ตอนที่ 1300 ข้า มาแล้ว!
“ฝ่ามือนี้ตัดอายุขัยเจ้า ทำร้ายวิญญาณเจ้า เป็นเหมือนกับแหนไร้ราก ไม่มีเหตุผลและก็เสียวัฏจักรไป ถือว่านี่เป็นการลงโทษที่เจ้าให้ข้าเรียกเจ้าว่าบิดา” ขณะซูหมิง พูดขึ้นเรียบๆ ซูเซวียนอีหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรงอีกครั้ง จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งพบว่าเกิดความเจ็บปวดยากจะบรรยายส่งมาจากในร่างกายตน
ความเจ็บปวดนี้เหมือนมีพืชต้นหนึ่งเติบโตในร่างกาย เขามองไปข้างใน อย่างหวาดผวาก็เห็นว่าวิญญาณตนเปลี่ยนเป็นกึ่งโปร่งใส อ่อนแอลงไม่น้อย อีกทั้งปราณโลหิตในร่างยังปั่นป่วน เหมือนถูกกัดกินอย่างไร้ร่องรอย ซ้ำยังอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ
“เจ้าใช้ประโยชน์ข้าได้ ถึงจะรวมวิญญาณข้ากลางอากาศไว้ใช้ประโยชน์เพื่อเจ้า ไว้เพื่อบำรุงทายาทเจ้าให้เติบใหญ่ ประทับตราทาสในตัวข้า ให้ข้าคิดมาตลอดว่า เป็นทาสของเจ้า
เจ้าทำได้ แต่เจ้าไม่ควร…ใช้ประโยชน์จากคนข้างกายข้า ใช้ประโยชน์จากอวี่เซวียน…” นัยน์ตาซูหมิงมีจิตสังหารวูบผ่าน กล่าวจบก็เดินหน้าหนึ่งก้าวอีกครั้ง วูบเดียวก็เข้าไปใกล้ซูเซวียนอี
ซูเซวียนอีหรี่ตาลงอย่างรวดเร็ว ตอนที่ถอยไปในทันใดนั้น เขามีสีหน้าเหี้ยมโหดและคลุ้มคลั่ง ก่อนบีบหยกโบราณในมือขวาอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงกึกๆ ดังก้อง หยกโบราณถูกบีบแตกเป็นสองส่วน ภายในนั้นมีดวงจิตน่าตะลึงปะทุออกมา ชั่วพริบตาเดียวก็วนเวียนรอบตัวซูเซวียนอี
ดวงจิตนี้มาพร้อมกับความดึกดำบรรพ์ และยังมีความรู้สึกผ่านโลกมาเนิ่นนาน มันไม่ได้อยู่ในยุคนี้ ความรู้สึกเก่าแก่นั้นมีเพียงยุคก่อนเท่านั้นถึงจะมี ความแกร่งของดวงจิตนี้เทียบเท่ากับตอนที่ซูหมิงยึดครองโลกแท้จริงดาราสัจธรรม!
นี่คือผู้แข็งแกร่งสุดยอดในยุคก่อน เหนือกว่าตัวประหลาดขั้นไม่อาจกล่าว ด้วยความอีกฝ่ายน่าจะยังไม่ตาย ดังนั้นดวงจิตเขาถึงทรงพลังขนาดนี้ เต็มไปด้วย พลังชีวิตไม่ดับสูญ แต่ขณะเดียวกันในพลังชีวิตยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายมรณะเข้มข้น
การปรากฏของดวงจิตทำให้มวลอากาศรอบตัวซูเซวียนอีเกิดการบิดเบี้ยว กลายเป็นใบหน้าแก่ชราหนึ่ง ใบหน้านี้มีร่องรอยของเวลา แต่กลับเหี้ยมโหด ดวงตาสองข้างแดงก่ำ ทันทีที่ปรากฏก็เงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า ส่งเสียงคำรามบ้าคลั่ง สะเทือนฟ้าดิน
ดวงจิตนี้มาปรากฏในยุคนี้เป็นครั้งแรก ช่วงที่ปรากฏยังทำให้ดวงจิตโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกที่ตอนนี้กำลังจะหายไปสั่นไหว ทำให้ทั้งสามรกร้างเหมือนมอง มายังที่นี่
นี่เป็นครั้งแรกที่เหล่าตัวประหลาดซึ่งหลอมรวมกับตัวเองอีกคนและกำลังหลับใหลอยู่เผยกลิ่นอายพลังต่อหน้าคนในโลกนี้ในความหมายแท้จริง! นี่ไม่ใช่ร่างแยกอย่างพวกตี้เทียน ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นเพียงร่างแยก แต่ตอนนี้นี่คือดวงจิตในความหมายแท้จริงของคนนี้ เป็นดวงจิตทั้งหมด!
ดวงตาซูหมิงต่างออกไปเป็นครั้งแรก ต่อให้เป็นเขาก็ยังนึกไม่ถึงว่าซูเซวียนอีจะมีหยกโบราณชนิดนี้ แต่ว่า…ถึงดวงจิตนี้จะเทียบเท่ากับหนึ่งโลกแท้จริง แต่สำหรับ ซูหมิงแล้ว…ก็ยังอ่อนแอจนรับการโจมตีครั้งเดียวไม่ไหว
ทันทีที่มือขวาเขาปะทะกับใบหน้าร่างแปลงดวงจิตนี้ ใบหน้าพลันหยุดร้องคำราม แต่พุ่งตรงมาหาซูหมิงด้วยสีหน้าคลุ้มคลั่งอย่างน่าเหลือเชื่อ
ซูหมิงแค่นเสียงหึขึ้นจมูก ดวงจิตดาราสัจธรรม ดวงจิตพรรคเซียน ดวงจิตดาราโบราณรวมถึงดวงจิตจักรพรรดิยมโลกส่วนหนึ่งพลันรวมเข้ามา ก่อนกดทับไปยังดวงจิตที่ไม่รู้จักประมาณตนนี้อย่างรุนแรง
นี่คือการปะทะกันของดวงจิต คือการต่อสู้ที่ไม่สมดุลกันเหมือนระหว่างแรงของผู้ใหญ่กับเด็ก
เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นทั้งดาวแท้จริง ส่งออกไปยังผืนฟ้าดังก้องอยู่รอบๆ ตอนนี้เองใบหน้าร่างแปลงดวงจิตที่วนเวียนรอบซูเซวียนอีระเบิดออกเป็นชิ้นๆ ก่อนมีพายุคลั่งถาโถมเข้ามาม้วนมันสลายหายไป
มือขวาซูหมิงกดหน้าอกซูเซวียนอีอีกครั้ง ซูเซวียนอีกระอักโลหิตต่อเนื่องกัน สิบกว่าครั้ง ร่างถอยไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าซีดขาว นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว เป็นครั้งแรก
“ฝ่ามือนี้เจือจางพลังเจ้า หยุดการใช้งานปราณโลหิตเจ้า ทำลายจิตสัมผัสเจ้า” ซูหมิงมองซูเซวียนอีที่หน้าซีดขาวตรงหน้าพลางพูดขึ้นเบาๆ
“เจ้าใช้ประโยชน์ให้ข้าบำรุงเมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตได้ แต่เจ้าไม่ควร…ให้อวี่เซวียนเดินบนเส้นทางของข้าต่อ ให้นางจ่ายทุกอย่างเพื่อเมล็ดพันธุ์ แห่งการทำลายล้างชีวิต กระทั่งเจ้ายังกังวลว่านางจะต่อต้านหรือดิ้นรน เลยผนึกความคิดนาง ผนึกวิญญาณกับความทรงจำนาง หลังผูกพันกับบุตรเจ้าแล้วจะทำให้เมล็ดพันธุ์แห่งการทำลายล้างชีวิตสมบูรณ์
เจ้าไม่ควรทำแบบนี้ มังกรยังมีเกล็ดย้อน(1) คนก็มีเช่นกัน เจ้าแตะเกล็ดย้อนข้าหลายครั้ง เจ้าว่า…ข้าจะจบบุญคุณความแค้นนี้อย่างไร?” นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหาร ทันใดนั้นเองเขาเดินหน้าอีกก้าวพุ่งตรงไปหาซูเซวียนอี
จิตสังหารซ่อนอยู่ในใจเขามานานมาก ตั้งแต่ที่รู้ว่าทุกอย่างเป็นของปลอม ตั้งแต่ที่รู้สึกว่าตนช่างน่าขันยิ่งนัก เขาเกิดจิตสังหารรุนแรงต่อซูเซวียนอี
ยามนี้ หลังจิตสังหารสั่งสมมานับไม่ถ้วนในที่สุดก็ระเบิดออก ขณะระเบิด จิตสังหารเผยอยู่ในแววตาซูหมิงชัดเจน ฉับพลันนั้นตัวเขาพุ่งเข้าไปใกล้ซูเซวียนอี ปานมีดที่หมายจะเอาชีวิต
ซูเซวียนอีฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว มองซูหมิงเข้ามา รอยยิ้มพลันมี ความเหี้ยมโหดและไม่สนสิ่งใดเพิ่มมา หยกโบราณสองส่วนในมือถูกบีบจนละเอียด
ทันทีที่หยกโบราณแตกละเอียด ซูเซวียนอีพูดขึ้นด้วยเสียงแหลมและแหบแห้ง
“อี้โม่เข่อ!” สามคำนี้ดุจดั่งคาถา แต่ที่มากกว่าคือ…เหมือนกับนามหนึ่ง เป็นนามที่ในด้านการออกเสียงต่างกับคนยุคนี้อย่างสิ้นเชิง หรือพูดได้ว่านี่คือนามของ ผู้แข็งแกร่งในยุคก่อน
หลังสามคำนี้ดังแว่วมาจากปากซูเซวียนอี ฟ้าดินพลันเกิดเสียงดังสนั่น ทั้งโลกแท้จริงจักรพรรดิยมโลกสั่นไหว ทั้งสามรกร้างเหมือนจะต่างออกไป ต่อมา ดาวจักรพรรดิยมโลกพังลง เกิดรอยแยกยักษ์ขึ้นทะลวงผ่านทั้งดาว ยืดยาวไป กลางมหาสมุทร ทำให้น้ำทะเลเกิดเสียงดังสนั่น ก่อนมีเสียงคำรามต่ำดังแว่วมาจากในรอยแยกใต้ดิน
เมื่อสิ้นเสียง มีมือใหญ่ที่รวมจากหมอกโลหิตข้างหนึ่งยื่นมาจากในมวลอากาศ ข้างหลังซูเซวียนอี มันคว้าเขาแล้วพลิก เอาพลังจากหลังมือต้านกับนิ้วของซูหมิงที่เข้ามาใกล้
ท่ามกลางเสียงครึกโครมสะเทือนฟ้า หมอกโลหิตนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับต้านนิ้วของซูหมิงเอาไว้ได้ พอช่วยซูเซวียนอีแล้ว แม้หมอกจะหายไป แต่เสียงคำรามต่ำจากรอยแยกใต้ดินกลับดังขึ้นหลายเท่า เสียงคำรามดังกังวาน ท้องฟ้าเป็นสีแดง ทั้งดาวแท้จริงกลายเป็นสีแดงเช่นกัน ทำให้ดาวดวงนี้เหมือนเป็นดวงตะวันแดง สีแดงของมันขยายออกไปยังฟ้ากระจ่างดาว
เมื่อสีแดงนั้นยืดยาวออกไป เมื่อเสียงคำรามต่ำดังก้อง มีร่างเงาสีแดงฉานร่างหนึ่งพุ่งขึ้นมากลางรอยแยกของชั้นใต้มหาสมุทร ช่วงที่ร่างเงานี้ปรากฏ น้ำทะเลไหลเชี่ยว เกิดเสียงดังครึกโครม ร่างเงานี้รวดเร็วจนน่าทึ่ง พริบตาต่อมาก็ปรากฏกายอยู่บนฟ้า คว้ามือไปทางซูเซวียนอี
เขาคือชายวัยกลางคนที่ทั่วร่างแผ่กระจายกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ดวงตาสองข้างแดงฉานเผยความบ้าคลั่ง เปลือยกายท่อนบน บนตัวมีรอยแผลเป็นมากมาย รอยแผลเป็นเหล่านี้กลายเป็นเปลวเพลิงกลิ่นอายมารรุนแรงครอบคลุมฟ้าดิน
“ใครให้ข้าตื่นก่อนเวลาอันควร ใครรบกวนแผนการอมตะของข้า ใครกล้าล่วงเกินศิษย์ของข้า! สมควรตาย สมควรตายกันทั้งหมด ทุกสิ่งมีชีวิตต้องตาย ตาย ตาย ตาย!” ร่างเงานี้เหมือนสติคลุ้มคลั่ง ขณะตะโกนยังก้มหน้าลงกวาดสายตามองทุกคนบน ต้นไม้โบราณ เพียงแต่คนที่สบตากับเขาแทบทุกคนจะโลหิตโคจรย้อนกลับ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย เกิดความรู้สึกว่าร่างจะระเบิด
นอกจากซูหมิง นอกจากอวี่เซวียนอีที่เขาปกป้อง นอกจากท่านปู่ นอกจาก องค์ชายสาม!
มีเพียงสี่คนนี้เท่านั้น ต่อให้เป็นจักรพรรดิรุ่งอรุณเหยียนเผยยังใจสั่นไหว ในความคิดด่าทอจักรพรรดิรุ่งอรุณอีกสองคนจากฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณกับผู้สูงส่งหวนคืนขั้นไม่อาจกล่าวอีกสามคน
เดิมทีเขาคิดว่ามาสามรกร้างครั้งนี้คือโอกาสในการใช้กำลังยื้อแย่ง แต่ตอนแรก ก็เจอกับซูหมิงที่เขาหวาดกลัวแล้ว ตอนนี้มาเจอกับตัวประหลาดทั่วร่างเป็นแสงสีแดงอีก ไม่ว่าใครก็มีความสามารถสังหารเขาได้ทั้งนั้น การมาสามรกร้างครั้งนี้ มันใช่โอกาสที่ไหนกัน นี่คือแดนอันตรายที่หากไม่ระวังเพียงครั้งเดียวก็สิ้นชีพได้ชัดๆ!
“ไม่อยากเชื่อว่าจะได้เห็นสหายที่สมบูรณ์แบบสองคน และยังมีอีกคน…แม้จะใช้วิธีไม่ถูกต้อง แต่ก็มีความโดดเด่นเหมือนกัน…แต่ว่า พวกเจ้าก็ยังไม่มีคุณสมบัติรบกวนแผนการข้า ให้ข้าตื่นก่อนเวลาอันควร!” ร่างเงาสีโลหิตตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ท่ามกลางเสียงดังสนั่นฟ้าดิน ฝนโลหิตจำนวนมากโปรยลงมา มันเป็นสีแดง กระทั่งมหาสมุทรข้างล่างยังกลายเป็นทะเลโลหิตในฉับพลัน
ซูหมิงขมวดคิ้ว แค่นเสียงหึทีหนึ่ง เสียงหึดังแว่วไปทำให้ร่างเงาสีโลหิตบนฟ้าหยุดชะงัก ตอนที่มองซูหมิงร่างเงาเขาหายวับไป
แทบเป็นขณะเดียวกับที่เขาหายไป ร่างเงาซูหมิงก็หายไปเช่นกัน เกิดเสียงระเบิดขึ้นกลางอากาศอย่างรวดเร็ว ทุกเสียงจะสะเทือนแก้วหู ส่งผลให้ผืนฟ้าคลับคล้ายว่าจะพังลง ฟ้าดินจะถล่มลง ตอนนี้เองร่างเงาสีโลหิตเผยตัวกลางอากาศ ร่างเขาถอยไปอย่างรวดเร็ว สีหน้ามีความจริงจังและมุ่งมั่นในการต่อสู้อย่างแรงกล้ารวมถึงมีความ บ้าคลั่งที่รุนแรงยิ่งขึ้น
มุมปากเขามีโลหิตไหล หน้าอกเว้าลงไป แต่ความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับความบ้าคลั่งกลับกำเริบเสิบสานยิ่งขึ้น
“เจ้าน่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้ ข้ารู้สึกถึงดวงจิตโลกแท้จริงสมควรตายจากในตัวเจ้า!” ขณะเดียวกับที่ร่างเงาสีแดงตะโกน ซูหมิงเดินออกมาจากมวลอากาศ เสื้อคลุมขาวทั้งตัว เส้นผมยาว สีหน้าเฉยเมย แต่ดวงตาสองข้างกลับเย็นชา
แทบเป็นขณะเดียวกับที่ซูหมิงกับร่างเงาสีแดงปะทะกัน บนทะเลโลหิต ที่กลายเป็นสีแดงมีชายหนุ่มสวมอาภรณ์ยาวคนหนึ่งเดินขึ้นมาจากผิวทะเลทีละก้าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีใครสังเกตเห็นเขาได้ เหมือนว่า…เขากับโลกนี้คือร่างเดียวกัน
เขาไม่ได้เงยหน้ามองฟ้า แต่เดินมาอยู่ใต้ต้นไม้โบราณ ยืนอยู่บนผิวทะเล มองต้นไม้โบราณพลางถอนหายใจเบา
“ข้า มาแล้ว”
(1) เกล็ดย้อน หมายถึง จุดที่สัมผัสแล้วจะเจ็บปวด