Skip to content

ลำนำบุปผาพิษ 970

บทที่ 970 อันคำว่าเซียน 2

กำลังจะเคลื่อนย้ายเข้าไปหากลับคาดไม่ถึงว่าขณะที่กำลังจะร่วงแหล่ไม่ร่วงแหล่ปลายเท้าของอิงเหยียนนั่วพลันเหยียบลงบนศีรษะของผีดิบตัวหนึ่งที่เพิ่งโผเข้ามาและยังไม่จมลงไป ร่างกายพุ่งทะยานขึ้นอีกครา…

กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก ดูเหมือนอิงเหยียนนั่วจะไม่เกิดอันตรายใดๆ ขึ้นที่นี่ จู่ๆ หว่างเอวเธอก็สั่นไหวขึ้นมา เธอสะดุ้งโหยง ล้วงยันต์ทรง

ดาวหกแฉกแผ่นหนึ่งขึ้น มากดลงไปคราหนึ่ง นํ้าเสียงตื่นตระหนกเสียขวัญของจิ้งจอกแว่วออกมา “สวรรค์ มันจะจับตัวพวกเราได้แล้ว!”

กู้ซีจิ่วหน้าเปลี่ยนสีทันที

ยันต์ดาวหกแฉกแผ่นนี้กู้ซีจิ่วคิดค้นขึ้นโดยอ้างอิงตามหลักการของวิทยุสื่อสาร ถึงแม้ว่ายุคนี้จะไม่มีข้าวของทันสมัยเหล่านั้น แต่ก็มีพลังวิญญาณที่สามารถหลอมสร้างสรรพสิ่งได้ เธอทดสอบดูครั้งแล้วครั้งเล่า ผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดก็ค้นคว้ายันต์ชนิดนี้ออกมาได้ ถึงแม้จะส่งเสียงหากันในระยะทางหมื่นลี้แบบโทรศัพท์ไม่ได้ แต่ก็สามารถพูดคุยสื่อสารหรือรับรู้เสียงของกันและกันในระยะร้อยลี้ได้

หลังจากคิดค้นสิ่งนี้ออกมา ก็แพร่หลายอย่างมากในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ เนื่องจากสิ่งนี้ต้องใช้พลังวิญญาณของผู้ที่บรรลุพลังวิญญาณ

ขั้นแปดขึ้นไปปลุกเสก การผลิตยันต์เช่นนี้ออกมาสักแผ่นต้องสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมิใช่น้อย ดังนั้นจึงไม่ได้มีกันทุกคน มีเพียงยามที่ถูกส่งออกไปทำภารกิจอันตรายเท่านั้นถึงจะได้รับ

กู้ซีจิ่วเป็นผู้คิดค้น ดังนั้นตัวเธอและเหล่าสหายของเธอจึงได้รับสิทธิพิเศษ ได้กันคนละแผ่น

แน่นอนว่าสิ่งนี้ต้องอาศัยพลังวิญญาณหล่อเลี้ยง เมื่อใช้ครั้งหนึ่งจะสูญเสียพลังวิญญาณด้านในไปไม่น้อย ดังนั้นถึงแม้พวกเขาจะพกติดตัวไว้ แต่ถ้าไม่ตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ก็จะไม่ใช้สิ่งนี้ติดต่อ ยามนี้จิ้งจอกน้อยน่าจะตกอยู่ในความตระหนก เปิดใช้งานสิ่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงได้ส่งกระแสเสียงมา

พวกจิ้งจอกน้อยพบเจออันตรายแล้ว!

กู้ซีจิ่วนึกถึงเสียงคำรามน่าหดหู่ที่ได้ยินเมื่อครู่นี้ หรือจะเป็นราชาผีดิบ?!

“มันบินได้! มันไล่ตามมาแล้ว!”

“อ๋า…”

‘ปัง!’

เสียงต่างๆ แว่วออกมาจากยันต์ถ่ายทอดเสียง ดูเหมือนสถานการณ์ของพวกจิ้งจอกน้อยจะอันตรายขึ้นเรื่อยๆ…

กู้ซีจิ่วสบถเบาๆ คราหนึ่ง มองอิงเหยียนนั่วแวบหนึ่ง ทราบว่าเขาจะไม่ประสบภยันอันตรายแล้ว จึงส่งกระแสเสียงไปหาเขา ‘ข้าจะไปดูพวกจิ้งจอกน้อยนะ’

ร่างกายเปล่งแสงวาบ อันตรธานไปทันที

อิงเหยียนนั่วเงียบงัน

ในใจของสาวน้อยคนนั้น ความปลอดภัยของสหายมาเป็นอันดับหนึ่งเสมอ…

เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าไม่ได้ผิดสัญญา?

ไม่สนใจว่าร่างกายถูกธาตุไฟเข้าแทรกกลับมาอยู่ข้างกายเจ้า

เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าวิชาชนิดนี้ที่ข้าใช้คือพลังเทพที่ได้จากกระบวนการเผาผลาญพลังวิญญาณ?

เด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่โลหิตที่ข้าใช้ออกมาในยามนี้คือโลหิตหทัยเทวะ?

หยดเดียวก็ทำให้ข้าสิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปมากมาย

เด็กน้อย ข้ากล้าใช้กระบวนท่านี้ออกมาก็เพราะเจ้าอยู่ไม่ไกล ข้าคิดไปว่ายามที่ข้าตกอยู่ในภาวะคับขันเจ้าสามารถใช้วิชาเคลื่อนย้ายประคองข้าหนีไปได้…

เด็กน้อย เจ้าวิ่งออกไปเช่นนี้ หากข้ามีอันเป็นไปขึ้นมาเจ้าจะเสียใจหรือไม่?

น่าจะไม่เสียใจสักเท่าใด

เขาอยู่ข้างกายนางมาเกือบครึ่งปีแล้ว นอกจากยามเมามายครั้งนั้นที่นางรำพันถึง ‘ตี้ฝูอี’ ออกมาสองประโยค ช่วงเวลาอื่นนางจะเป็นปกติยิ่งนักเสมอ ทุกๆ วันจะฝึกฝนและเล่นสนุกกับเหล่าสหายตัวน้อยในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ ข้ามผ่านวัยเยาว์อย่างมีสีสัน และไม่เคยเอ่ยถึงนามเขาเลยสักคำ เขารู้สึกว่าสาวน้อยนางนี้เลือดเย็นโดยกำเนิดบางทีอาจจะลืมใครหน้าไหนก็ไม่รู้อย่างเขาไปแล้วด้วยซ้ำ!

สาวน้อยตัวเหม็น รอจนเขาฟื้นฟูกลับเป็นปกติแล้ว จะไปคิดบัญชีกับนางอย่างจริงจัง!

ทำให้นางถอนกลับไปไม่ได้แม้แต่ต้นทุน!

เสี่ยวซีจิ่ว เจ้ารอได้เลย!

….

พื้นดินแยกออกเป็นโพรงใหญ่น่าสะพรึงโพรงหนึ่ง โพรงนั้นลึกจนไม่อาจหยั่งได้ รอบโพรงที่ปกคลุมไปด้วยหิมะมีหินกลิ้งหล่นลงไปบ้างเป็นครั้งคราว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version