ายังเป็นสุขนัก โดยเฉพาะยามที่ได้เห็นดวงตาของนางพราวระยับ เขายิ่งเป็นสุขกว่าเดิม
ถึงแม้พวกเขาจะแปลงโฉมแล้ว แต่ก็เป็นหนึ่งชายหนึ่งหญิง อีกทั้งฝ่ายชายสง่างามดั่งต้นหยก ฝ่ายหญิงงามอรชรปานดอกเสาเย่า[1]
พ่อค้าเหล่านั้นเชี่ยวชาญการเยินยอนัก ชมเชยอยู่เนืองๆ ว่าพวกเขาเป็นสวรรค์อำนวยคู่ ปฐพีอำนวยพร มุกคู่หยกเอย คู่สร้างคู่สมเอย ถ้อยคำเหล่านี้สาดเทใส่พวกเขาอย่างกระตือรือร้น
ทุกครั้งที่พวกเขาเอ่ยถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ดวงตาตี้ฝูอีจะหยีโค้งยิ่งนัก และใจกว้างเป็นพิเศษ บางครั้งก็ตกรางวัลผู้อื่นมากกว่าราคาของที่เขาซื้อเสียอีก