ตอนที่ 9
สับสน
ภายในห้องนอนของตำหนักหลี่เซียวเหยา มีสตรีนางหนึ่งกำลังนอนทอดกายยาวเหยียดอยู่บนนั้นด้วยเพราะข้อมือและข้อเท้าถูกมัดตรึงเอาไว้โดยมีบุรุษผู้หนึ่งที่กำลังคิดจะกระทำการเอาคืนบางอย่างกับนางอย่างสาสม
เขาต้องการกระทำการแบบเดียวกันกับที่นางบังอาจเข้ามาทำกับเขาเอาไว้เมื่อคืน…
หลี่เซียวเหยายังคงยืนเหนือร่างของเจินเจินพลางก้มมองใบหน้าของนางด้วยแววตาเรียบนิ่ง ส่งเสียงหึหึอยู่ในลำคอ
เจินเจินทำได้เพียงนอนนิ่งๆไม่ไหวติงใดๆ พลางกลอกตาไปมาพยายามเร่งคิด
นางควรจะทำอย่างไรดี
ท่าทางของเขาคงจะโกรธนางจริงๆ
เมื่อคืนนางไม่น่าดื่มเหล้าจนเมามายอย่างหนักถึงเพียงนั้น ไม่น่าเลยจริงๆ
ไม่ได้การ!
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คงมองหน้ากันไม่ติด
คงถูกเกลียดเข้าจริงๆเป็นแน่
ไม่ได้การ!
ไม่อยากจะเชื่อเลย ว่านางจะชมชอบเขาถึงเพียงนี้
ขอหนีไปตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน
เมื่อหญิงสาวคิดได้ดังนั้น จึงอาศัยจังหวะที่หลี่เซียวเหยากำลังก้มหน้าลงมา
หญิงสาวใช้ความเร็วยกศีรษะของตนขึ้นเพื่อกระแทกไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างแรง ก่อนจะบิดและกระตุกเชือกที่ข้อมือข้อเท้าออกอย่างเร็ว
ความเป็นเลิศในเรื่องการเอาตัวรอดของเจินเจินนั้นไม่เคยเป็นสองรองใคร แต่ไหนแต่ไรมา นางไม่เคยเพลี่ยงพล้ำให้กับศัตรูหน้าไหน
เพียงไม่นานร่างบางของเจินเจินก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาของหลี่เซียวเหยา
ชายหนุ่มถึงกับชะงักงันทำอะไรไม่ถูก ทั้งงุนงง ทั้งพิศวง ทั้งแปลกใจ
สตรีนางนี้จะเอาอย่างไรกับเขากันแน่
เมื่อคืนนางเป็นฝ่ายเข้ามาหาเขา ลวนลามเขา เริ่มต้นทุกอย่างกับเขา
แต่พอเขาอยากจะเริ่มทำอะไรกับนางบ้าง
แล้วดูนางทำ
อะไรกัน!?
หลี่เซียวเหยาได้แต่ยืนอึ้งอย่างพิศวงและสบสนไปหมดกับการกระทำของเจินเจิน
สตรีนางนี้…นาง…นาง…
เขาควรจะทำอย่างไรกับนางดี…
และมิได้มีเพียงหลี่เซียวเหยาเท่านั้นที่กำลังมีความคิดที่ตีกันจนยุ่งเหยิง
เจินเจินเองก็เช่นเดียวกัน
นางกำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับตนเองอย่างหมกมุ่นมากมาย
นางเริ่มแน่ใจว่าตนเองชมชอบหลี่เซียวเหยาเป็นแน่แท้ไม่ใช่ล้อเล่นแต่อย่างใด
นางจะทำอย่างไรกับตัวเองดี
จะตัดใจยอมแพ้รึ
นางก็พยายามทำแล้ว
ถึงจะไม่มากพอก็ตาม แต่ก็ถือว่านางได้ลองพยายามแล้วนะ
อืม…
อันดับแรกนางต้องปรับปรุงตัวเองก่อน
ต้องทำตัวให้ดูดีสวยสดงดงามแม้ว่าจะดูดีและงามอยู่มากแล้วก็ตามที
แล้วก็ อืม…
ต้องเลิกดื่มเหล้า!
ใช่!
เขาบอกว่าให้นางเลิกดื่มเหล้า
ถึงแม้ว่าจะมีคนมาเชิญชวนให้ดื่มก็ต้องปฏิเสธไป
แล้วถ้าเผลอไปชวนใครดื่มเล่า?
ไม่! ไม่! ต้องไม่ชวนใครดื่ม
ต้องไม่ดื่มคนเดียวด้วย
แต่…
เดี๋ยวนะ…
เขาบอกให้นางเลิกดื่มเหล้าอย่างเดียวใช่หรือไม่
อย่างอื่น…
ยังทำได้ ใช่หรือไม่
ไม่! ไม่!
ที่นางกระทำการเมื่อคืนก่อนนั้นมันอุกอาจเกินไป ดูหน้าของเขาก็รู้แล้วว่าเขาโกรธนางมากมายเพียงใด
นางต้องข่มใจของตนเองเอาไว้ ไม่ให้กระทำการอุกอาจจนเกินไป
แค่เล้าโลมเพียงนิดก็พอ คิกคิก
อ๊ะ…ไม่ได้… ไม่ได้…
โอ๊ย! มดกัด…
เจินเจินคิดไปสับสนไปกับตนเองอยู่บนต้นไม้หลัง อุทยานต้นหนึ่งซึ่งลับตาคนอยู่อย่างนั้น
นางต้องการพาร่างของตนหลบหลีกให้ไกลจากบุรุษที่นางพึงใจ
ด้วยเกรงว่าจะกระโดดเข้าไปขืนใจเขาอีก
“ข้าต้องงดงามที่สุด” เสียงของสตรีนางหนึ่งพลันดังขึ้นที่ใต้ต้นไม้ที่เจินเจินนั่งอยู่
เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง “ไม่แน่ว่าฮ่องเต้อาจจะทรงพลิกป้ายชื่อของข้า อา…แล้วสิ่งที่ข้าให้เตรียมไว้ เจ้าได้นำมันมาหรือไม่” นางกระซิบถามกับสตรีอีกนางหนึ่งที่เดินมาด้วยกันก่อนหยุดยืนกระซิบกระซาบคุยกันเสียงเบาอยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นนี้ แต่เจินเจินที่นั่งอยู่บนต้นไม้ได้ยินชัดเจน
ความสามารถในการแอบฟังเรื่องของชาวบ้านนางถนัดนักเชียว
“ได้มาแล้วเพคะ องค์หญิง” สาวใช้ตอบคำเบาๆ
“ยาปลุกกำหนัดนี่ได้ผลมานักต่อนักเชียวเพคะเพียงใส่ไว้ในน้ำชาเท่านั้นแล้วองค์หญิงก็เพียงแค่ให้ฝ่าบาททรงดื่มเข้าไป แค่เพียงถ้วยเดียว รับรองเห็นผลเพคะ”
“ดีมาก เจ้าทำได้ดี ข้าจะตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม เรารีบไปเตรียมตัวกันเถอะ” จบประโยคสตรีเจ้าของเสียงสองนางนั้นก็พากันเดินกรีดกรายจากไปอย่างชดช้อยสวยงาม
เจินเจินเพียงนั่งนิ่งๆอยู่บนต้นไม้ต้นเดิม แม้ว่าจะถูกมดรุมกัดก็ยังคงนิ่งอยู่
นางกำลังเก็บข้อมูล…
เวลาผ่านไปซักพักก็มีองค์หญิงอีกองค์หนึ่งเดินมากับสาวใช้อีกนางหนึ่งห่างออกไปจากต้นไม้เพียงนิด
พวกนางกำลังคุยกันอยู่ตรงหลังพุ่มไม้เยื้องออกไปตรงนั้น
เสียงสาวใช้เอ่ยขึ้นก่อน “นี่เป็นกลิ่นกำยำนช่วยกระตุ้นเพลิงพิศวาสเพคะ องค์หญิง”
“อะไรกัน เจ้ามีสิ่งนี้ด้วยหรือ” เสียงองค์หญิงเอ่ยถามเบาๆอย่างเอียงอายเปี่ยมไปด้วยจริตมารยาร้ายกาจ
สาวใช้รีบกระซิบตอบ “แน่นอนเพคะองค์หญิง ถ้าหากองค์หญิงเป็นผู้ถูกเลือกให้ถวายงานฝ่าบาท องค์หญิงต้องใช้มันนะเพคะ ไม่แน่ว่าองค์หญิงอาจจะมีข่าวดีในเร็ววัน”
“อะ…อืม…ข้ารู้แล้ว” องค์หญิงยื่นมือขึ้นรับสิ่งนั้นอย่างกระอักกระอ่วนด้วยมือสั่นเทาแต่กำเอาไว้จนแน่นก่อนจะเดินจากไป เจินเจินยังคงแอบฟังและเก็บข้อมูลทั้งหมด
อา….
นางคิดว่าตนเองเป็นปีศาจจิ้งจอกร้ายกาจแล้วนะ
สตรีของเมืองหลวงแต่ละนางนี่
ทำเอานางพญาจิ้งจอกอย่างนางต้องคารวะกันเลยทีเดียว
แต่เดี๋ยวนะ
สิ่งของพวกนั้น
สตรีเมืองหลวงเหล่านั้น
จะนามันไปใช้กับใครนะ
ฮ่องเต้หลี่ซื่อหมินรึ
พระสวามีของหงเหม่ยหลงเจ้านายของนางนะ
ไม่ได้! ไม่ได้!
นางต้องทำอะไรสักอย่าง
นอกจากองค์หญิงสองนางนี้ที่มีของดีอย่างนั้น ไม่แน่ว่า อาจจะมีองค์หญิงคนอื่นๆที่มีของดีพวกนี้เช่นกัน
เอ๊ะ! ของดีรึ
ของพวกนั้นจะเป็นของดีไปได้อย่างไร
ไม่ใช่ของดีหรอกถ้าไปอยู่กับสตรีพวกนั้น มันต้องอยู่ในมือของนางถึงจะเรียกว่าของดี
หึหึหึ!
ไม่กี่วันต่อมา…
“นี่อะไรของเจ้าน่ะ เจินเจิน” หลิวฉวนหยู่ร์เอ่ยทักทายเจินเจินเมื่อมองเห็นสิ่งของมากมายที่เจินเจินนำมันมาให้หงเหม่ยหลงได้ดูถึงตำหนักฮองเฮา
“ของพวกนี้ ข้าแอบเข้าไปขโมยมาจากตำหนักสนมพวกนั้นอย่างไรเล่า” เจินเจินกล่าวตอบพร้อมอธิบายแต่ละอย่าง
“นี่ยาปลุกกำหนัด นางสนมผู้นี้จะเอาใส่ในน้ำชาให้ฮ่องเต้ทรงดื่มกิน ส่วนนี่เป็นกำยำนเพิ่มอารมณ์พิศวาสของสนมอีกตำหนักหนึ่ง และนี่เป็นถุงหอมเอาไว้ใส่ใต้หมอนเพื่อปล่อยกลิ่นบางอย่าง ยังมีอีกนะ นี่! ยาเพิ่มพละกำลังให้บุรุษกลายเป็นอาชาคึกออกศึกรักได้ไม่ยั้ง” เจินเจินหยิบของแต่ละชิ้นขึ้นมาพร้อมทำตาโตประกอบคาอธิบายอย่างสนุกสนาน
“ข้าแอบเข้าไปในแต่ละตำหนักของเหล่าองค์หญิงที่มาเป็นสนมพวกนั้น ข้าล่ะ ไม่อยากจะเชื่อ นี่คือเหล่าสตรีของเมืองหลวงรึ พวกนางทำอย่างนี้กันรึ ตัวข้าเองยังไม่คิดจะทำถึงเพียงนี้ อ่ะ! อ้าว! ไปไหนกันรึ ข้ายังบอกกล่าวไม่หมดนะ” เจินเจินเอ่ยพลางหันไปเห็นหลิวฉวนหยู่ร์กำลังฉุดดึงร่างของหงเหม่ยหลงเอาไว้ คล้ายพยายามห้ามปรามอะไรกันสักอย่าง
“ใจเย็น เหม่ยหลง ใจเย็นก่อน” หลิวฉวนหยู่ร์กล่าวเตือนสติ หงฮองเฮาที่พร้อมจะพุ่งร่างออกไปอย่างหมายมาดในทิศทางของตำหนักเหล่าสนม
พวกนางมักจะเปลี่ยนสรรพนามเรียกกันเมื่ออยู่กันเพียงลาพังเฉพาะคนสนิทของฝ่ายอิทธิพลมืดด้วยกัน
“เจินเจิน เจ้ารีบเก็บของพวกนั้นไปทำลายทิ้งเสีย ก่อนที่โทสะของเหม่ยหลงจะพุ่งพรวดไปมากกว่านี้” หลิวฉวนหยู่ร์กล่าวขึ้นกับเจินเจินเมื่อเห็นหงเหม่ยหลงอารมณ์คุกรุ่นยามที่รู้ได้ว่าเหล่าสนมกำลังคิดการอันใดกับพระสวามีหนึ่งเดียวของนาง
“เรื่องอะไรจะเอาไปทำลายเล่า ข้าคิดจะนามันไปใช้กับองค์ชายหลี่เซียวเหยาของข้า” เจินเจินตอบตามสัตย์อย่างตรงไปตรงมาตามวิสัย
“มันไม่ถูกต้อง เจินเจิน” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้นอย่างฉุนเฉียวไม่จาง “เจ้าจะใช้ของพวกนี้กับองค์ชายสี่ไม่ได้”
เจินเจินได้ฟังถึงกับฉงน ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ก่อนถามออกไป “ไม่ได้รึ ทำไมล่ะ”
“เจ้าจะทำอย่างนี้ให้ได้อะไร” หงเหม่ยหลงเอ่ยขึ้นพร้อมเดินเข้ามาหาเจินเจิน “เจ้าอยากมอมเมาองค์ชายสี่โดยไม่สนใจว่าเขาจะนิยมรักใคร่เจ้าหรือไม่ เช่นนั้นรึ”
เจินเจินเอียงหน้าน้อยๆคิดตาม แต่ยังถามออกไปอย่างแคลงใจ “พวกสตรีเมืองหลวงเขาก็ทำกันมิใช่รึ พวกสนมพวกนี้ก็คิดจะทำอย่างนั้นกับฝ่าบาท”
“พวกนางมิได้มีความรักให้แก่หลี่ซื่อหมินของข้า” หงฮองเฮาเอ่ยขัด “เจินเจิน พวกนางแค่หวังในอำนาจ แต่เจ้าไม่ใช่ พวกเราไม่ใช่ แล้วเจ้า…เจินเจิน”
หงเหม่ยหลงกล่าวต่อเนื่องพลางจ้องใบหน้างามของเจินเจินนิ่งๆ “เจ้าจะรู้สึกอย่างไร เมื่อฤทธิ์ของสิ่งเหล่านี้หมดไป องค์ชายสี่ได้สติหลังจากมึนเมากับเจ้าแล้วลุกออกจากเตียงเดินจากไปอย่างงุนงง”
“โอว… เห็นภาพเลย” เจินเจินอุทาน
“เจ้าชมชอบองค์ชายสี่จริงๆรึ เจินเจิน” ครานี้เป็นหลิว ฉวนหยู่ร์เอ่ยถามขึ้นบ้าง
เจินเจินเพียงพยักหน้ายอมรับหงึกๆด้วยสีหน้าจริงจัง
หลิวฉวนหยู่ร์ยังคงเอ่ยต่อ “แล้วองค์ชายสี่เล่า เขาชมชอบเจ้าหรือเปล่า เจ้าควรจะทำให้เขาชอบเจ้ารักเจ้าจากใจจริงเสียก่อนนะ จึงคิดจะใช้สิ่งของพวกนี้”
“หือ…” เจินเจินเริ่มงง แล้ว…ตกลงนางจะใช้ของพวกนี้ได้หรือไม่กันล่ะนี่???