Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1045

ตอนที่ 1045 อยากตายจริงๆ?

กระเรียนขนร่วงกำลังมีสีหน้าลำพองใจ แต่พอได้ยินคำพูดซูหมิง มันพลันตัวสั่น แล้วหมุนตัวไปมองซูหมิงในทันที

“ไปเถอะ ข้าในตอนนั้นไม่มีพลังพอจะช่วยเจ้าเอากายเนื้อกลับมา แต่ตอนนี้…ข้าน่าจะไหวแล้ว” ในสายตาซูหมิงที่มองทอดไกลไม่มีจิตสังหาร แต่มีความแปลกประหลาด

เขาขยับวูบไหวพุ่งไปข้างหน้า ตอนนี้กระเรียนขนร่วงไม่มีเวลาไปสนใจประชันกับบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงอีก มันรีบตามหลังซูหมิงไป

“กายเนื้อ? เจ้าหมายถึงกายเนื้อข้ารึ?”

“ในขุมอำนาจผู้ตรวจการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์มีกายเนื้อเจ้าอยู่ครึ่งหนึ่ง” ซูหมิงเดินหน้าพลางกล่าวอย่างสงบ

“อยู่ในมือใคร!” กระเรียนขนร่วงมีสีหน้าดุดัน

“จู๋หั่ว!” ซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งยาวห้อเหยียดไกลออกไป

อู่ลี่จื่อในตอนนั้นใช้ขนนกสีดำล่อกระเรียนขนร่วงมา และจู๋หั่วก็อยู่เบื้องการหลังมอบขนนกนี้ให้ อู่ลี่จื่อกลัวจู๋หั่วจึงล่อกระเรียนขนร่วงมา เป้าหมายสุดท้ายของจู๋หั่วคือเปิดเผยความลับบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในกายเนื้อของกระเรียนขนร่วง

ถึงซูหมิงในตอนแรกจะรู้เรื่องทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีวิธีเข้าไปถึงส่วนลึกของเขตผู้ตรวจการณ์โลกแท้จริง เข้าไปไม่ถึงตัวจู๋หั่ว อีกทั้งขั้นพลังยังไม่พอ ต่อมายังถูกยอดฝีมือ ขั้นกุมบีบออกไป จนต้องหนีเข้าแดนประหลาดวงแหวนบูรพาถึงรอดพ้นไปได้

ทว่าซูหมิงในยามนี้พูดได้ว่าต่างราวฟ้าดินกับเขาในอดีต อีกทั้งเขายังไม่ต้องใช้ ขั้นพลังในการเอาชนะ เขายังมีวัตถุที่คมกริบยิ่งกว่านั้นคือร่างแยกเต้าคง สายตรงของสำนักดาราสัจธรรม!

ขณะทะยานไป ซูหมิงอยู่ข้างหน้า กระเรียนขนร่วงอยู่ข้างๆ จูโหย่วไฉตามมา บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงอยู่หลังสุด กลุ่มคนกลายเป็นสายรุ้งยาวทะลวงความว่างเปล่าของฟ้ากระจ่างดาวไปตลอดทาง มุ่งหน้าสู่แดนผู้ตรวจการณ์สี่มหาโลก

เวลาผ่านไปช้าๆ ด้วยความเร็วของพวกเขา เพียงหนึ่งวันก็ข้ามผ่านฟ้ากระจ่างดาวที่ ไม่มีสิ้นสุด เห็นว่าตรงหน้ามีปราการที่รวมขึ้นจากหินดาวผุพังซึ่งซูหมิงเคยบุกผ่านไปแล้วในตอนนั้น

ทันทีที่เห็นปราการนั้น ซูหมิงยกมือขวาขึ้น กระเรียนขนร่วงติดตามเขามาหลายปี ย่อมเข้าใจความคิดเขา มันกลายเป็นควันมุดเข้าไปในถุงเก็บวัตถุ จากนั้นซูหมิงจึงเดินหนึ่งก้าวไปทางปราการที่รวมขึ้นจากเศษหินดาว

เกิดเสียงโครมดังสนั่น ถึงเสียงจะดังสะเทือนฟ้า แต่กลับขวางเขาไม่ได้แม้แต่น้อย พลังบ้าคลั่งแผ่กระจายมาจากในวงแหวนอาคมปราการ ทว่าช่วงที่ปะทะกับซูหมิง พลังบ้าคลั่งกลับกลายเป็นนุ่มนวล มิหนำซ้ำบนตัวเขายังมีเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราเผยขึ้นมา!

เขาในตอนนี้ไม่ใช่ซูหมิงอีก แต่เป็นเต้าคงอย่างสมบูรณ์แบบ

สวมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา เส้นผมสีขาวยาวถึงเท้าสองข้าง ใบหน้าหล่อเหลา แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามที่แผ่ออกมาเองโดยธรรมชาติ จากนั้นเขาก็ข้ามผ่านเข้าไปในปราการอย่างสบายๆ

ปราการนี้ขวางคนนอกได้ แจ้งเตือนได้ แต่สำหรับซูหมิงที่ยึดร่างเต้าคงมาแล้ว สี่มหาโลกแท้จริงย่อมไม่มีทางเตรียมป้องกันการมาถึงของเขาได้

ทางด้านจูโหย่วไฉ ทันทีที่ถูกพลังบ้าคลั่งปะทะ ทั้งตัวเขากลายเป็นดั่งอากาศ พลังบ้าคลั่งนั้น…จึงไม่สังเกตเห็นเขา ทำให้เดินเข้าไปในปราการได้อย่างสงบนิ่ง

บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงมีขั้นพลังอ่อนแอที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือขั้นกุม จะถูกวงแหวนอาคมที่ไม่ได้เปิดอย่างสมบูรณ์ขวางไว้ได้อย่างไร ขณะที่พลังบ้าคลั่งตรงเข้ามา เขาแค่นเสียงเย็นชาทีหนึ่ง พลังบ้าคลั่งพลันม้วนถอยไป เขาจึงเดินเข้าสู่ใน ขุมอำนาจผู้ตรวจการณ์สี่มหาโลกแท้จริงได้

แต่ว่าการมาของบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง แทบทันทีที่เขาปะทะกับวงแหวนอาคม ยอดฝีมือที่ประจำการณ์ในสี่มหาโลกแท้จริงต่างรับรู้ทันที

ตอนที่ซูหมิงเข้าไป ยอดฝีมือที่ประจำการณ์อยู่ที่นี่ต่างหลับตสงบนิ่ง เป็นเพราะขั้นพลังซูหมิงดูเหมือนแกร่งมาก แต่ความจริงยังไม่มากพอจะดึงดูดความสนใจพวกเขา

ทว่าครั้งนี้ การมาของบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงต่างออกไปโดยสิ้นเชิง ด้วยฐานะและขั้นพลังของยอดฝีมือขั้นกุม แทบทันทีที่เขาเข้าไปในปราการ ก็มีกลิ่นอายพลัง แก่กล้าสามกลุ่มโผล่มาจากในเขตผู้ตรวจการณ์แห่งนี้ ก่อให้เกิดเสียงครึกโครมดัง สนั่นฟ้า สร้างความตกใจให้กับผู้ฝึกฌานทั้งหมดในขุมอำนาจผู้ตรวจการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ ไม่นานกลิ่นอายพลังทั้งสามก็พุ่งออกมาจากส่วนลึก อย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียว กลิ่นอายพลังทั้งสามตรงหน้าซูหมิงกลายเป็นดวงจิต ทำให้ฟ้าดวงดาวสั่นสะเทือน พร้อมกันนั้นก็กลายเป็นคนสามคน ซ้ำยังมีพลังของฟ้าดินมหาศาลแผ่มาจากสามคนนี้โดยไม่กักเอาไว้แม้แต่น้อย ความแกร่งของพลังทำให้ผู้ฝึกฌานแห่งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ต่างตัวสั่น ยามที่มองฟ้าแววตาเผยความฮึกเหิมและเคารพ พวกเขารู้ว่านี่คือกลิ่นอายพลังของผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ประจำการณ์อยู่ที่นี่

“บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง เจ้าล้ำเส้นแล้ว!” เสียงดังมาจากหนึ่งในสามคนนั้น กลายเป็นเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงปร้าง มิหนำซ้ำยังกังวานออกไป สายฟ้าจำนวนมากกวาดล้างไปรอบๆ

ผู้กล่าวเป็นชายชราคนหนึ่ง ร่างกายสูงใหญ่กำยำ สวมเสื้อคลุมยาว ในดวงตาแฝงไว้ด้วยแสงสายฟ้า ทำให้ขั้นพลังทุกอย่างเทียบไม่เท่าเขา ตอนที่สบตากับเขาจิตใจจะแหลกสลายไป

อีกสองคนข้างกายเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ดูลักษณะเป็นวัยกลางคน ทว่าขั้นพลังรวมถึงความรู้สึกของเวลาในกลิ่นอายพลังพวกเขา กลับบอกว่าเป็นคนชราที่อยู่มานานไม่รู้กี่ปีแล้ว

พวกเขามองบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเป็นคนแรก จากนั้นมองจูโหย่วไฉ และสุดท้ายถึงเป็นซูหมิง

ยามที่มองบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง พวกเขามีสีหน้าปกติ ทว่าพอมองจูโหย่วไฉสามคนกลับหรี่ตาลงเล็กน้อยจนสังเกตไม่เห็น ขั้นพลังจูโหย่วไฉดูเหมือนอยู่เพียงขั้นกุม แต่พวกเขาสามคนสัมผัสได้จากวงแหวนอาคมว่าบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงเป็นขั้นกุม คนเดียว ด้วยความที่เป็นยอดฝีมือที่อยู่มานานไม่รู้กี่ปี พวกเขาจึงมองเห็นถึงจุดแปลกทันใด

เรื่องแปลกแบบนี้หากเกิดกับคนที่ไม่ใช่ยอดฝีมือก็คงไม่ทำให้พวกเขาสนใจ แต่หากเกิดกับยอดฝีมือ เรื่องแปลกนี้….เป็นตัวแทนการเปลี่ยนแปลงมากมาย

การเปลี่ยนแปลงมากมายแบบนี้ทำให้พวกเขาอดนึกเชื่อมโยงไปถึงสิ่งต่างๆ มากมายมิได้ โดยเฉพาะสีหน้าสงบนิ่งของจูโหย่วไฉ ยิ่งทำให้พวกเขาสามคนเกิดความสนใจต่อเขาเป็นพิเศษอย่างห้ามไม่ได้

กลับกันทางด้านซูหมิงดูไม่เตะตาแม้แต่น้อย สามคนนี้เพียงกวาดสายตามองรอบเดียวก็มองข้ามไปทันที ในสายตาพวกเขาขั้นภัยพิบัติจันทราไม่มีค่าให้สนใจจริงๆ อีกทั้งพวกเขายังรู้ฐานะซูหมิงจากในวงแหวนอาคมแล้วด้วย

“สหายสองท่านมาเขตผู้ตรวจการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ และยังพาศิษย์สายตรงสำนักดาราสัจธรรมแห่งโลกดาราสัจธรรมมาด้วย ไม่ทราบว่านี่หมายความว่าอย่างไร!”

ชายชราที่แผ่สายฟ้าทั่วร่างนัยน์ตาเผยประกายเย็นเยียบ ตอนที่มองหุ่นเชิดเพลิงกับจูโหย่วไฉก็มองข้ามซูหมิงไปเลย

จูโหย่วไฉเงียบนิ่ง บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงหัวเราะเหอะๆ มีซูหมิงอยู่ด้วย เขาคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่ตนจะต้องสนทนากับสามคนนี้ ถึงอย่างไรที่นี่คือขุมอำนาจผู้ตรวจการณ์ สี่มหาโลกแท้จริง ต่อให้เขาเป็นยอดฝีมือขั้นกุมก็ยังต้องระวังเล็กน้อย อีกทั้งเขากำลังคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างซูหมิงกับคนที่นี่ด้วย

ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง เขาเดินเข้าไปโดยไม่มองสามคนนี้แม้แต่หางตาเช่นกัน

ทว่าการเดินมาของเขาอยู่ในสายตายอดฝีมือโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์สามคนที่ประจำการณ์ที่นี่ ทำให้พวกเขาเกิดความไม่พอใจขึ้นมา ชายชราไม่พูดอะไร ยังคงใช้สายตามองหุ่นเชิดเพลิงกับจูโหย่วไฉ แต่หญิงวัยกลางคนหนึ่งในสองชายหญิงด้านข้างกลับยิ้มเล็กน้อย

“เจ้าหนูน้อยสำนักดาราสัจธรรม ที่นี่ไม่ใช่เขตผู้ตรวจการณ์โลกดาราสัจธรรม ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะเข้าไปได้ตามอำเภอใจ ยังไม่ไปรออยู่ข้างๆ แล้วรอจนคนโลกดาราสัจธรรมมารับอีก”

ซูหมิงยังคงเดินต่อไปเหมือนไม่ได้ยิน สามคนนี้คือเซียนยอดฝีมือที่สูงส่งในสายตาคนอื่น แต่ในสายตาซูหมิง หากคิดจะสังหารสามคนนี้ก็ไม่ยากเย็น

หญิงวัยกลางคนขมวดคิ้ว เดิมทีนางไม่รู้สึกดีกับโลกแท้จริงดาราสัจธรรมอยู่แล้ว สี่มหาโลกเหมือนจะร่วมมือกัน แต่ความจริงเกิดการต่อสู้กันภายในไม่หยุดหย่อน แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นลงมือสังหารคนสายตรงสำนักดาราสัจธรรม ถึงอย่างไรจากฐานะของเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำ อีกทั้งก่อนหน้านี้ที่ซูหมิงเข้ามาในวงแหวนอาคม นอกจากพวกเขาสามคนจะรับรู้แล้ว ยอดฝีมือหลายคนจากโลกแท้จริงดาราสัจธรรมก็ยังรับรู้ด้วย เกรงว่าตอนนี้กำลังรีบมาอยู่ แต่จะไม่สั่งสอนเจ้าหนุ่มไร้มารยาทคนนี้เลยก็ไม่ได้

นางยกมือขวาขึ้นชี้ซูหมิง

“ข้าจะสั่งสอนมารยาทต่อผู้อาวุโสให้เจ้าแทนผู้อาวุโสของเจ้าเอง” ชั่วขณะที่ หญิงวัยกลางคนลดมือขวาลง ซูหมิงหันหน้าไปมองนางด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง

“เอะอะโวยวายเช่นนี้ เจ้าอยากตายรึ?” ตอนที่มองไปแวบหนึ่งนี้ คำพูดยังไม่ทันดังก้อง ซูหมิงก็หายไปแล้ว และมาปรากฏอยู่ตรงหน้านาง ก่อนยกมือขวาขึ้นตบไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

เสียงเพี๊ยะดังขึ้น หญิงวัยกลางคนกระอักเลือดมาหนึ่งครา ข้างในยังมีฟันหลุดมาไม่น้อย ขณะนางกระเด็นถอยไป ใบหน้าด้านซ้ายปูดนูนขึ้นมา นัยน์ตาฉายแวว เหลือเชื่อ กระทั่งยังไม่ทันได้โกรธ ก็มีสีหน้าหวาดกลัวก่อนแล้ว การกระทำของซูหมิงเมื่อครู่ นางเห็นแล้วแต่กลับหลบไม่ได้ ไม่ใช่เพราะซูหมิงว่องไว แต่เพราะแวบหนึ่งที่เขามองนาง ในความคิดนางเกิดเสียงระเบิดขึ้น ทั่วร่างเสียจิตสำนึกรู้ตัวทุกอย่างไป

ขณะตกอยู่ในความหวาดกลัว ชายชราข้างๆ หันหน้าไปจ้องซูหมิงตาเขม็ง สีหน้ามีความจริงจังและตกใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ชายวัยกลางคนข้างๆ สูดลมหายใจเข้า ในสายตาที่มองซูหมิงเจือความตกตะลึง เขาก็เห็นการโจมตีนั้นเหมือนกัน นั่นไม่ใช่อภินิหารวิชาที่ระดับภัยพิบัติจันทราจะใช้ได้

“จับสามคนนี้ไว้ แค่ให้บาดเจ็บพอ อย่าให้ถึงตาย” ซูหมิงเอ่ยราบเรียบ

“ผู้ที่กล้าเสียมารยาทต่อนายท่านของข้า สมควรตบปากจริงๆ!” บรรพบุรุษ หุ่นเชิดเพลิงกล่าวด้วยน้ำเสียงอันธพาล ก่อนขยับตัวพุ่งไปหาสามคนนั้น

จูโหย่วไฉมีสีหน้าปกติ เขายกมือขวาขึ้นคว้าอากาศตรงหน้า ฟ้าดินพลันเกิดเสียงครึกโครม สามคนนั้นต่างหน้าเปลี่ยนสีชัดเจน ขณะพากันถอยไป ฟ้ากระจ่างดาวรอบตัวพวกเขายังบิดเบี้ยวราวกับเป็นผนึก ปิดกั้นไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

“นายท่าน? เจ้า…” หญิงวัยกลางคนหน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง สองคนข้างๆ ก็เช่นกัน ในความคิดพวกเขาเกิดเสียงครึกโครม นี่คือคำเรียกที่พวกเขาคาดไม่ถึง

นอกจากนี้สิ่งที่พวกเขาตกตะลึงคือการคว้าอย่างสบายๆ ของจูโหย่วไฉกลับผนึกพวกเขาสามคนไว้ในผืนฟ้าได้อย่างสมบูรณ์ ขั้นพลังแบบนี้ อภินิหารแบบนี้ ในสายตาชายหญิงวัยกลางคน นี่ไม่ใช่ขั้นกุมอย่างเด็ดขาด แต่คือ…ขั้นชะตา!

แต่ชายชรากลับไม่คิดเช่นกัน เขาหรี่ตาแคบลง ยามมองจูโหย่วไฉเขม็ง นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว ขณะที่เขาหันไปมองซูหมิง ความหวาดกลัวก็มากขึ้นกว่าเดิม

ทั้งทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ทั้งแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ซูหมิงผู้มีเตาหลอมลำดับห้าและสูบวิญญาณเอ้อชางเป็นคนที่แกร่งที่สุดอย่างสมบูรณ์แบบ เขาทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ

ผู้แข็งแกร่งเป็นจ้าว หากมีขั้นพลังมากพอ หากไม่มีอุปสรรคอะไร อย่าว่าแต่ยอดฝีมือเล็กจ้อยหลายคนพวกนี้เลย ต่อให้ก่อจลาจลทั้งแดนต้นกำเนิดจิต สังหารเป็นพันเป็นหมื่นชีวิต สำหรับซูหมิงแล้วก็เป็นเพียงหนึ่งความคิดเท่านั้น

“เต้าคง เจ้าคิดจะทำอะไร ที่นี่คือโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเป็นสายตรงของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม เจ้าบุกเข้ามาเช่นนี้ เจ้าต้องอธิบายให้กับโลกแท้จริงหยิน…” ชายวัยกลางคนระงับความตกใจเอาไว้แล้วพูดขึ้นทันที

“พวกเจ้าอยากตายกันจริงๆ รึ?” ซูหมิงหันหน้าไปมองชายวัยกลางคนอย่างจริงจัง

ชายวัยกลางคนใจสั่นสะท้าน คำพูดแบบเดียวกับก่อนหน้านี้ทำให้เขาใจสั่นไหว ขณะกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ชายชราคนข้างๆ ก็ตะโกนขึ้นมาก่อน

“เจ้าหุบปาก!” ชายชราพูดกับชายวัยกลางคน จากนั้นก็ประสานมือคารวะ ซูหมิงลงลึก

“หากสหายมีความแค้นส่วนตัวกับบางคนในโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ พวกข้าจะไม่ขวาง!” ชายชรายับยั้งความอึดอัดกับความกลัวในใจที่ยากจะเกิดขึ้นกับเขาเอาไว้ เขามองออกว่าคนร่างอ้วนใหญ่ไม่ใช่ขั้นชะตา แต่เป็น….ขั้นเกิด!

และคนที่ให้ยอดฝีมือขั้นเกิดติดตามได้จะมีความน่ากลัวระดับใด…เรื่องนี้เขาไม่กล้าคิดแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version