ตอนที่ 1134 ส่วนซูหมิง…
ในเวลาเดียวกัน วิญญาณของคนชุดคลุมดำก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ ภายใต้แสงแก่นยมโลก เขาหนีพลางร้องเสียงแหลมเล็ก ราวกับอยากจะบอกทุกอย่างให้คนภายนอกรู้
ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เพียงมองวิญญาณคนชุดคลุมดำที่กำลังแสดงละครอย่างเย็นชา
สิบลมหายใจต่อมา วิญญาณคนชุดคลุมดำหนีไปหลายพันจั้งแล้วพลันหยุดชะงัก ตอนที่หันกลับมามอง ความตกใจและตื่นกลัวหายไป แต่แทนที่ด้วยรอยยิ้ม
เขาขยับวูบไหวตัวกลับมายังจุดที่อักขระอยู่อีกครั้ง เมื่อพิจาณามองอย่างละเอียดแล้วก็พุ่งเข้าไป ให้วิญญาณปะทะกับอักขระนั้นจนเกิดเสียงดังปัง วิญญาณเขากลายเป็นเส้นถี่เหลือคณานับพันรอบอักขระนั้น
ขณะเดียวกันซูหมิงก็สังเกตเห็นว่าในแสงแก่นยมโลกของเขามีคนชุดคลุมดำ คนหนึ่งกำลังพุ่งมาที่นี่อย่างเร็วไว
‘คนชุดคลุมดำขี้ระแวงจริงๆ เขาไม่ใช้ร่างจริงตัวเองมาสัมผัส แต่ให้ลิ่วล้อเหล่านั้นของเขาเข้ามาทางอ้อมทีละคน และยังได้หยั่งเชิงด้วย’ ซูหมิงสังเกตเห็นว่าอักขระข้างหลังต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลกของเขาถูกเสี้ยววิญญาณเหล่านั้นพันรอบและ กำลังหลอมรวมเข้าไปไม่หยุด
ครู่ต่อมา เมื่อคนชุดคลุมดำคนที่สองมาถึงร่างเขาก็ระเบิดออกเช่นกัน เลือดเนื้อเปื้อนอักขระ วิญญาณเขากลายเป็นเสี้ยววิญญาณนับไม่ถ้วนพันรอบเพิ่มเข้าไปอีก
จนกระทั่งคนชุดคลุมดำคนที่สาม คนที่สี่ คนที่ห้า…..ไปจนถึงคนที่เจ็ดที่อยู่ในแสงแก่นยมโลกของซูหมิงก่อนหน้านี้ระเบิดตัวเองข้างอักขระแล้ว เลือดเนื้อพวกเขาก็ย้อมอักขระจนกลายเป็นสีโลหิต วิญญาณพวกเขาพันรอบ ตอนที่ปกคลุมอักขระ เลือดเนื้อกระจัดกระจายนอกอักขระพลันเปล่งแสงสว่างโลหิต
ช่วงที่แสงสว่างโลหิตขยับวูบวาบก็เหมือนรวมขึ้นเป็นวงแหวนอาคม วงแหวนอาคมขยับแสงวับวิบหลายครั้ง ทันใดนั้นก็มีคนชุดคลุมดำอีกคนเดินออกมา!
คนชุดคลุมดำคนนี้มีขั้นพลังลึกล้ำนภา เป็นชายชราชุดคลุมดำแห่งแปดขั้วเต๋าฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนที่ซูหมิงสังเกตเห็นตอนอยู่ข้างนอก
เป็นอย่างที่ซูหมิงวิเคราะห์ ทุกอย่างก่อนหน้านี้ล้วนเป็นการหยั่งเชิง ชายชรา ชุดคลุมดำอยู่มาหลายปีแล้ว การดำเนินการต่างๆ จะไปบุ่มบ่ามได้อย่างไร ถึงจะสนใจอย่างยิ่ง ถึงในใจจะมั่นใจมาก แต่ก็ยังค่อนข้างระวัง
ทว่าถึงจะเป็นการหยั่งเชิง แต่ขณะเดียวกันก็เป็นกลอุบายอย่างหนึ่งที่เขาเลือกใช้เก็บต้นกำเนิดแสงแก่นยมโลก เขาไม่ได้คิดอย่างคนนอกแดนที่จะเอาแสงแก่นยมโลกหลอมรวมเข้าสู่ร่างกาย แต่….เขาจะหลอมมันเป็นสมบัติล้ำค่าของตัวเอง
ลิ่วล้อเจ็ดคนของเขาถูกปลูกถ่ายส่วนวิญญาณเอาไว้แล้ว จึงใช้เลือดเนื้อพวกเขาเปิดเป็นวงแหวนอาคม ใช้วิญญาณพวกเขาพันรอบอักขระ เพราะวิญญาณนี้เดิมทีเป็นส่วนวิญญาณของเขา ดังนั้นชายชราชุดคลุมดำจึงหลอมมันทางอ้อมได้โดยไม่ต้องสัมผัสกับอักขระ
“จะมีจิตสำนึกหรือไม่ไม่สำคัญ ข้าจะถือว่าเจ้ามีจิตสำนึก” ชายชราคนชุดคลุมดำตรงหน้าอักขระกล่าวเสียงแหบแห้ง ก่อนยกสองมือขึ้นชี้ไปยังอักขระ เส้นสีดำทั้งหมดบนตัวเขาพลันตึงเปรี๊ยะพร้อมกัน ท่ามกลางเสียงดังปึงปัง เส้นสีดำทั้งหมดแตกออกกลายเป็นควันดำมุดเข้าไปในอักขระ
ชายชราชุดคลุมดำสะบัดแขนเสื้อแล้วนั่งขัดสมาธิลงโดยพลัน สองมือประสานมุทราอย่างต่อเนื่อง สัญลักษณ์ต่างๆ ลอยขึ้นมาบนอากาศ ก่อนประทับลงบนอักขระที่ถูกควันดำวนรอบ
ภายในอักขระนั้น นอกจากจิตสำนึกของซูหมิงแล้วยังมีกระเรียนขนร่วง ตอนนี้มันกำลังตัวสั่นพลางใช้พรสวรรค์ของมันอย่างบ้าคลั่ง ไม่ใช่เพื่อต่อต้านตราประทับจากชายชราชุดคลุมดำ แต่ใช้กลอุบายที่วางไว้ก่อนหน้านี้ทำให้อักขระเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
นี่คือการตัดสินใจหลังซูหมิงกับกระเรียนขนร่วงปรึกษากัน หากเปรียบอักขระทั้งหมดเป็นร้อยส่วน เช่นนั้นสิ่งที่ซูหมิงต้องการให้กระเรียนขนร่วงทำคือซ่อนเจ็ดสิบส่วนเอาไว้ จุดนี้ไม่ยาก แต่จะว่ายากก็ยาก ต้องเปลี่ยนสามสิบส่วนที่เหลือให้เป็นหนึ่งร้อยในด้านความรู้สึก
ดังนั้นแล้วซูหมิงที่มีจิตสำนึกส่วนใหญ่จะลบอีกฝ่ายออกไปได้ตลอดเวลา เท่านี้ก็จะสำเร็จแผนการของเขา
“ย่ากระเรียนมันเถอะ เจ้านี่กล้าใช้ลูกไม้เอาเปรียบท่านกระเรียนรึ เจ้าซูน้อย ให้แรงกระตุ้นข้า ข้าต้องการแรงกระตุ้น!” กระเรียนขนร่วงตัวสั่นพลางตะโกนอยู่ในวิญญาณซูหมิง ตอนนี้นอกอักขระ ชายชราชุดคลุมดำประสานมุทราด้วยสองมือ เร็วขึ้นเรื่อยๆ การประทับตราก็มากขึ้นเรื่อยๆ เสี้ยวการเชื่อมต่อหนึ่งถูกสร้างขึ้นอย่างเร็วไว
“หินผลึกสองก้อน!” ซูหมิงเอ่ยเรียบนิ่ง
กระเรียนขนร่วงทำเสียงโอหังขึ้นมาทันที มันตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ซูหมิงคิดเสมอว่ากระเรียนขนร่วงไม่ได้สนใจเรื่องจำตัวเลข ไม่ว่าเท่าไร ขอเพียงมากกว่าหนึ่ง สำหรับกระเรียนขนร่วงแล้วคือแรงกระตุ้น…..
ขณะเดียวกัน ชายชราชุดคลุมดำนอกอักขระพลันกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตหนึ่งคำ ทันทีที่โลหิตสาดบนอักขระ อักขระพลันเกิดเสียงระเบิด การเชื่อมต่อถูกสร้างขึ้นอย่างสมบูรณ์แบบ
“หินผลึกยี่สิบก้อน!” ซูหมิงพูดขึ้นเรียบๆ กระเรียนขนร่วงตื่นเต้นจนเหมือนจะถึงขีดสุดแล้ว ช่วงที่ชายชราชุดคลุมดำข้างนอกพ่นโลหิตและการเชื่อมต่อถูกสร้างขึ้นนั้น ในที่สุดกระเรียนขนร่วงก็ทำแผนการที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้สำเร็จ ส่งผลให้อักขระดูเหมือนไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับถูกซ่อนเอาไว้เจ็ดส่วน
ใช้เวลาไปสิบกว่าลมหายใจ ตราประทับของชายชราชุดคลุมดำก็ยึดครองอักขระได้ทั้งหมด เขามีสีหน้าตื่นเต้น ซ้ำยังเงยหน้าหัวเราะเสียงลากยาว
เขารู้สึกอย่างชัดเจนว่าแสงแก่นยมโลกกลุ่มนี้กับเขาเกิดการเชื่อมต่อที่ไม่อาจถูกแยกออกขึ้น
ขอเพียงเขานึกคิดก็จะให้มันเปลี่ยนเป็นพันเป็นหมื่นรูปแบบ ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ความรู้สึกนี้ทำให้เขาเข้าใจว่าโลหิตเขาหลอมรวมสำเร็จแล้ว ไม่ว่าก่อนหน้านี้ต้นกำเนิดแสงจะมีจิตสำนึกหรือไม่ ทว่าตอนนี้มันมีจิตสำนึกเพียงหนึ่งเดียวนั่นคือวิญญาณเขา
ขณะหัวเราะลากยาว ชายชราชุดคลุมดำยกมือขวาคว้าอากาศไปทางอักขระ อักขระที่ซ่อนจิตแรกซูหมิงหดเล็กลงในทันใด แสงแก่นยมโลกรอบตัวยังหดลงด้วย พริบตาเดียวแสงแก่น
ยมโลกหายไป อักขระนั้นมาตกอยู่ในมือเหี่ยวแห้งของชายชราชุดคลุมดำ เมื่อเขาบีบมืออักขระก็หายเข้าไปในร่างกายเขา ลอยอยู่กลางจิตใจและยังถูกจิตแรกเขาห่อหุ้มเอาไว้ ความรู้สึกควบคุมแสงแก่นยมโลกได้ทำให้ขั้นพลังชายชราชุดคลุมดำเหมือนจะสูงขึ้นอีกเล็กน้อย
เมื่อแสงแก่นยมโลกหายไป ทุกอย่างที่นี่พลันเผยอยู่ในสายตาผู้ฝึกฌานจำนวนมากข้างนอก พวกเขาเห็นชายชราชุดคลุมดำหัวเราะเสียงลากยาว เห็นระหว่างที่ ชายชราชุดคลุมดำหมุนตัวกลับ ในร่างกายเขาพลันเปล่งแสงสีดำสว่างจ้าแสบตา
ภายใต้แสงสีดำนี้ เกิดเสียงกรีดร้องมากเหลือคณานับจากรอบๆ เป็นผู้ฝึกฌานมากกว่าหลายแสนคนที่เฝ้าระวังอยู่รอบๆ ด้วยความตื่นตัวร้องโหยหวนพร้อมกับกระเด็นถอยไป ทุกคนต่างพากันกระอักเลือด วิญญาณได้รับความเสียหายอย่างสาหัส ร่างพวกเขายังถูกแช่แข็งในบัดดล แต่ละคนมีโลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด กระทั่งมีผู้ฝึกฌานหลายพันคนวิญญาณสลายไป ร่างกลายเป็นน้ำแข็งดิ่งลงฟ้ากระจ่างดาว
ชายชราชุดคลุมดำหัวเราะเสียงดังยิ่งกว่าเดิม เขาไม่สนใจแม้แต่น้อยว่าผู้ฝึกฌานป่าเถื่อนเหล่านั้นที่อยู่โดยรอบจะ
บาดเจ็บล้มตายหรือไม่ คนเหล่านี้คือมดปลวก ไม่คู่ควรอยู่ในสายตาเขา
ตอนนี้เขาค่อนข้างอิ่มอกอิ่มใจ ทั้งยังพอใจกับพลังของแสงแก่นยมโลกมาก จากการวิเคราะห์ หากใช้แสงแก่นยมโลกทั้งหมดด้วยขั้นพลังเขา จะสังหารคนได้หลายแสนคนที่นี่ในพริบตา
สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ ต่อให้อยู่ในฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็ยังพบเห็นไม่บ่อย ด้วยฐานะเขาแล้วก็ไม่มีทางได้มา แต่กลับได้มาอย่างง่ายดายในมหาโลกสามรกร้าง แล้วจะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้อย่างไร
ส่วนตี้เทียนก็ไม่ได้สนใจคนหลายแสนคนรอบๆ ที่วิญญาณได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แต่ประสานมือคารวะให้ชายชราชุดคลุมดำ
“ขอแสดงความยินดีที่สหายจ่างจี๋จวินได้สมบัติล้ำค่าชิ้นนี้!”
ไป๋เฟิ่งดวงตาเปล่งประกาย ใบหน้ำเย็นชาเผยรอยยิ้มเล็กน้อย ก่อนโค้งตัวคารวะให้ชายชราชุดคลุมดำ
“สองท่านวางใจ ข้าจะทำตามที่รับปากไว้ก่อนหน้านี้แน่นอน” ชายชราชุดคลุมดำหัวเราะเสียงดังก้อง ขณะกำลังจะพูดต่อพลันหน้าเปลี่ยนสีแล้วเงยหน้าขึ้น
นัยน์ตาฉายแววตกใจวูบผ่าน
‘ไม่อยากเชื่อว่าจะมาก่อนเวลา….หึ ดูท่าทางเทพโบราณคงจะมีวิธีส่งข่าวไปยังฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนจริงๆ !’ ชายชราชุดคลุมดำนัยน์ตาเป็นสมาธิ มุมปากยิ้มเยาะ
ต่อมาตี้เทียนก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ตอนที่หันไปมองดวงตาสองข้างฉายแววตื่นเต้น สายตามองไปยังลำแสงพุ่งขึ้นฟ้าในพื้นที่เผ่าเซียน!
เวลานี้ลำแสงเกิดแสงสว่างพร่างพราว เพียงไม่กี่ลมหายใจแสงส่องสว่างไปหมื่นจั้ง ผู้ฝึกฌานทุกคนที่นี่จึงเห็นกันอย่างชัดเจน
“ร่างแยกซิงจี๋เต้ามาถึงก่อนเวลา สหายตี้เทียน โชควาสนาของเจ้ามาแล้ว เอาเถอะ เจ้าจะได้ไม่ต้องรอแล้ว ตอนนี้ไปเอากายเนื้อเผ่ายมโลกคนนั้นกัน รอซิงจี๋เต้าลงมาแล้วพวกเราค่อยร่วมมือกัน” ชายชราชุดคลุมดำสะบัดแขนเสื้อ ก่อนขยับวูบไหวเข้าไปในอากาศ มุ่งหน้าไปยังลำแสงนั้น
ตี้เทียนมีสีหน้าตื่นเต้นจนยากจะปกปิด เขาก้าวเดินเข้าไปในพื้นที่เผ่าเซียนอย่างไม่ลังเล มุ่งหน้าไปยังกายเนื้อซูหมิง
ไป๋เฟิ่งกลับมามีสีหน้ำเย็นชาดังเดิม นางมองผู้ฝึกฌานหลายแสนคนนั้นรอบๆ ด้วยนัยน์ตาฉายแววเหยียดหยามราวกับมองมดปลวก จากนั้นหมุนตัวกลับลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนมุ่งหน้าไปยังลำแสงนั้น
ลำแสงที่เชื่อมกับโลกแท้จริงสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเปล่งแสงสว่างจ้าแสบตา ทั้งยังมีแรงกดดันรุนแรงกดทับลงมา ถึงขั้นมีอักขระนับไม่ถ้วนวนเวียนรอบลำแสง อักขระทุกตัวล้วนแฝงไว้ด้วยพลังที่ทำให้คนหายใจติดขัด
เกิดเสียงโครมดังขึ้นไปทั่วพันธมิตรเผ่าเซียน ซ้ำยังดังก้องออกไปอีก เข้าไปกลางสนามรบทุกแห่งตอนนี้ จนกระทั่งดังก้องไปทั่วโลกแท้จริงดาราสัจธรรม
ทำให้ผู้ฝึกฌานทั้งหมดในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมรู้สึกถึงแรงกดดันประหนึ่ง ยอดเขากดทับลงมา และยังมีความรู้สึกจิตใจสั่นไหวกับวิญญาณถูกฉีก
เสียงอึกทึกกึกก้อง ซ้ำยังดังแว่วเข้าไปในสำนักดาราสัจธรรม แทบเป็นทันทีที่ลำแสงเกิดเสียงดังสนั่นและมีผู้ฝึกฌานฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนลงมาเยือนนั้น ภายในสำนักดาราสัจธรรม ณ แดนนั่งฌานของซูเซวียนอี ซูเซวียนอีที่นั่งฌานอยู่พลัน ลืมตาขึ้น นัยน์ตาฉายแววเฝ้ารอคอยอย่างเด่นชัด เหมือนว่าเขาเฝ้ารอด้วยความอัดอั้นมาไม่รู้กี่ปีแล้ว จนตอนนี้ในที่สุดมันก็จะระเบิดออกมา
‘แผนการข้า…..ขั้นตอนแรกจะสมบูรณ์แล้ว….โลกแท้จริงดาราสัจธรรมไม่มีประโยชน์แล้ว…..เตรียมตัวมานานขนาดนั้น ท่านผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าอย่าทำให้แซ่ซูผิดหวังเชียว และยังมีสหายจากฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืน พวกเจ้าก็ต้องพยายามเข้า…..’
‘ส่วนซูหมิง…..’ ซูเซวียนอีเงียบ ดวงตาขยับวาววับ คิ้วขมวดขึ้น