ตอนที่ 1280 ผีเสื้อมีกี่ปีก
“ตอนที่สองปีกซ้อนทับกัน ช่วงเวลานั้นภัยพิบัติจะมาเยือน และเป็นช่วงที่ดวงจิตสามรกร้างอยู่ระหว่างการหลับและตื่น ตอนที่ทั้งดวงจิตสับสนที่สุด เจ้า…มีโอกาสเพียงครั้งเดียวที่จะยึดร่างมัน!”
“ข้าไม่อาจปรากฏตัวช่วยเจ้าได้ เว้นแต่เจ้าจะยึดร่างไปมากกว่าครึ่งจนขาด อีกเสี้ยวเดียวจะสำเร็จ มิเช่นนั้นข้าจะปรากฏตัวไม่ได้
แต่ว่า…ข้าเปิดมหาโลกซางเซียงทั้งหมดให้เจ้าได้ เจ้าฝึกฝนที่นี่ได้ตามใจชอบ กระทั่ง…ข้ายังจะมอบดวงจิตอีกโลกแท้จริงให้เจ้าด้วย ให้เจ้าไปยึดครอง! แบบนี้แล้ว หากเจ้ายึดครองอีกโลกแท้จริงในสามรกร้างได้ เจ้าก็จะมีสี่โลกแท้จริง และมีคุณสมบัติยึดร่างดวงจิตสามรกร้าง
อีกทั้งข้าจะถ่ายทอดรูปแบบหนึ่งให้เจ้าด้วย…ตอนข้ากำเนิด มีอภินิหารประทับอยู่ในความคิดข้า อภินิหารนี้มีนามว่ารังไหมกลายเป็นผีเสื้อ ก่อนหน้านี้เจ้าได้สัมผัสไปเพียงผิวเผิน รอข้าถ่ายทอดให้เจ้าทั้งหมดก่อน เจ้าจะใช้วิชานี้ในช่วงสำคัญตอนยึดร่างดวงจิตสามรกร้างได้…” เสียงเลือนรางของดวงจิตซางเซียงแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น เสียงดังก้องในหูซูหมิง ทำให้เขาเงียบ
“หากเจ้ายึดร่างสำเร็จ เจ้าต้องฉีกปีกซ้าย นี่เป็นการช่วยครั้งใหญ่ต่อข้า…”
ซูหมิงยังคงเงียบ ดวงจิตซางเซียงพูดด้วยเสียงตื่นเต้น ขณะเสียงดังกังวานยังกลายเป็นเสียงสะท้อนทีละน้อย ทั้งโลกแท้จริงค่อยๆ เข้าสู่ความเงียบ
“เจ้าไม่กลัวว่าหากข้ายึดร่างสามรกร้างสำเร็จแล้วจะไม่ทำตามสัญญารึ” ผ่านไปพักใหญ่ ดวงตาซูหมิงเป็นประกายบางจนไม่อาจตรวจพบ ก่อนพูดขึ้นเรียบๆ
“ในช่วงเวลาที่ดวงจิตสามรกร้างคงอยู่ ข้าไม่ได้รู้สึกปลงอนิจจังเพียงครั้งเดียว ปลงร้อยปีที่ตอนนั้นเห็นว่าถูกยึดร่าง หากข้าเลือกระเบิดตัวเองอย่างเด็ดขาด เช่นนั้นผลจะเป็นอย่างไร
น่าเสียดาย ถึงจะเป็นสิ่งมีชีวิตทีมีเพียงเสี้ยวพลังชีวิตก็ยังทำให้ข้าพลาดโอกาสและคุณสมบัติในการระเบิดตัวเองไป ทำได้เพียงหลบซ่อนอยู่ในกาลเวลาจากนั้นมา ไม่กล้าเผยตัว
ทว่า…หากมีคนยึดร่างสามรกร้างหรือมีใครยึดร่างข้าอีก เช่นนั้นก็เท่ากับว่าทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ ภายในร้อยปีหลังจากยึดร่าง ข้ายังคงมีโอกาสในการระเบิดตัวเองหนึ่งครั้ง
ผลของมัน…คือข้ากลับบ้านไม่ได้ ต้องหายไปนับจากนี้ แต่ราคาต้องจ่ายคือ คนจากสามรกร้างรวมถึงสองมหาโลกจะต้องหายไปทั้งหมด จากนี้ไปจะไม่มีร่องรอยใดๆ ในจักรวาล” ดวงจิตซางเซียงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวขึ้นอย่างเอ้อระเหย
“ช่วยข้า และก็ช่วยตัวเจ้าเองด้วย สู้เพื่ออนาคตและโชควาสนาอันไร้ขีดจำกัดให้ตัวเจ้าเอง! หากไม่ช่วยข้า ข้าก็ยังคงอยู่ แต่ในระหว่างนั้นเจ้าต้องเห็นญาติพี่น้องกับสหายของเจ้าทั้งหมดตายไป เจ้าต้องอ้างว้างจากการที่ทุกคนที่เจ้ารู้จักในทุกยุคตายจากไป และเจ้า…จะต้องตื่นขึ้นสองร้อยปีในทุกยุค เวลาอื่นก็ต้องหลับใหล อีกทั้ง…เมื่อผ่านไปทีละยุค เจ้าจะหมดกำลังลงเรื่อยๆ จนเจ้าพบว่าการมีชีวิตอยู่…เจ็บปวดกว่าความตาย
จนกระทั่งข้าถูกกินไปแล้ว ทุกอย่างจะเริ่มใหม่ แต่เจ้า…จะต้องถูกฝังอยู่ในอดีต ถูกลบหายไปชั่วนิรันดร์ในระหว่างการเริ่มใหม่”
“ขณะเดียวกัน หากเจ้าเลือกช่วยสามรกร้าง เช่นนั้น…เจ้าน่าจะเข้าใจการรบราชิงดีกันเองภายในกับปลาใหญ่กินปลาเล็กระหว่างผู้ฝึกฌานดีที่สุด จุดจบของเจ้าเป็นอย่างไรคงไม่ต้องให้ข้าบอก
หากเจ้าเลือกช่วยข้า แต่สุดท้ายกลับเปลี่ยนใจ หรืออยากจะยึดร่างข้า ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรนั้น ในใจเจ้ารู้ดี…เจ้า…เว้นแต่ยอมรับชะตา มิเช่นนั้นแล้ว…ไม่มีทางเลือกอีก” เสียงดวงจิตซางเซียงดังก้องไปรอบๆ อย่างราบเรียบ ทำให้ซูหมิงมีสีหน้ามืดทะมึน ขึ้นเรื่อยๆ
‘ไม่มีทางเลือกหรือ…’ ซูหมิงไม่ตอบ ความจริงแล้วดวงจิตซางเซียงไม่ได้รับปากอะไรกับซูหมิงเลย และก็ไม่ได้ให้อะไรมากนักด้วย แค่รับปากให้ฉีกปีกซ้ายออก แต่ว่าหากซูหมิงยึดครองสามรกร้างสำเร็จจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับอะไรจากซางเซียง เพราะเดิมทีมันเป็นของเขา ไฉนถึงพูดว่ามอบให้
และยังมีดวงจิตของหนึ่งโลกในมหาโลกนี้ ด้วยจิตวิญญาณของซูหมิง เขายึดครองได้อย่างสมบูรณ์อยู่แล้ว แม้จะมีอุปสรรคเล็กน้อย แต่ก็ไม่เกี่ยวกับว่าจะให้หรือไม่ให้อะไร เพียงแค่ให้การยึดร่างของซูหมิงสบายขึ้นเท่านั้น
และยังมีวิชารังไหมกลายเป็นผีเสื้อ นี่ยิ่งพูดว่าถ่ายทอดให้ไม่ได้เข้าไปใหญ่ นี่คือเรื่องที่ดวงจิตซางเซียงต้องทำเพื่อตน
พูดได้ว่าดวงจิตซางเซียงใช้วิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุดกับซูหมิง ไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่…ตอบความจริงทุกอย่างแบบละเอียดกับเขา
พูดออกมาทั้งหมด ไม่มีการปิดบังแม้แต่น้อย ทำให้ซูหมิงเข้าใจสถานการณ์ของตน เข้าใจเส้นทางต่างๆ ในอนาคต เข้าใจการได้ประโยชน์ของสองฝ่าย แบบนี้… ก็เพียงพอแล้ว
“เช่นนั้น…มหาโลกที่มีฝ่ายละหนึ่งร้อยแปดสิบโลกของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณคงอยู่แบบใด หรือว่าอยู่ข้างกายเจ้า หรือเป็นผีเสื้อตัวอื่น” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพลันถามขึ้น นี่คือข้อสงสัยสุดท้ายของเขา
หลังจากเข้าใจการคงอยู่ของซางเซียงแล้ว คำถามนี้ก็อยู่กับเขามาตลอด อีกทั้งดวงจิตเขายังสังเกตเห็นว่าในมหาโลกซางเซียงที่ตรงข้ามกับสามรกร้างก็มีช่องโหว่หนึ่งเหมือนกัน
ดูท่าแล้วนอกช่องโหว่น่าจะมีฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนเหมือนกัน!
“ผีเสื้อตัวอื่น…ไม่มี กลางจักรวาลกว้างใหญ่แห่งนี้มีเพียงข้า…บ้านข้าอยู่ห่างไกลมาก…ข้าหยุดอยู่ระหว่างทางเพราะหมายจะเห็นความงามของจักรวาลกว้างใหญ่นี้ แต่กลับ…ต้องอยู่ที่นี่เกือบจะนิรันดร์กาล ไม่อาจไปตามหาบ้าน ไม่อาจไปหา พวกเขา…” เสียงซางเซียงมีความห่อเหี่ยว ระหว่างที่เสียงยืดยาวไปยังมีเสียง ถอนหายใจดังแว่วมา
“ส่วนฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณที่เจ้าว่า…โลกที่พวกเขาอยู่ก็เป็นโลกจริงๆ เหมือนกัน แต่ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่นอกตัวข้า แต่อยู่บนปีกข้าเหมือนกัน” ซางเซียงเงียบไปพักหนึ่งแล้วพูดด้วยเสียงเอ้อระเหย
“ช่องโหว่อะไรนั่น ความจริง…ก็ไม่ใช่ช่องโหว่”
“ข้าไม่เข้าใจ” ซูหมิงขมวดคิ้ว เขามึนงงเล็กน้อยกับคำพูดนี้ สัมผัสไม่ได้ถึงความหมายลึกซึ้ง เขายังไม่ค่อยเข้าใจว่าฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณนอกช่องโหว่สามรกร้างจะมาอยู่บนปีกของผีเสื้อนี้ได้อย่างไร
ถึงขั้นในความคิดซูหมิง บางทีที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณออกไปได้ อาจเพราะมีการยอมรับโดยนัยของดวงจิตสามรกร้าง กระทั่ง…ช่องโหว่สามรกร้างที่ปรากฏครั้งนี้ มีโอกาสสูงมากที่จะเกิดขึ้นหลังสามรกร้างยอมรับโดยนัย
แต่นี่…เป็นสิ่งที่ซูหมิงคาดไม่ถึง หากมหาโลกสามรกร้างกับซางเซียงคือสองปีกของผีเสื้อ เช่นนั้น…สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ โลกที่พวกเขาอยู่คือที่ใด
“เจ้าเห็นตัวข้าในความทรงจำข้ามีกี่ปีก?” เสียงดวงจิตซางเซียงดังแว่วมารอบตัวซูหมิงเรียบๆ
“สองปีก…หืม?” ซูหมิงเพิ่งกล่าว นัยน์ตาพลันเป็นสมาธิ เขาเงียบไป ในดวงตาสองข้างมีประกายวูบวาบ ในใจตอนนี้ยังเกิดเสียงครึกโครมดังสนั่น
‘ไม่ใช่สองปีก…แต่เป็นสี่ปีก!’ ในความคิดซูหมิงลอยขึ้นมาเป็นผีเสื้อซางเซียง ตัวนั้นที่เห็นก่อนหน้านี้ ผีเสื้อตัวนั้นมีสองปีกยักษ์ แต่ใต้สองปีกนั้นยังมีปีกที่เล็กลงมาอีกสองปีก เพียงแต่ว่าพวกมันดูเหมือนติดกัน ถึงขั้นความถี่ตอนกระพือปีกยังเหมือนกัน ดังนั้นซูหมิงจึงมองข้ามมันไป และคิดว่าเป็นปีกเดียวกับสองปีกใหญ่นั้น!
แต่แท้จริงแล้วปีกของผีเสื้อไม่ใช่สองปีก แต่เป็น…สี่ปีก!
ยามนี้ซูหมิงเข้าใจทันที สองปีกใหญ่หนึ่งคือสามรกร้าง อีกหนึ่งคือซางเซียง แต่สองปีกเล็กนั้น หนึ่งคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณ และอีกหนึ่งคือ…อีกปีก ที่เชื่อมกับมหาโลกซางเซียง!
“เช่นนั้น…” ดวงตาซูหมิงวาววับ ขณะกำลังจะกล่าวขึ้น เสียงทุ้มต่ำจากดวงจิตซางเซียงดังแว่วมาช้าๆ
“ข้ารู้ว่าเจ้าจะถามอะไร เจ้าจะถามว่าสองปีกเล็กนั้นมีดวงจิตอยู่หรือไม่… ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดกับเจ้าไปแล้ว สามรกร้างแกร่งกว่าข้า ดังนั้นเขาถึงเป็นฝ่ายตามหาข้า แต่ข้าต้องหลบซ่อน
แต่เจ้าไม่ได้ถามข้าว่า เหตุใด…เขาถึงแกร่งกว่าข้า นั่นเป็นเพราะว่าเขาเองก็ยึดครองปีกเล็กทางซ้ายที่เดิมทีเป็นของข้าไป แต่ข้า…ด้วยความที่ต้องต่อต้านกับ สามรกร้างเลยต้องสละปีกเล็กทางขวาไป แล้วมาอยู่ในโลกปีกใหญ่ทางขวานี้” เสียงซางเซียงดังข้างหูซูหมิง เหมือนห่างอยู่ไกลมาก เพราะตอนนี้ในใจซูหมิงสั่นสะเทือนเหมือนเกิดคลื่นลูกใหญ่
จนกระทั่งตอนนี้เขาถึงเข้าใจว่าเคราะห์ภัยของฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับ เงามืดรุ่งอรุณ ความจริงแล้ว…ได้รับการยอมรับโดยนัยจากดวงจิตสามรกร้าง เพราะในมุมมองสามรกร้าง สิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนก็ดี เงามืดรุ่งอรุณก็ดี ล้วนเป็นร่างเดียวกัน!
ที่น่าหัวเราะคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณไม่รู้ในจุดนี้ บางทีอาจมีคนรู้ แต่คนส่วนใหญ่จะต้องไม่เคยได้ยินมาก่อนแน่ จึงยังคิดว่าตนบุกเข้ามา ซึ่งความจริงแล้วพวกเขาอยู่ในร่างเดียวกัน
‘เช่นนั้น ดวงจิตสามรกร้างทำแบบนี้เพื่ออะไร! เขาดำเนินการเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ยังหลับใหลอยู่ เป้าหมายคือ…นอกจากตามหาซางเซียงแล้วก็ไม่มีอะไรอีก!
และที่เขาทำแบบนี้ คิดจะใช้วิธีการใดตามหาซางเซียง…’ ดวงตาซูหมิงวาววับ ตอนนี้เอง ทันทีที่ในความคิดเกิดเป็นคำถามนี้ เขาสั่นสะท้านไปทั่วร่าง
‘ช่องโหว่สามรกร้าง ช่องโหว่ซางเซียง!’
‘สามรกร้างคนนี้ไม่เบา สมกับเป็นผู้ฝึกฌานที่แกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในมหาโลก คนที่แข็งแกร่งยึดร่างดวงจิตซางเซียงได้ย่อมมีแผนการและกลอุบายที่คนธรรมดาไม่อาจทำได้ เป้าหมายเขาไม่ใช่ช่องโหว่สามรกร้าง แต่จะใช้ช่องโหว่สามรกร้างสร้าง…เป็นช่องโหว่ซางเซียง!
ให้ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณบุกเข้ามา…ก็จะเกิดเป็นการบุกรุก ในมหาโลกซางเซียงหรือในโลกปีกขวาของผีเสื้อ! พูดได้ว่าขณะเดียวกับที่ ฝ่ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนกับเงามืดรุ่งอรุณลงมาเยือนในมหาโลกสามรกร้าง ในมหาโลก ซางเซียงก็มีสิ่งมีชีวิตบางกลุ่มลงมาเยือนจากในช่องโหว่ซางเซียงเช่นกัน!’ ขณะซูหมิงใจสั่นสะท้าน เสียงถอนหายใจจากซางเซียงดังแว่วมา
“เจ้าน่าจะเข้าใจแล้ว ไม่ผิด หลังจากเจ้ามา ที่นี่ก็เกิดช่องโหว่ซางเซียงขึ้น ข้ารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังจากดวงจิตสามรกร้างมาจากข้างใน เขา…จะมาที่นี่ด้วยวิธีการนี้ ก้าวต่อไป เขาจะให้ภัยพิบัติมาเยือนก่อนเวลา ให้สี่ปีกซ้อนทับกันก่อนเวลาอันควร”
ดวงตาซูหมิงขยับประกายวาว เขาในตอนนี้ไม่รู้ว่าความจริงแล้วเรื่องนี้ก็คือสิ่งที่ชายชราวิญญาณสวรรค์เข้าใจแจ่มชัดและพูดประโยคนั้นว่า “มัน มาแล้ว” ก่อนที่เขาจะตาย
พูดได้ว่าภัยพิบัติกำลังจะมาแล้ว และยังพูดได้อีกว่า…ดวงจิตสามรกร้างใช้ ช่องโหว่ซางเซียงมายังมหาโลกซางเซียงแล้ว!