ตอนที่ 1126 แผนการสวมรอย
สองฝ่ายเข้าใกล้กันในเสี้ยวพริบตา เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้อง มือขวาซูหมิงปะทะกับขวานสงครามของเทพโบราณ
ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน เขาถอยหลังไปสามก้าว ทว่า เทพโบราณกลับตัวสั่นไปทั่วร่าง ขวานสงครามแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ส่วนตัวเขาถอยติดกันสิบกว่าก้าวยาวไปหลายพันจั้ง
“ฮ่าๆ ถึงใจดี มามามา พวกเรามาสู้กันอีก!” เทพโบราณเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ตัวเขาขยายขึ้นอีกครั้ง ดาวเจ็ดดวงตรงระหว่างคิ้วขยับแสงวูบวาบเด่นชัด จากนั้น เขาก็พุ่งเข้าไปหาซูหมิงอย่างไม่ลังเลอีกครั้ง
กลางฟ้า ภายในมวลอากาศไกลออกไปจากสนามรบ ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าที่นี่มีชายวัยกลางคนนั่งฌานอยู่คนหนึ่ง เขาสวมเสื้อคลุมดำ สีหน้าเฉยชา ใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ
เขานั่งอย่างสงบนิ่ง ร่างกายเหมือนหลอมรวมกับจักรวาล ทำให้คนนอกมองไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของกลิ่นอายพลังทุกชนิดที่นี่
กระทั่งในตัวเขายังไม่มีพลังชีวิตแม้แต่น้อย ราวกับว่าเป็นหุ่นเชิด นั่งนิ่งไม่ขยับไหว มีเพียงดวงตาสองข้างที่จะมีแสงหม่นวูบผ่านเป็นบางครั้ง
“ค้นพบเต้าคง ให้เริ่มแผนสวมรอยเลยหรือไม่” เขามองซูหมิงที่กำลังสู้กับ เทพโบราณพันจั้งบนสนามรมพลางพูดเหมือนพึมพำกับตัวเอง
ทันทีที่เขาเอ่ยขึ้น แสงหม่นในดวงตาเขาขยับวิบวับเร็วขึ้น ในเวลาเดียวกันภายในพื้นที่พันธมิตรเผ่าเซียน ณ แดนเผ่าเซียนตรงใจกลาง ตรงฟ้ากระจ่างดาวที่ถูก หมอกหนาปกคลุมอย่างกะทันหันเมื่อหลายปีก่อน จะเห็นรางๆ ว่ามีลำแสงหนา สายหนึ่งลงมาจากฟ้า มันคงอยู่มาตลอดหลายปี แทบทุกช่วงเวลาจะมีเสี้ยวเงาลงมาเยือนจากข้างใน
ตอนนี้นอกลำแสงมีผู้ฝึกฌานเผ่าเซียนหลายพันคนนั่งฌานล้อมรอบอยู่ คนที่ใกล้ลำแสงที่สุดมีสามคน
หนึ่งในนั้นเป็นสตรีสวมอาภรณ์ขาว มีใบหน้างดงามอย่างยิ่ง สีหน้ำเย็นชา นางก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์สำนักหงส์ไป๋หลิง….คนที่ใช้ท่าทีเย็นชาทว่าพูดนุ่มนวลกับซูหมิงเพื่อหมายจะให้เขาสับสน!
ข้างกายนางมีคนชุดคลุมดำยืนอยู่คนหนึ่ง ทั่วร่างเขามีกลิ่นอายลอยล่องราวกับมีควันล้อมรอบ ประหนึ่งว่าเขาไม่เข้ากับจักรวาลแห่งนี้ แต่กลับฝืนอยู่ในโลกนี้ได้
เปลือกนอกเขาดูแล้วคล้ายๆ กับคนชุดคลุมดำที่ซูหมิงพบ ทว่าขั้นพลังเหนือกว่าคนชุดคลุมดำเหล่านั้นมาก อีกทั้งในตัวเขายังมีความน่าเกรงขามที่คนชุดคลุมดำคนอื่นไม่มี นั่นคือความน่าเกรงขามโดยธรรมชาติจากคนที่มีฐานะสูงส่ง
ข้างเขายังมีอีกคน คนนี้เป็นชายชรา เส้นผมสีขาวดอกเลา เสื้อคลุมยาวสีเทา แม้จะแก่ชรา แต่หากซูหมิงอยู่ที่นี่จะต้องมองออกในแวบแรกว่ารูปลักษณ์ของเขาคล้ายกับตี้เทียนในความทรงจำอย่างยิ่ง เพียงแต่ตอนนี้แก่ชราลงมา
เขาไม่ได้สวมเสื้อคลุมจักรพรรดิแล้ว และก็ไม่มีมงกุฎจักรพรรดิ ทว่าตอนที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับมีแรงกดดันที่แกร่งยิ่งกว่าคนชุดคลุมดำคนนั้นแผ่มาจากตัวเขารางๆ สีหน้าเรียบนิ่งแต่น่าเกรงขาม ลึกๆ ในดวงตาเหมือนมีจักรวาลฟ้าดิน
ยามนี้ในลำแสงยักษ์ตรงหน้าพวกเขาปรากฏภาพหกภาพขึ้น ในภาพหกภาพนี้มี เต้าหวา เต้าหลินและก็เต้าคง!
ส่วนในอีกสามภาพที่เหลือเป็นชายวัยกลางคนสามคน หน้ำตาสามคนนี้ดูแปลกตา แต่ขั้นพลังจากตัวพวกเขากลับแกร่งกล้ายิ่ง นอกจากซูหมิงแล้ว อีกห้าคนที่เหลือตอนนี้ติดตามกองทัพใหญ่สำนักดาราสัจธรรม กำลังก่อสงครามกับผู้ฝึกฌานพันธมิตรเผ่าเซียน
มีเพียงซูหมิงที่สู้กับเทพโบราณ
“ใต้เท้าสามคนที่เดินอยู่กลางแสงสว่าง ใต้เท้าลับสามคนที่ซ่อนอยู่ในเงามืด นี่คือ ใต้เท้าหกคนของสำนักดาราสัจธรรมอย่างนั้นรึ” คนชุดคลุมดำเอ่ยเสียงแหบแห้งเหมือนกำลังหัวเราะ เพียงแต่ในเสียงหัวเราะมีการเหยียดหยาม
“นอกจากเขา คนที่เหลือล้วนเป็นขยะ” คนชุดคลุมดำยกมือขวาแห้งเหี่ยวชี้ไปยังลำแสง ภาพของซูหมิงในนั้นพลันเด่นชัดขึ้น เผยอยู่ตรงหน้าสามคนนี้
“ควบคุมใต้เท้าหกคนนี้ได้ก็เท่ากับควบคุมสำนักดาราสัจธรรม ต่อให้สำนัก ดาราสัจธรรมส่งตัวปลอมมาก็ไม่เป็นไร อย่างมากก็แค่ล้มเหลวเท่านั้น” ไป๋หลิงพูดด้วยเสียงเย็นชา
“ซูเซวียนอีคนที่ทำให้ข้าทึ่งคนนั้นแห่งสำนักดาราสัจธรรมมีเป้าหมายอะไร? ใช้ศพของบุตรชายเขาหมายจะเปลี่ยนทั้งสำนักดาราสัจธรรมเป็นเผ่ายมโลกของเขาหรือไม่? หรือว่าจะจุดชนวนสงครามระหว่างฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนของข้ากับฝ่าย เงามืดรุ่งอรุณ?” คนชุดคลุมดำส่ายศีรษะ
“ไม่ใช่ทั้งนั้น หากเขาต้องการศพนั่น ไม่รู้กี่ปีมานี้เขาก็คงมาเอาไปก่อนที่ข้าจะมาเยือนแล้ว การเปลี่ยนเป็นเผ่ายมโลก….นี่ไม่สอดคล้องกับความจริง
แต่จุดชนวนสงคราม ข้าอยากรู้มากว่าหากจะจุดขนวนสงคราม เขาจะวางแผนอย่างไรอีก เขาทำลายเส้นทางเคลื่อนย้ายของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน
สหายเก่าของข้า อภัยที่ข้าลืมนามของเจ้าด้วย ข้าจะเรียกเจ้าว่าผู้ยิ่งใหญ่ตี้เทียน เจ้าคงไม่ถือหรอกนะ?” คนชุดคลุมดำเอ่ยเสียงแหบแห้งพลางหันไปมองตี้เทียนชายชราเสื้อคลุมเทา
“นามนี้ก็ไม่เลว” ตี้เทียนตอบเรียบๆ
“เช่นนั้นสหายเก่าของเจ้าซูเซวียนอี กากเดนแห่งเผ่ายมโลกท่านนี้ที่ตบแต่งกับ หญิงฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณ กระทั่งทั้งเผ่ายังเคยเป็นของฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณมีเป้าหมายอะไร? ข้าไม่เข้าใจนัก ก่อนหน้านี้เขาปล่อยให้ฝ่ายข้าลงมาเยือนตลอด แต่เหตุใดตอนนี้เพิ่งจะจู่โจมสวนกลับอย่างสุดกำลัง” คนชุดคลุมดำขมวดคิ้ว
“และยังมีใต้เท้าเต้าคงท่านนี้ เจ้าคนที่ควบคุมเตาหลอมลำดับห้า เขาคือทายาทของซูเซวียนอีมิใช่รึ?”
“บรรพชนแห่งทะเลเต๋าบอกข้าว่าเขาไม่ใช่ ส่วนความคิดของซูเซวียนอี….. เขาเป็นคนบ้า ถึงข้าจะเคยสู้กับเขามามากกว่าครึ่งชีวิต แต่ก็ยังยากจะอ่านความคิดของคนบ้าออก แต่ลึกๆ แล้วคงไม่พ้นเรื่องให้เผ่ายมโลกผงาดขึ้น” ตี้เทียนเงียบไป ครู่หนึ่งแล้วส่ายศีรษะ
“ในเมื่อบรรพชนแห่งทะเลเต๋าพูดเช่นนี้….ถ้าอย่างนั้นเต้าคงก็คือตัวปลอมที่ ซูเซวียนอีปล่อยออกมา อยากจะใช้เขาดึงดูดความสนใจพวกเราหมายจะปกป้องทายาทแท้จริงของเขา มิน่าเรื่องของสำนักดาราสัจธรรมถึงถูกส่งไปให้เต้าคงตั้งมากมาย” คนชุดคลุมดำส่ายหน้า
“ซูเซวียนอีมีความคิดอะไรมันสำคัญมากรึ หากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนส่ง มหาพระผู้เป็นเจ้าท่านหนึ่งลงมา ทุกอย่างที่นี่จะได้รับการแก้ไข” ไป๋หลิงเอ่ยขึ้นแบบราบเรียบ
“ปราการของมหาโลกสามรกร้างไม่ได้เปิดกันง่ายขนาดนั้น จากการบุกและเตรียมตัวตลอดหลายปีมานี้ ตอนนี้อย่างมากสุดก็ส่งยอดฝีมือขั้นมหันตภัยนภาลงมาได้ แต่หากพวกเจ้ายึดครองทั้งโลกแท้จริงได้ เช่นนั้นจะลดระดับความยากในการ มาเยือนของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนลงไป กระทั่งผู้สูงส่งหวนคืนสามท่านนั้นที่อยู่สูงส่งอย่างยิ่งยังสนใจในการลงมาที่นี่มาก” คนชุดคลุมดำยิ้มเล็กน้อย
“เอาล่ะ ในเมื่อมั่นใจแล้วว่าเต้าคงไม่ใช่ทายาทของซูเซวียนอี ไม่ใช่ชาวเผ่ายมโลก เช่นนั้นก็สวมรอยรวมเขาไปด้วย
แน่นอนว่าตัวสำคัญยังเป็นเต้าคง ข้าสนใจเขามาก” คนชุดคลุมดำสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นภาพของซูหมิงในลำแสงโผล่ขึ้นมาอีกครั้ง
“กายเนื้อของบุตรซูเซวียนอีขาดแขนไปข้างหนึ่ง ตามคำสัญญาที่เจ้าให้ไว้กับข้าในตอนนั้น วัตถุดิบที่ให้ข้าเตรียมได้มาครบแล้ว เมื่อไร….เจ้าจะช่วยข้าแลกชีวิต?
หากข้ากลายเป็นเผ่ายมโลก แผนการของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนของเจ้าจะดำเนินต่อไปอย่างสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเดิม” ตี้เทียนเงยหน้าขึ้นมองคนชุดคลุมดำพลางพูดเรียบนิ่ง
“น่าเสียดายตัวเลือกคนแรกสุดของข้าคือซัง เขาหล่อหลอมกับร่างกายนั้นได้ดีกว่า แต่ว่าผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตอย่างเจ้าก็มีคุณสมบัตินี้เหมือนกัน สามเดือนจากนี้ ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนจะมียอดฝีมือท่านหนึ่งลงมาเยือน เขามีนามว่าซิงจี๋จวิน มีฐานะเป็นแปดหัตถ์แก่นเต๋าแห่งโลกเซียนเหมือนกับข้า เขานำสมบัติล้ำค่าที่ผู้สูงส่งหวนคืนสามท่านหล่อหลอมอยู่หลายหมื่นปีมาด้วย คู่กับการเตรียมตัวของเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว มีโอกาสห้าส่วนที่จะแลกชีวิตเจ้าได้ ให้เจ้ากลายเป็นเผ่ายมโลก!
ทว่าเจ้าก็ต้องเตรียมตัวล้มเหลวด้วย” คนชุดคลุมดำพูดขึ้นเรียบๆ ก่อนขยับวูบไหว เดินเข้าไปในม่านแสง แล้วนั่งขัดสมาธิลงแน่นิ่งไป
ในเวลาเดียวกันดวงตาไป๋หลิงขยับประกายวาว นางยกมืองามขึ้นทำปางมือชี้ไปยังลำแสง ฉับพลันนั้นหกภาพในลำแสงต่างเปล่งแสงสว่างจ้าพร้อมกัน ช่วงที่มันวนเวียนรอบคนชุดคลุมดำ ผู้ฝึกฌานสำนักดาราสัจธรรมคนหนึ่งข้างๆ เต้าหวาในภาพดวงตาขยับประกายวาววับ ก่อนทั่วร่างระเบิดออกกลายเป็นหมอกกระจายไปรอบๆ ชั่วขณะที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ร่างเต้าหวาสั่นไหว นัยน์ตาฉายประกายพิลึก
ภาพเหตุการณ์คล้ายกันเกิดขึ้นในภาพอื่นๆ เต้าหลินและยังมีใต้เท้าลับอีกสามคนนั้น ข้างกายพวกเขาต่างเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆ ขึ้น ก่อนทยอยกันเปลี่ยนเป็น อีกอย่างแนบเนียน แต่เสี้ยวพริบตาเดียวก็กลับมาเป็นปกติ
เพียงแต่ว่าคนนอกไม่รู้ว่าพวกเขา…..ไม่ใช่พวกเขาอีกแล้ว กระทั่งการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ยังทำให้การป้องกันของดอกบัวอุดมสมบูรณ์บนตัวพวกเขาไม่ทำงาน นี่คือการแทนที่ซึ่งคล้ายกับการยึดร่าง
ภาพสุดท้ายที่ยังไม่เปลี่ยนแปลงคือการต่อสู้ของซูหมิงกับเทพโบราณ ภาพนี้วนเวียนรอบคนชุดคลุมดำ แต่คนชุดคลุมดำกลับเหมือนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“ช่างเถอะ เรื่องการตายของเทพโบราณคงจะมีเซียนจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนติดต่อกับฝ่ายเทพโบราณเอง ข้าอยู่ไกลถึงสามรกร้าง มีเรื่องอีกมากที่ต้องกังวล ถึงอย่างไรตอนผู้ฝึกฌานแห่งโลกเซียนตายตก ฝ่ายเทพโบราณก็ทำเป็นมองไม่เห็น อยู่แล้ว” คนชุดคลุมดำพึมพำเสียงเบา ก่อนยกมือขวาชี้ไปยังเทพโบราณในภาพ
ขณะเดียวกันบนสนามรบระหว่างห้องโถงสงครามกับพันธมิตรเผ่าเซียน คนที่นั่งฌานอยู่ในอากาศด้วยสีหน้าเฉยชาคนนั้นดวงตาขยับประกายแสงหม่น ก่อนร่างเขาหายวับไปกลางอากาศ
ต่อมา ช่วงที่ซูหมิงกับเทพโบราณปะทะกันก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น เทพโบราณกระอักเลือด ขณะเดียวกับที่ซูหมิงตัวสั่นสะท้านและถอยไปนั้น ตัวเขาก็กระเด็นถอยไปเช่นกัน แต่ความมุ่งมั่นในการต่อสู้กลับปะทุมาจากดวงตามากกว่าเดิม ชั่วขณะที่เขาร้องคำรามพลางจะพุ่งเข้าไปนั้น ร่างกายพลันสั่นไหว
เหมือนกับว่าตอนนี้มีอภินิหารประหลาดบางอย่างลงมาเยือนยังร่างกายเขาอย่างไร้รูป
ขณะร่างสั่นไหวอยู่นี้ ก็เกิดเสียงโครมตรงระหว่างคิ้ว…..ดาวหนึ่งดวง สองดวง สามดวง….ไปจนถึงเจ็ดดวงระเบิดออกทั้งหมด กลายเป็นแรงระเบิดตัวเองที่มีพลังทำลายล้าง ชั่วขณะที่นัยน์ตาเขาฉายแววหวาดกลัวและเกรี้ยวโกรธนั้น เทพโบราณเจ็ดดวงตนนี้….ร่างระเบิดออก!