ตอนที่ 1261 โลกของส่วนลึก
ซูหมิงมองชายชราวิญญาณสวรรค์ แล้วก็มองภัยพิบัติที่สี่ที่ถูกชายชราวิญญาณสวรรค์คว้าใส่จนต้องหายไปบนน้ำวนมรณะหยิน ยามนี้เขามองภัยพิบัติที่นี่พลางเข้าใจแล้วว่าแท้จริงแล้วเขาไม่อาจผ่านภัยพิบัติที่สามไปได้ ที่ผ่านไปได้ไม่ใช่เพราะว่าแข็งแกร่ง แต่เพราะว่าเขายึดครองหนึ่งโลกแท้จริงพอดี
เขามีอายุขัยของหนึ่งโลกแท้จริง ดังนั้นเลยผ่านภัยพิบัติที่สามมาได้
แต่ภัยพิบัติที่สี่ทำให้เขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด สุดท้ายหากไม่ใช่ว่าเขาใช้อภินิหาร คำสาปรกร้าง ไม่ใช่เพราะความบ้าคลั่งที่ยอมตายไปพร้อมกันจนทำให้ดวงจิต สามรกร้างเลือกประนีประนอมจากการหลับใหล มิเช่นนั้นแล้วเขาคงต้องตายใน ภัยพิบัติที่สี่แน่
สถานการณ์เป็นแบบนี้แล้วยังต้องเผชิญภัยพิบัติที่ห้าที่กำลังเกิดขึ้นอีก ซูหมิง… ไม่มีความมั่นใจเลย ความจริงเขาใช้พลังไปทั้งหมดแล้วตอนภัยพิบัติที่สอง
แม้เขาจะอยากผ่านไปด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ได้หุนหันพลันแล่น หากพลังไม่พอ หากเดิมพันต้องล้มเหลว เขาจะไม่ฝืนลองเด็ดขาด ตอนนี้ในเมื่อถึงขีดจำกัดนานแล้ว เขาจึงดวงตาวาววับพลางนึกถึงคำพูดเกี่ยวกับดวงจิตสามรกร้างเหล่านั้นของชายชราวิญญาณสวรรค์ ก่อนถอยไปอย่างเงียบๆ ทันที
“ขอบคุณผู้อาวุโสมาก!” ซูหมิงถอยไปพร้อมกับประสานมือคารวะและเอ่ยขึ้น
“ไม่ต้องขอบคุณข้า ข้าเป็นคนนำพาภัยพิบัติมาให้เจ้า ช่วยเจ้า…ก็เท่ากับช่วย ตัวข้าเอง!” ชายชราวิญญาณสวรรค์สะบัดแขนเสื้อ ตอนที่เงยหน้าขึ้นพลันเกิด เสียงระเบิดขึ้นตรงน้ำวนมรณะหยิน ภัยพิบัติที่ห้ามาถึงแล้ว
ภัยพิบัตินี้เกิดเสียงครึกโครมจนทำให้น้ำวนมรณะหยินอัดแน่นไปด้วยสายฟ้า นับไม่ถ้วน เหมือนจะเปลี่ยนน้ำวนยักษ์ให้เป็นพายุหมุนสายฟ้า
“ภัยพิบัติที่ห้า ปฐพีระแหงห้ามาร ได้ยินมานานแล้วว่าพลานุภาพของภัยพิบัตินี้ทำลายล้างได้ทุกสิ่งมีชีวิต วันนี้ข้าอยากรู้นักว่า…ภัยพิบัติปฐพีระแหงห้ามารนี้จะฝังดวงจิตบรรพชนวิญญาณของข้าได้หรือไม่!” ชายชราวิญญาณสวรรค์หัวเราะลากยาว เขารอภัยพิบัติที่ห้ามาเยือนไมไหวจึงขยับวูบเป็นน้ำวนพุ่งขึ้นฟ้าไปยังภัยพิบัติที่ห้าที่กำลังเข้ามา
ซูหมิงเพ่งมองชายชราวิญญาณสวรรค์ด้วยสีหน้าเด็ดขาด ก่อนหมุนตัวกลับพุ่งไปยังส่วนลึกของน้ำวน เขารู้ว่าตนต่อต้านภัยพิบัติต่อไปไม่ได้แล้ว แต่เขายังมีภารกิจที่สำคัญอยู่ นั่นคือไปส่วนลึกน้ำวนมรณะหยินเพื่อตามหาดวงจิตแตกสลายนั้นว่าเกี่ยวข้องกับตนอย่างไร และจะได้ยืนยันการคาดเดาของชายชราวิญญาณสวรรค์รวมถึงรู้คำตอบทุกอย่าง
และสิ่งเหล่านี้…เป็นสิ่งที่ชายชราวิญญาณสวรรค์อยากรู้ เพียงแต่ว่าเขาไม่มีวิธีเพื่อได้คำตอบมา ดังนั้นเขาจึงนำความหวังทั้งหมดฝากไว้ที่ซูหมิง
เขาหวังว่าซูหมิงจะหาคำตอบพบ เขาบอกการคาดเดาทุกอย่างในใจกับซูหมิง เพราะเขามองซูหมิงเป็นผู้สืบทอดแล้ว เพียงแต่ว่ามรดกไม่ใช่อภินิหารหรือ พลังแต่เป็นความยึดมั่น เป็นความยึดมั่นที่ลึกลับที่สุดต่อดวงจิตสามรกร้าง ต่อภัยพิบัติรกร้างและต่อมหาโลกสามรกร้าง
บางทีในยุคสมัยเมื่อไม่รู้กี่สมัยมาแล้วในอดีต ก่อนหน้าที่จะถูกทำลายล้างครั้งใหญ่ทุกครั้งจะมีคนจำนวนหนึ่งลองหาคำตอบทุกอย่างด้วยความยึดมั่นและสติปัญญามากมาย บางทีอาจมีคนสำเร็จ แต่บางที…ก็อาจจะไม่มีใครทำสำเร็จ จนกระทั่งถึง ยุคสมัยนี้ มาถึงชายชราวิญญาณสวรรค์ เขาก็ยังหาความจริงไม่พบ แม้ว่าจะคลำหาไปจนถึงขอบของความจริงแล้วก็ตาม
แต่เขาก็ยังไม่อาจเข้าไปในความลับนั้นได้อย่างแท้จริง ซูหมิง…คือผู้สืบทอดที่เขาเลือก สืบทอดการคาดเดาและความยึดมั่นนี้ต่อไป
จนกระทั่งเดินไปถึงทิศทางของคำตอบ มาถึง…กลางความลึกลับสุดยอดที่ซ่อนอยู่ในมหาโลกสามรกร้าง
ซูหมิงเข้าใจสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นแม้จะเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขณะที่หมุนตัวกลับ และยังได้ยินเสียงคำรามของชายชราวิญญาณสวรรค์รางๆ ทว่าเขาไม่หันกลับไป มองเลย แต่ก้าวเดินไปทางส่วนลึกของน้ำวนมรณะหยินด้วยสีหน้าเด็ดขาด
เขาไม่รู้ว่าน้ำวนมรณะหยินมีความลึกเพียงใด ไม่รู้ว่าตนห่างจากสุดปลายทางอีกเท่าไร และก็ไม่รู้ว่าชายชราวิญญาณสวรรค์จะช่วยตนผ่านภัยพิบัติสำเร็จหรือไม่ เขาไม่รู้เรื่องเหล่านี้ แต่นี่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือความยึดมั่นของเขาทำให้ฝีเท้าและร่างกายเป็นความแน่วแน่บินไกลออกไปเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไรในน้ำวน ซูหมิงไม่ได้ยินเสียงระเบิดจากภัยพิบัติยกระดับวิญญาณอีก และก็ไม่ได้ยินเสียงคำรามของชายชราวิญญาณสวรรค์ โดยรอบจึงค่อยๆ เงียบลง จนกระทั่งสุดท้ายกลายเป็นเงียบสงัดไม่มีเสียงดังก้องอีก มีเพียงน้ำวน หมุนโคจรในความเงียบประหนึ่งว่าจะคงอยู่นิจนิรันดร์
ราวกับว่าเขาเข้ามาในอีกโลกหนึ่ง นั่นคือโลกของที่เต็มไปด้วยปาฏิหาริย์ ทุกอย่างเงียบสงัด ทุกอย่างเป็นอากาศธาตุ ทุกอย่างไม่มีอยู่จริง แต่เมื่อเกิดความรู้สึกนี้ ซูหมิงสังเกตเห็นทีละน้อยว่ากลิ่นอายพลังมรณะหยินที่นี่ลดน้อยลงเรื่อยๆ จนถึงท้ายที่สุดก็แทบจะหายไป สิ่งที่มาแทนที่คือ พลังแสงสว่างหยาง
แสงสว่างหยางนี้คือศัตรูธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในน้ำวนมรณะหยิน เป็นเขตต้องห้ามมรณะที่จะอยู่พร้อมกันไม่ได้ มีเพียงซูหมิง เขามีร่างแยกโลกแท้จริง ไม่ว่าจะน้ำวนมรณะหยินหรือแสงสว่างหยางเขาก็เปลี่ยนได้ทั้งนั้น มีแต่แบบนี้เท่านั้นเขาถึงจะห้อเหยียดต่อไปในน้ำวนมรณะหยินที่อัดแน่นไปด้วยแสงสว่างหยางได้
ไม่นานพลังของแสงสว่างหยางเข้มข้นขึ้น ระดับความเข้มข้นเหนือกว่าทั้งหมดที่ซูหมิงเคยพบ มันอัดแน่นอยู่ในน้ำวนคล้ายว่าน้ำวนในตอนนี้ไม่อาจเรียกว่าน้ำวนมรณะหยินได้อีก แต่ควรจะเรียกว่า…น้ำวนแสงสว่างหยาง!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ช่วงที่กลิ่นอายพลังแสงสว่างหยางเข้มข้นถึงจุดสูงสุด ซูหมิงค่อยๆ หยุดลงตรงส่วนลึกน้ำวน สายตาเหม่อมองไปข้างหน้า
ด้านหน้าเขาเป็นน้ำวนดาราสว่างพร่างพราว เหมือนกับว่าน้ำวนมรณะหยินกลายเป็นกรวย ซูหมิงในตอนนี้ยืนอยู่ตรงปลายทางของส่วนลึก เหมือนอีกก้าวเดียวจะเข้าไปในน้ำวนที่เป็นดั่งกรวยแล้ว
ซูหมิงเข้าไปในโลกอากาศธาตุที่เป็นน้ำวนดาราสว่างพร่างพราว ในโลกนี้มองไม่เห็นสุดปลาย มันเหมือนกับโลกหนึ่งที่กว้างไกลไร้พรมแดน มองไปแวบหนึ่งก็อดเกิดความรู้สึกว่าตนเล็กจ้อยขึ้นมาเองมิได้
“ที่นี่…” ขณะซูหมิงพึมพำพลันใจสั่นสะท้าน เพราะตอนนี้มีเสียงหนึ่งดังแว่วมาจากมวลอากาศน้ำวนดาราใต้น้ำวนมรณะหยินที่เป็นเหมือนกรวย
เสียงนี้มาพร้อมกับการผ่านโลกมาเนิ่นนานและความอ่อนแรงยากจะบรรยาย มันดังก้องอย่างไร้จิตสำนึกเหมือนว่าไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไรในกาลเวลา
“ซาง…”
เสียงนี้ทำให้ซูหมิงใจสั่นสะท้าน เขารู้สึกถึงการเรียกหาที่ทำให้จิตวิญญาณสั่นสะท้านมาจากในโลกอากาศธาตุหรือกลางน้ำวนดารางดงามนี้
ขณะเงียบ ดวงตาซูหมิงพลันเปล่งประกาย ในเมื่อมาที่นี่แล้ว ในเมื่อเห็นทุกอย่างแล้ว เขาจึงไม่มีเหตุผลที่ต้องออกไป ถึงจะเดินไปอีกก้าวแล้วต้องเจอกับอันตราย แต่ว่า…หากเขาออกไป ไม่เพียงแต่ชายชราวิญญาณสวรรค์จะผิดหวัง แต่ตัวซูหมิงเองก็ไม่ยอม
เมื่อดวงตาเปล่งประกาย ซูหมิงก็เดินไปหนึ่งก้าวอย่างไม่ลังเล
หนึ่งก้าวนี้ ทั้งตัวเขาเข้าไปในน้ำวนมรณะหยินในลักษณะกรวย เข้าไปในอากาศธาตุของส่วนปลายขอบเขต ทันทีที่เข้าไปทั้งตัวนั้น เขาตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง
การสั่นไหวนี้เหมือนว่าเขายากจะควบคุมไหว ดวงตาเขาฉายแววเหลือเชื่อ กระทั่งหน้าอกยังขึ้นลงไม่หยุด คลับคล้ายว่าพบความผิดปกติบางอย่างที่ทำให้เขายากจะควบคุมตัวเองได้!
“ที่นี่…ที่นี่คือ…” ซูหมิงกวาดสายตามองไปรอบๆ ดวงตาที่สามตรงระหว่างคิ้วพลันเปิดออก จิตสัมผัสปะทุออกมาแล้วขยายออกไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว
“ที่นี่คือ…โลกแท้จริงดาราสัจธรรมหรือ…” ดวงตาซูหมิงเป็นประกายเหลือเชื่อเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ทันทีที่เข้าไปที่นี่ เขาพลันรู้สึกถึงความคุ้นเคยอย่างหนึ่งที่นี่ ซูหมิงไม่ได้รู้สึกแปลกตากับความรู้สึกคุ้นเคยนี้เลย นั่นคือ…กลิ่นอายพลังดวงจิตของ โลกดาราสัจธรรมก่อนที่จะถูกยึดร่างไป
ซูหมิงจะไปลืมกลิ่นอายพลังนี้ได้อย่างไร นั่นคือกลิ่นอายพลังดาราสัจธรรมที่คุ้นเคยถึงขีดสุดขณะที่ตอนนั้นเขาต่อสู้กับมันและสุดท้ายกินไป ที่นี่…เหมือนกับ โลกแท้จริงดาราสัจธรรมก่อนที่จะถูกซูหมิงยึดครอง!
หากเพียงเท่านี้บางทีอาจไม่ทำให้ซูหมิงลืมตัวเสียกิริยา แต่ขณะเดียวกับที่พบเรื่องนี้ เขายังค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่อีกอย่างหนึ่ง และเป็นการค้นพบนี้เองที่ทำให้ใจเขายากจะสงบลงและยังเกิดคลื่นลูกใหญ่
‘กลิ่นอายพลังของที่นี่…นี่คือ…กลิ่นอายมรณะหยิน ทั้งโลกแท้จริง ทั้งโลก ทั้งมวลอากาศธาตุเต็มไปด้วยกลิ่นอายมรณะหยินมหาศาล!’
‘เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!’ ซูหมิงเดินหน้าไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก จนกระทั่งออกห่างจากน้ำวนมรณะหยินที่เป็นกรวยไปไกล เขาเหมือนเข้าใจขึ้นเล็กน้อยแล้ว จึงหันหน้าไปมองน้ำวนมรณะหยินข้างหลัง
สิ่งที่เขาเห็นคือน้ำวนยักษ์ ลักษณะของน้ำวนนั้นเหมือนกับน้ำวนของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมในอีกด้านหนึ่งทุกประการ!
แต่ว่า…ความเหมือนกันของลักษณะไม่ได้หมายถึงว่าทุกอย่างเป็นเช่นนี้ เพราะซูหมิงไม่รู้สึกถึงกลิ่นอายมรณะหยินจากน้ำวนนี้อีก แต่เป็น…กลิ่นอายของแสงสว่างหยาง ความเข้มข้นของมันคล้ายว่าทำให้ทุกสิ่งมีชีวิตแห่งมรณะหยินหายไปได้
ทุกอย่างตรงข้ามกัน มหาโลกสามรกร้างอีกฝากหนึ่ง ทั้งโลกเป็นแสงสว่างหยาง มีเพียงน้ำวนมรณะหยินที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายมรณะ แต่ที่นี่…ทั้งโลกเป็น มรณะหยิน มีเพียงน้ำวนที่เหมือนกันทุกประการนั้น…ที่มีกลิ่นอายแสงสว่างหยาง น่าตกใจ
ทุกอย่างกลับด้านกัน ระดับความต่างทำให้ในความคิดซูหมิงลอยขึ้นมาเป็น ความเข้าใจหนึ่งตอนที่เขาอยู่เผ่าหมาน…
‘แดนมรณะหยินเหมือนกับกระจกบานหนึ่ง นอกกระจกคือแสงสว่างหยาง ในกระจกคือมรณะหยิน…ในกระจกที่ข้าเคยเข้าใจคือเผ่าหมาน เป็นโลกมิตินับไม่ถ้วนในน้ำวน…
แต่ตอนนี้ข้าผิดแล้ว…’
‘น้ำวนมรณะหยินคือ กระจกบานหนึ่ง โลกในกระจกไม่ใช่ตัวกระจก แต่เป็น…ที่นี่!’ ซูหมิงเหม่อมองไปรอบๆ เขาไม่รู้ว่าโลกที่ตนเห็นเรียกว่าอะไร มันคือสามรกร้าง… หรือว่าอย่างอื่น