ตอนที่ 1064 สหายเก่าหุ่นเชิดเพลิง
หลังจากเรือรบลำใหญ่ออกมาจากในอาคมเคลื่อนย้ายมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนที่ร่าง ซูหมิงซึ่งสวมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา เส้นผมยาวพลิ้วไหว ยืนเอามือไพล่หลัง ปรากฏออกมาจากในวงแหวนอาคมตามเรือรบ ทุกสายตาล้วนจับจ้องมาที่เขา!
“ยินดีต้อนรับองค์ชายเต้าคงกลับสำนัก!” ผู้ฝึกฌานสวมเกราะเกือบหมื่นของเขาจากรอบตัว ตอนนี้คุกเข่าลงข้างหนึ่งและเอ่ยเสียงดังสั่นสะเทือนไปรอบๆ!
ท้องฟ้าคราม เมฆขาวเต็มฟ้า เมื่อมองไปจะเต็มไปด้วยความรู้สึกชวนให้คนจิตใจสงบ มองไกลออกไป เป็นแผ่นดินกว้างใหญ่ไร้พรมแดน ที่นี่ก็คือสำนักดาราสัจธรรม
ไม่มีฟ้ากระจ่างดาว มีเพียงฟ้าดิน เพียงแต่ความใหญ่ของฟ้าดิน เกรงว่าแม้แต่ จิตสัมผัสของซูหมิงก็ยังปกคลุมได้ไม่หมด
จะเห็นได้ว่าบนแผ่นดินกว้างใหญ่มีภูเขาสูงเสียดเมฆอยู่เก้าสิบเก้าลูก ยอดเขา เก้าสิบเก้าลูกนี้ตั้งตระหง่านบนแผ่นดิน แผ่กระจายแรงกดดันประหนึ่งเฝ้าที่นี่ไว้ ตอนที่มองไปจะอดรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่อยู่ในใจมิได้
บนภูเขาใหญ่เก้าสิบเก้าลูก มีแผ่นดินใหญ่ที่รวมขึ้นเป็นวงกลมอยู่เก้าแผ่นดิน พวกมันลอยอยู่บนฟ้า ดูห่างไกลยิ่ง ยามที่มองไปจะเห็นเพียงร่องรอยวงกลม เว้นแต่จะบินขึ้นไป มิเช่นนั้นแล้วยากจะเห็นได้ทุกมุม
เห็นรางๆ เหมือนว่าบนแผ่นดินใหญ่เก้าแห่งนั้นยังมีผืนดินอยู่อีก เพียงแต่ไกลเกินไปจึงเห็นไม่ชัด
หากเพียงเท่านี้ ถึงสำนักดาราสัจธรรมจะใหญ่ ทว่าก็ยังไม่ค่อยสอดคล้องกับฐานะสำนักอันดับหนึ่งของโลกดาราสัจธรรมสักเท่าไร แม้ว่าสำนักจะใหญ่ แต่ก็ยังขาดไปอีกเล็กน้อย
ทว่าจากความทรงจำเต้าคง ซูหมิงจึงรู้ชัดว่าแผ่นดินที่เขาอยู่ตอนนี้ดูกว้างใหญ่ไม่มีพรมแดนก็จริง แต่ความจริงแล้วลอยอยู่กลางอากาศเช่นกัน แผ่นดินแบบนี้มีอยู่ เก้าร้อยเก้าสิบเก้าแผ่นดินในสำนักดาราสัจธรรม
พวกมันล้วนลอยอยู่กลางอากาศ รวมขึ้นเป็นลักษณะวงแหวนยักษ์ อีกทั้งด้านล่าง…ก็มีแผ่นดินที่ใหญ่ยิ่งกว่าอีกเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้า พวกมัน…ลอยอยู่กลางอากาศเช่นกัน
ส่วนล่างสุดเป็นทะเล ถูกเรียกว่าเขตลึกลับของทะเลเต๋า ตรงนั้นเป็นแดนต้องห้าม ความจริงแล้วไม่ต้องกำหนดว่าเป็นแดนต้องห้ามก็ได้ เหตุที่มีนามเช่นนี้เพียงแค่อยากเตือนศิษย์สำนักดาราสัจธรรมทุกคนที่คิดจะไปทะเลเต๋าให้รู้ว่าที่นั่นอันตรายมาก
ความจริงคือไม่รู้กี่ปีมานี้ คนที่เข้าไปในทะเลเต๋าจะไม่ได้กลับมาอีกเลย ทุกคนตายหมด ที่นั่นคือแดนต้องห้าม เป็นเขตต้องห้ามของสิ่งมีชีวิต
มีตำนานเล่าลือว่าแท้จริงแล้วทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเกิดขึ้นจากในทะเลเต๋า เต้าเฉินรุ่นหนึ่งก็เป็นร่างแยกของทะเลเต๋านี่เอง
ทว่านี่เป็นเพียงคำเล่าลือ จริงเท็จประการใดไม่มีใครรู้ บางทีอาจมีเพียงเต้าเฉินทุกรุ่นเท่านั้นถึงจะรู้ว่าตำนานนี้เป็นจริงหรือไม่
ซูหมิงละสายตากลับจากฟ้า แล้วกวาดสายตามองไป เมื่อเรือรบใต้ร่างออกมาจากในอาคมเคลื่อนย้ายทั้งหมด เขาก็มองผู้ฝึกฌานเกือบหมื่นที่กำลังมองเขาอยู่ตอนนี้
สายตาของหนึ่งคนกวาดมองคนนับหมื่น เพียงแต่คนที่สบตากับเขาต่างใจสั่นสะท้าน เกิดความรู้สึกชัดว่าสายตาซูหมิงเหมือนกลายเป็นลูกธนูทะลวงผ่านดวงตาสองข้างและเข้าสู่จิตใจพวกเขา ส่งผลให้พลังปั่นป่วน เกิดเสียงดังสนั่นในใจ
พริบตาเดียวคนเกือบหมื่นถอยไปพร้อมกัน ผู้มีขั้นพลังสูงจำนวนหนึ่งยังดีหน่อย เพียงแค่ใจสั่นไหว แต่ผู้มีขั้นพลังอ่อนแอตอนนี้มีเสียงโครมในความคิด สมองขาวโพลน เกิดความรู้สึกอยากคารวะอย่างแรงกล้า คล้ายกับว่าหากถูกสายตานั้นมองแล้ว ไม่คารวะ จิตใจพวกเขาจะแหลกเป็นเสี่ยงๆ
ท่ามกลางเสียงดังอึกทึก ผู้ฝึกฌานต่างถอยไปทีละคนแล้วประสานมือคารวะไปทางซูหมิงพร้อมกัน
“ยินดีต้อนรับองค์ชายเต้าคงกลับสำนัก!” เสียงนี้ดังกระหึ่มขึ้นลง กลายเป็น คลื่นเสียงดังทีละน้อย ชายวัยกลางคนที่เป็นตัวแทนองค์ชายทั้งสามในกลุ่มคนต่างหน้าซีดขาว ตอนที่ถอยหลังไป ในสายตาที่มองซูหมิงมีความตื่นตกใจอยู่ลึกๆ
เรือรบออกมาจากอาคมเคลื่อนย้ายทั้งหมด เมื่อแสงจากอาคมเคลื่อนย้ายหายไป เก้าผู้เฒ่ายมโลก สวี่ฮุ่ย บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง รวมถึงจูโหย่วไฉก็ปรากฏตัวออกมา และข้างกายซูหมิงยังมีกระเรียนขนร่วงที่ตอนนี้กลายเป็นสุนัขตัวใหญ่สีเหลือง ถูกปล่อยมาคู่กับมังกรยมโลก กลายเป็นสองมารเหลืองดำ
ต่อมาคือหญิงแมว นางถูกเด็กหนุ่มสายเลือดอู๋โบราณดูดแก่นสำคัญโลหิตมากเกินไป ตอนนี้ฟื้นฟูกลับมาได้เล็กน้อยแล้ว ซูหมิงปล่อยนางออกมาก่อนเข้าอาคมเคลื่อนย้าย ตอนนี้ยืนอยู่ข้างเขา สีหน้าขาวซีดเล็กน้อย แต่สายตาที่มองซูหมิงยังเป็นดั่งในอดีต
การปรากฏตัวของทุกคน เรือรบหลายร้อยลำบนฟ้า และยังมีแรงกดดันจากสายตาซูหมิง เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วจึงกลายเป็นพลานุภาพรุนแรง
ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง หลังกวาดสายตามองผืนดินแล้วก็มองทายาทสายตรงสามคนนั้น ตำแหน่งของสามคนนี้มีองครักษ์ผู้ติดตามจำนวนมาก จึงดูเด่นตายิ่งนักในกลุ่มคน
“ข้าต้องการผู้ติดตามหนึ่งคน คนสายตรงก็ดี กลุ่มอื่นก็ดี เอาคนที่คุ้นเคยกับสำนักดาราสัจธรรมอย่างยิ่ง สามารถเติมเต็มสิ่งที่แซ่เต้าไม่เข้าใจต่อที่นี่ในช่วงพันกว่าปีมา นี้ได้
พวกเจ้ายินดีต้อนรับแซ่เต้ากลับมา เช่นนั้นในพวกเจ้ามีใครอยากรับตำแหน่งนี้หรือไม่?” ซูหมิงพูดราบเรียบ เสียงไม่ดัง แต่เข้าถึงจิตใจทุกคน
หมื่นคนต่างเงียบงัน มีไม่น้อยลังเลคิดว่านี่คือโอกาส ทว่าตอนนี้ซูหมิงเพิ่งมา ถึงจะมีพลังอำนาจแบบนี้ แต่ทุกคนต่างก็รู้กันว่าองค์ชายเก้าคนที่เหลือมีใครบ้างที่ไม่ใช่ดั่งดวงตะวัน ในภายภาคหน้าระหว่างสิบคนนี้จะต้องเกิดการแย่งชิงอย่างดุเดือดแน่นอน ดังนั้นแล้ว หากไม่พิจาณาให้ดีและเลือกไปแบบง่ายๆ หากพลาดขึ้นมา เช่นนั้นราคาต้องจ่ายจะเป็นเคราะห์ร้ายไม่รู้จบสิ้น
ดังนั้นคนที่ลังเลจึงยากจะตัดสินใจ
“เป็นตาแก่เพลิงจริงๆ!” มีเสียงหึเย็นชาดังมาจากทางบรรพบุรุษไถซาน คำพูดนี้รวมถึงเสียงขึ้นจมูกทำให้คนที่เกิดความลังเลพากันล้มเลิกความคิดไป ต่างมองออกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ไถซานผมขาวมองบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงข้างหลังซูหมิง ถึงอีกฝ่ายจะสวมผ้าคลุมหัว แต่เขาเองก็เป็นยอดฝีมือ หุ่นเชิดเพลิง ปิดบังคนอื่นได้ แต่ปิดบรรพบุรุษไถซานที่รู้เรื่องราวบางอย่างไม่ได้
“เฮอะๆ รู้อยู่แล้วว่ามาที่นี่ต้องเจอตาแก่ตายยากอย่างเจ้า ไถซานไถซาน เมื่อไรเจ้าจะยกภูเขานี้ทับตัวเองให้ตายไปเสียที” บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงหัวเราะเสียงเบา ตอนที่เงยหน้าขึ้นก็เอาผ้าคลุมหัวออก เผยให้เห็นใบหน้าน่ากลัว ลูกตาสีแดงมองบรรพบุรุษไถซาน
“เจ้าเองก็ยังไม่ถูกไฟเผาจนตาย ข้าจะไปถูกภูเขาทับตายได้อย่างไร” บรรพบุรุษไถซานแค่นเสียงเย็นชาอีกครั้ง ก่อนก้าวเดินไปทางเรือของซูหมิง การมาของเขาทำให้ผู้ฝึกฌานรอบๆ ต่างชำเลืองมอง โดยเฉพาะชายวัยกลางคนที่เป็นตัวแทนองค์ชายสามคนซึ่งมาตรวจสอบความจริงที่นี่ นัยน์ตาพวกเขาฉายแววดีใจ
เก้าผู้เฒ่ายมโลกข้างกายซูหมิงหน้าเปลี่ยนสี แม้แต่สวี่ฮุ่ยยังหรี่ตาลง กระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกที่กลายเป็นสุนัขเฉยเมย พวกมันส่ายหัวไปมาอยู่ตรงนั้น ดวงตาวาววับมองไปรอบๆ ซ้ำยังมีน้ำลายไหลย้อย
จูโหย่วไฉหลับตาลง เขาเหมือนไม่รับรู้ทุกอย่างข้างกาย เพียงแต่ร่างกายใหญ่โต จึงย่อมเป็นที่สังเกตของคนแต่แรกอยู่แล้ว
ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ เขามองบรรพบุรุษไถซานตรงเข้ามา ฟังจากคำพูดหุ่นเชิดเพลิงแล้วก็นึกไปถึงครั้งแรกที่เจอหุ่นเชิดเพลิงกับจูโหย่วไฉ หุ่นเชิดเพลิงก็มีคำพูดเจ็บแสบคล้ายๆ แบบนี้ แต่ความจริง…สองคนนี้สนิทสนมกัน
ชั่วขณะที่บรรพบุรุษไถซานกลายเป็นสายรุ้งยาวเข้ามาใกล้ บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงส่งเสียงร้องลั่น ตัวเขาพุ่งไปยังบรรพบุรุษไถซาน สองคนเข้าใกล้กันกลางอากาศในพริบตา เกิดเสียงโครมดังสนั่น เมื่อต่างฝ่ายต่างปล่อยฝ่ามือเข้าใส่กัน สองคนนี้ต่างถอยไป บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงถอยไปเจ็ดแปดก้าว ไถซานถอยไปเพียงสี่ก้าว
“นี่เจ้าจงใจรึ?” บรรพบุรุษไถซานกล่าวขึ้น
ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่งอยู่ข้างๆ เขามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าฝ่ามือของบรรพบุรุษไถซานไม่ใช่การโจมตี แต่เป็นการหยั่งเชิงว่าในตัวบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงมีใครลงผนึกไว้หรือไม่ ขณะเดียวกันฝ่ามือของบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงก็ดูเหมือนลงมือ แต่ความจริงช่วงที่สองคนปะทะกันก็ส่งกระแสจิตหากันด้วย
“พูดมาก หากข้าไม่จงใจ ใครจะทำให้ข้าถอยไปได้” บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงแสยะปากยิ้ม
ไถซานเผยรอยยิ้มทีละน้อย สายตามองซูหมิง หลังเพ่งมองครู่หนึ่งแล้วก็หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนประสานมือคารวะซูหมิง
“ข้าไถซาน คารวะองค์ชายเต้าคง ตาแก่เพลิงกับข้ามีมิตรภาพเกินกว่าชีวิตกันอยู่ ตอนอยู่ในเตาหลอมลำดับห้าแห่งทะเลดาราต้นกำเนิดจิต หากไม่ได้เขาลงมือช่วยเอาไว้ ข้าคงตายไปแล้ว
ก่อนหน้าแค่ลงมือหยั่งเชิง ขอท่านอย่าใส่ใจ ส่วนผู้ติดตามที่องค์ชายต้องการ ไฉนต้องเอาคนนอกเล่า ข้ามีศิษย์คนหนึ่งสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทุกอย่าง
เฟยเอ๋อร์ยังไม่เข้ามาอีก คารวะองค์ชายเต้าคงเสีย” บรรพบุรุษไถซานยิ้มเล็กน้อย เขาหันไปมองเด็กหนุ่มผอมแห้งที่ก้มหน้าอยู่ไกลๆ พลางตะโกนไป สายตายามมองเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความรักและเมตตา
เด็กหนุ่มคนนี้ จะให้พูดจริงๆ น่าจะเป็นเด็กสาว นางเดินเข้ามาอย่างไม่เต็มใจมาก จนมายืนอยู่ข้างชายชรา มองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วจึงพูดอย่างเฉยเมย
“หม่าเฟยคารวะองค์ชายเต้าคง”
“เจ้าเด็กคนนี้นี่….” บรรพบุรุษไถซานถลึงตามองเด็กสาวแวบหนึ่ง ตอนที่หันกลับไปมองซูหมิงยังยิ้มพลางพูดต่อว่า “นี่คือศิษย์เพียงคนเดียวของข้า ร่างกายไม่ดีมาแต่เยาว์วัยแล้ว แต่ปราดเปรื่องมาก ในสำนักดาราสัจธรรมไม่มีเรื่องใดที่นางไม่รู้ องค์ชายมีเรื่องใดไม่เข้าใจก็ถามนางได้เลย หากเด็กคนนี้ซุกซน องค์ชายสั่งสอนได้ ตามสบาย
ข้าขอมอบศิษย์ดื้อคนนี้ให้กับองค์ชาย หวังว่าองค์ชายจะช่วยอบรมให้มากๆ ให้นางฝึกฝนหนักขึ้น” บรรพบุรุษไถซานมีสีหน้าจริงจัง ตามด้วยการประสานมือคารวะ ซูหมิงลงลึกๆ
ซูหมิงมองไถซานแวบหนึ่ง ถึงเขาจะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายคุยอะไรกับ บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง แต่เห็นได้ชัดว่าการคุยกันครั้งนี้ทำให้ชายชรามอบศิษย์ให้ กับตน นอกจากนี้คำว่า ‘คนนอก’ ก็สื่อความหมายแฝงมากมาย หากซูหมิงยังไม่เข้าใจก็คงไม่ใช่เขาแล้ว
ซูหมิงยิ้มเล็กน้อย ในเมื่อส่งมิตรภาพมาแบบนี้เขาก็ยินดีจะรับไว้ เขากวาดสายตามองร่างเด็กสาวผอมบาง ขณะกำลังจะเอ่ยกลับนั้น เขาพลันหันหน้ากลับไปมองท้องฟ้าไกลๆ
“เต้าคง เจ้าสังหารพี่ข้า เจ้ากล้าประลองกับข้าตัวต่อตัวหรือไม่!” เสียงตะโกนด้วยความโกรธดังแว่วมาจากกลางฟ้าไกลๆ สิ่งที่ตามมายังมีแสงกระบี่ทะลวงอากาศ