Skip to content

สู่วิถีอสุรา 1354

ตอนที่ 1354 ฝังลู่ยา

ลู่ยาคือใคร ซูหมิงไม่รู้รายละเอียดนัก เขาไม่ได้แปลกหูกับนามนี้ นั่นคือผู้ยิ่งใหญ่โลกแท้จริงที่ห้า เจ้าของน้ำเต้าล้ำค่า ครั้งหนึ่งหลังกระเรียนขนร่วงความทรงจำหายไปไม่รู้กี่ครั้ง เขาเคยล่าสังหารมันไปจนสุดหล้าฟ้าเขียว

หนึ่งในสี่ผู้รับใช้สุขโกรธเศร้าแค้น นี่คือทุกอย่างเกี่ยวกับลู่ยาที่ซูหมิงรู้

แต่ไม่ว่าเขาเป็นใคร ไม่ว่าชีวิตเขาเป็นอย่างไร ซูหมิงก็ยังฟังคำอาจารย์ ในเมื่อเทียนเสียจื่ออยากให้อีกฝ่ายตาย เช่นนั้นซูหมิงก็จะลงมือ

มิหนำซ้ำคนนี้ยังเคยล่าสังหารกระเรียนขนร่วงไปจนสุดฟ้าเขียว ด้วยนิสัยยกหางพวกตัวเองของซูหมิง ไม่ว่ากระเรียนขนร่วงจะมีเหตุผลหรือไม่ ไม่ว่าคำพูด เทียนเสียจื่อจะมีอคติหรือไม่ เขาก็จะเลือกสังหารลู่ยา

ซูหมิงมองเทียนเสียจื่อจากไปไกล ก่อนหลับตาลงช้าๆ ตอนที่ลืมตาอีกครั้ง เขามาอยู่ตรงหน้าคนชุดคลุมดำในฟ้าชั้นสามแล้ว

คนชุดคลุมดำนั้นแผ่กลิ่นอายเย็นเยียบมาทั่วร่าง ดวงตาภายในผ้าคลุมเป็นประกายเย็นชาจ้องซูหมิง คนนี้ก็คือคนนั้นที่บอกว่าใช้โลหิตหนึ่งหยดหลบซ่อนจาก ซูหมิงไปได้ในฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณตอนแรก

“ลู่ยา?” ซูหมิงมองคนชุดคลุมดำคนนั้นแวบหนึ่งแล้วถามขึ้นเรียบๆ

คนชุดคลุมดำดวงตาขยับประกายวาวเผยความตื่นตัว ขณะเดียวกันยังมี ความอึมครึม เขาถอยหลังไปหลายก้าว พลันกลายเป็นสายรุ้งยาวถอยไปอย่างรวดเร็ว ราวกับรู้สึกถึงจิตสังหารจากซูหมิง

ซูหมิงมองคนชุดคลุมดำถอยไปไกลพลางยกมือขวาโบกไปข้างหน้า ทันใดนั้นฟ้าตรงหน้าซูหมิงเกิดเสียงดังสนั่น กลายเป็นมวลอากาศแตกกระจายราวกับพังลงโถมไปยังคนชุดคลุมดำ อีกฝ่ายถอยไปอย่างว่องไว แต่สุดท้ายก็ยังหลบพลังทำลายล้างจากการที่ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อไม่พ้น

ตอนที่เห็นว่าจะถูกจมแล้ว คนชุดคลุมดำร้องเสียงแหลม เขาพลันหันกลับมา สองมือประสานมุทราชี้ไปข้างหน้า ตอนนี้เองข้างหลังเขาปรากฏเงามายาน้ำเต้ายักษ์ บนน้ำเต้านี้มีดวงตาเก้าสิบเก้าดวง ตอนนี้ลืมตาขึ้นทั้งหมดมองซูหมิง

“น้ำเต้าล้ำค่าสังหาร!” เมื่อคนชุดคลุมดำเอ่ยเสียงแหบแห้ง ทันใดนั้นดวงตา เก้าสิบเก้าดวงขยับประกายวาว ก่อนมีหมอกขาวเก้าสิบเก้าสายพุ่งออกมาจาก ปากน้ำเต้า ทันทีที่หมอกขาวเหล่านี้โผล่มา พลันกลายเป็นคนเล็กเก้าสิบเก้าคนคำรามพร้อมกัน ทุกคนกลายร่างเป็นซูหมิงพุ่งตรงไปหาซูหมิงในพริบตา

ซูหมิงร่างแปลงคนเล็กทุกคนแผ่กลิ่นอายมารเข้มข้น กลิ่นอายมารเหล่านี้ทำให้ ซูหมิงเข้าใจทันทีว่าในการปลอมตัวเป็นตนสังหารในฝ่ายเงามืดรุ่งอรุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์หวนคืนมีคนเล็กเก้าสิบเก้าคนนี้ร่วมด้วยทั้งหมด

“ผู้แข็งแกร่งที่สุดในยุคนี้…ศิษย์เด็กน้อยคนนั้นของเทียนเสียจื่อ ชาวเผ่ามุทะลุของเลี่ยซานซิวรึ วันนี้ข้าอยากรู้นักว่าเจ้า…มีสิทธิ์อะไรมาเรียกตัวเองว่าแข็งแกร่งที่สุด!” ลู่ยาสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นซูหมิงเก้าสิบเก้าคนเผยจิตสังหารในแววตา พวกเขาพุ่งตรงไปหาซูหมิงในฉับพลัน พลังแก่กล้าปะทุมาจากตัวพวกเขา พริบตาเดียวก็ทำให้ผืนฟ้าสั่นสะเทือน อีกทั้งในตอนนี้ซูหมิงเก้าสิบเก้าคนยกมือขวาขึ้นสะบัด แขนเสื้อกันทั้งหมดพร้อมกัน เป็นการเลียนแบบท่าทางซูหมิง ขณะเดียวกันชั่วพริบตาที่พวกเขาสะบัดแขนเสื้อ มวลอากาศตรงหน้าพวกเขาพังลง นี่คือการเลียนแบบอภินิหารของซูหมิงทั้งหมด

เสียงครึกโครมดังสนั่นไปรอบๆ มวลอากาศพังลงพร้อมกันจากซูหมิงเก้าสิบเก้าคนกลายเป็นพลังทำลายล้างก่อพายุฟ้ากระจ่างดาวขึ้นพุ่งตรงไปหาวิชาทำลายล้างที่ ซูหมิงใช้

หลังจากสองฝ่ายปะทะกันอย่างไร้รูป เสียงดังสนั่นสะเทือนแก้วหูดังกึกก้องโดยพลัน ภายใต้การพังลงอย่างต่อเนื่อง พลังทำลายล้างผืนฟ้าตรงหน้าซูหมิงประหนึ่งคลื่น ลูกใหญ่เข้าปกคลุมคนเล็กร่างแปลงซูหมิงเก้าสิบเก้าคน กวาดล้างเข้าไปทำให้ คนเหล่านี้ร้องโหยหวนเสียงแหลม กายเนื้อถูกฉีก เมื่อถอยไปแล้วมีมากกว่าครึ่งกลายเป็นเถ้าธุลีหายไป

ส่วนที่เหลือถอยไปอย่างเร็วไวด้วยสีหน้าย่ำแย่ ตัวสั่นไหวยากจะคงรูปซูหมิงไว้จึงกลับมาเป็นคนเล็กดังเดิม

คนเล็กที่เหลือส่งเสียงร้องแหลมด้วยความบ้าคลั่ง แต่ยังไม่ทันที่พวกมันจะทำอะไร พายุทำลายล้างที่เกิดจากซูหมิงสะบัดแขนเสื้อกลายเป็นมือใหญ่สีดำทึบข้างหนึ่งง้างมือคว้าเข้ามา ราวกับว่าฝ่ามือนี้ไม่มีขอบเขต มันคว้าผืนฟ้ารวมถึงคนเล็กที่เหลือเอาไว้ในฝ่ามือ

เมื่อบีบไป ผืนฟ้าเกิดเสียงครึกโครม คนเล็กที่เหลือร้องโหยหวนพร้อมกับ แหลกสลายไป ทว่าทุกอย่างยังไม่จบลง เพราะมือใหญ่สีดำจากอภินิหารซูหมิงที่ กำหมัดแล้ว แม้จะกำผืนฟ้า แต่ก็ยังไม่อาจกำลู่ยาคนชุดคลุมดำเอาไว้ได้ ตอนนี้เมื่อ กำหมัดแล้วก็ชกไปข้างหน้า พริบตาที่เข้าไปใกล้ลู่ยา ร่างลู่ยาพลันบิดเบี้ยว สลับตำแหน่งกับน้ำเต้ามายาข้างหลัง ทำให้น้ำเต้ารับหมัดจากอภินิหารของซูหมิง

หลังชกไปก็เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วผืนฟ้า ส่งผลให้ฟ้าสั่นไหวและเกิด รอยแตกขึ้น ท่ามกลางเสียงดังครึกโครม น้ำเต้ายักษ์นั้นสั่นไหวได้สามลมหายใจก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อเป็นแรงปะทะหมุนตลบส่งผลไปถึงลู่ยาที่ตอนนี้กำลังถอยไป ทำให้เขาตัวสั่นสะท้านราวกับมีพายุคลั่งถาโถมใส่ เสื้อคลุมดำถูกฉีกออกไม่น้อย โดยเฉพาะผ้าคลุมใบหน้าสลายไป เผยเป็นใบหน้าของชายวัยกลางคน!

นั่นคือใบหน้าที่มีความหนักแน่นอย่างยิ่ง มีเพียงดวงตามืดหม่นที่ทำให้ความรู้สึกโดยรวมเปลี่ยนไป ให้ความรู้สึกเลือดเย็นมืดทะมึน ตรงระหว่างคิ้วเขามีสัญลักษณ์หนึ่ง นั่นคือน้ำเต้า

ตอนนี้ดวงตาดุจดาบจ้องซูหมิงตาเขม็ง มีโลหิตไหลจากมุมปาก ภายใต้การเสริมด้วยสีหน้าทะมึนทึบ จึงทำให้ตัวเขาแผ่กระจายความรู้สึกที่ซูหมิงไม่ชอบอย่างมาก

“เจ้าไม่ควรปรากฎตัว โลกแท้จริงที่ห้าก็ไม่ควรปรากฏ เผ่ายมโลกยิ่งไม่ควรปรากฏ…ผู้แข็งแกร่งที่สุดของยุคนี้ควรเป็นข้า ผู้รวมดวงชะตาสูงสุดในยุคสุดท้ายของทั้งโลกซางเซียงควรเป็นข้า!” ลู่ยากล่าวเสียงต่ำ เขาไม่ได้ตะโกน แต่เมื่อพูดจบ เขายกมือขวาขึ้นตบตรงระหว่างคิ้วอย่างแรง ทันใดนั้นเองสัญลักษณ์น้ำเต้าตรงระหว่างคิ้วกลายเป็นสีแดง

ในเวลาเดียวกันกลิ่นอายพลังในตัวเขาพลันเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะมือขวายังขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับชกหมัดขวาลงไปยังผืนฟ้าข้างล่างด้วยรอยยิ้มเยาะ

หมัดนี้ทำให้ผืนฟ้าเกิดระลอกคลื่นหนึ่งชั้นโดยมีหมัดขวาลู่ยาเป็นใจกลาง ระลอกคลื่นนี้เป็นดั่งคลื่นลูกใหญ่ขยายออก เหมือนจะทำลายฟ้าแห่งนี้ ทำลายโลกที่สร้างด้วยดวงจิตซูหมิงแห่งนี้

ซึ่งความจริงเขาทำได้ โลกที่รวมด้วยดวงจิตซูหมิงถูกชกจนแตกออก เผยเป็นผืนฟ้าโลกแท้จริงดาราสัจธรรม

ลู่ยาเงยหน้าหัวเราะ เขาชกหมัดขวาไปยังมวลอากาศอีกครั้ง ครั้งนี้ร่างกายเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พริบตาเดียวเกิดร่างเงาซ้อนทับขึ้น วูบเดียวก็เพิ่มเป็นมากกว่าพันร่างกระจายออกไปรอบๆ แต่ละร่างฉีกมวลอากาศแล้วเดินเข้าไป นี่ไม่ใช่การหนี แต่เป็นการใช้ทุกวิธีเปิดเส้นทางไปสู่โลกของสำยักยอดเขาลำดับเก้า

“ซูหมิง เจ้ามีเวลาน้อยมากตอนนี้ หากไม่ลบร่างแยกข้าทั้งหมด เช่นนั้น… ยอดเขาลำดับเก้าของเจ้าจะต้องหายไปนับจากนี้!” ร่างแยกมากกว่าพันร่างของลู่ยากล่าวขึ้นพร้อมกัน เสียงดังก้องไปรอบๆ เหมือนจะส่งผลถึงทั้งโลกแท้จริง ดาราสัจธรรม

ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ซูหมิงยังคงมีสีหน้าเฉยชาตลอด ต่อให้เป็นตอนที่ลู่ยาออกไปจากโลกดวงจิตเขา ต่อให้เป็นตอนนี้ที่อีกฝ่ายแยกเป็นพันร่าง เขาก็ยังไม่หน้าเปลี่ยนสี

เพียงแต่ตอนที่ลู่ยาบอกว่าจะให้สำนักยอดเขาลำดับเก้าหายไปนับจากนี้ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายเย็นชา ประกายเย็นชานั้นมีจิตสังหาร ทำให้เขาเงยหน้าขึ้นช้าๆ

“ในที่สุดเจ้าก็ให้เหตุผลที่ข้าต้องลบเจ้าอีกข้อแล้ว” ซูหมิงเอ่ยราบเรียบ สิ่งที่แลกกลับมาคือเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของลู่ยา ตอนนี้ร่างแยกมากกว่าพันร่างของเขาฉีกมวลอากาศแล้ว เห็นสำนักยอดเขาลำดับเก้าแล้ว ถึงขั้นบางร่างเข้าไปแล้ว กำลังจะลงมือกับผู้ฝึกฌานยอดเขาลำดับเก้า

แต่…ลู่ยาพลันพบว่าศิษย์เหล่านั้นที่ร่างแยกมากกว่าพันร่างของเขาเห็นใน ยอดเขาลำดับเก้าต่างเหมือนไม่รู้ถึงอันตรายเลย ราวกับมองไม่เห็นร่างแยกของลู่ยา แต่ละคนมีท่าทีเมินเฉย ลู่ยาจึงตื่นตกใจ

ขณะเดียวกันตอนที่ร่างแยกที่พุ่งเข้าไปในสำนักยอดเขาลำดับเก้าลงมือสังหาร ลู่ยากลับพบสิ่งที่น่ากลัวนั่นคือร่างศิษย์ยอดเขาลำดับเก้าเหล่านั้นราวกับโปร่งใส ร่างแยกตนทะลวงผ่านไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย แต่ไม่นานนักเขาก็ได้เข้าใจว่าศิษย์ยอดเขาลำดับเก้าไม่ได้โปร่งใส แต่เป็นร่างแยกเขาต่างหาก

“เจ้ายังไม่ได้ออกจากที่นี่” ชั่วขณะที่ซูหมิงเอ่ยราบเรียบ ร่างแยกมากกว่าพันร่างของลู่ยาใจสั่นสะท้าน ตอนที่มองไปรอบๆ ก็พบสิ่งที่น่าตกตะลึงว่าพวกเขา…ยังอยู่กลางโลกที่ซูหมิงแยกออกมา

เหมือนกับว่าที่นี่กลายเป็นในกระจก มองเห็นนอกกระจกได้ แต่สัมผัสไม่ได้…

เจ้าคิดว่าออกไปแล้ว แต่ความจริง…ตอนที่เจ้าเกิดความคิดนี้ เจ้าได้ถูกขังอยู่ที่นี่ไปชั่วนิรันดร์แล้ว

ลู่ยามีสีหน้าย่ำแย่ยิ่ง ร่างแยกมากกว่าพันร่างขยับไหวอีกครั้ง พวกมันกระจายออกไปรอบๆ แล้วฉีกฟ้าอีกครั้ง เข้าไปข้างในอีกครั้ง ได้เห็นโลกแท้จริงดาราสัจธรรมอีกครั้ง…

หลายครั้งหลายครา ลู่ยาฉีกโลกนี้ไม่หยุดราวกับเสียสติ แต่เมื่อฉีกไปแล้วเขาก็ยังอยู่โลกแท้จริงดาราสัจธรรม รอบตัวเขาเหมือนมีโลกนับไม่ถ้วน ทุกโลกมีนามว่า ดาราสัจธรรม

มีเพียงซูหมิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้ายังคงราบเรียบตั้งแต่แรก เพียงแค่มอง ร่างแยกลู่ยาฉีกอากาศไม่หยุดด้วยแววตาเรียบๆ

“ในเมื่อหนีไม่ได้ ทุกอย่างก็จงคืนสู่อากาศธาตุ” ซูหมิงพูดขึ้นลอยๆ พร้อมหลับตา เมื่อหลับตาลงช้าๆ ทั้งโลกพังลงพร้อมกัน รวมถึงร่างแยกเหล่านั้นของลู่ยาด้วยเช่นกัน เหตุการณ์นี้ทำให้ลู่ยาหน้าเปลี่ยนสีรุนแรงถึงขีดสุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version