Skip to content

สู่วิถีอสุรา 199

ตอนที่ 199 จากไป

การปลุกอีกสองหัวที่หลับใหลของสัตว์ร้ายขึ้นมา ซูหมิงทราบดีว่าเขาในตอนนี้ยังทำมิได้ ทว่าหากเป็นสองหัวที่ถูกปลุกแล้ว แม้มีจิตสำนึกของซือหม่าซิ่นอยู่ เขาก็ยังพอทำได้

‘แม้เขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งถึงขั้นเพียงความคิดเดียวข้าก็ลบข้าไม่ออก…’ นัยน์ตาซูหมิงเย็นชา มองหัวสัตว์ร้ายบนท้องฟ้า ก้าวเดินไปทีละก้าว

เวลานี้สองหัวสัตว์ร้ายที่จิตของซือหม่าซิ่นเข้ายึดครองมองซูหมิงพร้อมกัน

เงาซือหม่าซิ่นในดวงตาของพวกมันเหมือนกำลังมองเขาเช่นกัน

ไม่มีการขัดขืนใดๆ เพียงมองซูหมิงเดินเข้ามาด้วยความเย็นชา ซือหม่าซิ่นเข้าใจตั้งนานแล้ว ทว่าลำพังแค่จิตสำนึกในหัวก็ไม่มีทางแก้ไขโชคชะตาถูกลบเลือนได้ เว้นแต่เขาจะมาด้วยตัวเอง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ทันแล้ว

ถึงกระนั้นเขากลับไม่พูดข่มขู่ เพียงเผยความหมายแฝงในแววตาเย็นชา แต่มันกลับเต็มไปด้วยความน่าเกรงขรามมากกว่าคำพูดใดๆ

ซูหมิงมองเงาซือหม่าซิ่นในดวงตาของสองหัวสัตว์ร้ายด้วยความเฉยชา แววตาของเขาเผยความหนาวเยือกออกมาเหมือนกัน

จ้าวหมานบนยอดเขาบูรพาสงบ ยามนี้เห็นภาพดังกล่าว ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดตนถึงรู้สึกว่าซูหมิงเหมือนกับซือหม่าซิ่นยิ่งนัก เพราะสองคนนี้เย็นชาเหมือนกัน กระทั่งกลิ่นอายพลังยังคล้ายกันมาก…

ซูหมิงยกมือขวา สายฟ้าลักษณะโค้งปรากฏกลางอากาศ พริบตาเดียวก็ปกคลุมสองหัวของสัตว์ร้าย

“ซือหม่าซิ่น ระฆังนี้เป็นของข้า” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ สายฟ้าส่งเสียงดังเปรี้ยง เงาซือหม่าซิ่นในหัวสัตว์ร้ายพลันเลือนหาย กลายเป็นความว่างเปล่า

ส่วนอีกหนึ่งหัวก็หายตามไปเช่นกัน ขณะที่มันกำลังจะเลือนหาย

ซูหมิงมองซือหม่าซิ่นแล้วยิ้ม

รอยยิ้มนั้นมองไม่ออกถึงปีติหรือโทสะ กลับมีความโอหังที่แอบซ่อนไว้ในส่วนลึก คนนอกไม่มีใครพบและไม่มีสิทธิ์สัมผัสมัน ทว่าเวลานี้กลับเผยออกมา

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉยเช่นปกติ สะบัดมือขวาลง สายฟ้าส่งเสียงดังเปรี้ยง ลบเงาซือหม่าซิ่นที่กำลังยิ้มเลือนหายจนหมดสิ้น

ช่วงที่เงาคนในสองหัวสัตว์ร้ายถูกลบ ภายในดวงตาของสองหัวพลันเปล่งแสงสายฟ้า ค่อยๆ ปรากฏเงาของซูหมิงขึ้น

ขณะนั้น สัตว์ร้ายบนท้องฟ้าที่สี่หัวในเก้ามีจิตสำนึกของซูหมิงแหงนหน้าเปล่งเสียงคำรามพร้อมกัน

“จิ่ว…อิง…จักรพรรดิ…แดนใต้…..”

ห้าคำพลันดังก้องในหัวของซูหมิง เหมือนกับมีคนยักษ์กำลังคำรามเบาๆ น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยกาลเวลายาวนาน เหมือนเสียงของนกนางแอ่น ทำให้รู้สึกเหมือนเดี๋ยวอยู่ใกล้เดี๋ยวอยู่ไกล

“จิ่วอิงจักรพรรดิแดนใต้…” ซูหมิงกล่าวพึมพำ วินาทีที่มันกล่าว เสียงระฆังในเมืองเขาหานที่เงียบมานานพลันดังกังวานขึ้น

เสียงนั้นคล้ายแสดงการยอมรับ ขณะดังกึกก้องกลับพบว่าระฆังเขาหานสั่นสะท้าน ท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของทุกคน มันลอยขึ้นจากแผ่นดินอย่างช้าๆ

การเคลื่อนไหวของมันไม่เร็ว แต่ทุกครั้งที่ลอยขึ้นเล็กน้อยจะส่งเสียงระฆังเป็นระลอกคลื่น ท้ายที่สุดระฆังเขาหานตรงมาทางซูหมิง ขนาดใหญ่ของมันหดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าใกล้ซูหมิงพลันกลายเป็นกระดิ่งเล็กเท่าเล็บมือ หลอมรวมกับระหว่างคิ้วของเขาแล้วหายไป

ชั่วเวลาที่กำลังหลอมรวมบนตัวซูหมิง ร่างของเขาเปล่งเสียงระฆังกังวาน

มันดังก้องทุกสารทิศ ทำให้ผู้ฟังใจสั่น ความคิดขาวโพลนในชั่วพริบตา

กระทั่งหญิงชราบนยอดเขาเหยียนฉือยังไม่ละเว้น

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ช่วงที่ทุกคนได้สติกลับมา พวกเขาล้วนมองท้องฟ้า ทว่า…กลับไม่พบซูหมิง!

บนแผ่นดินบนท้องฟ้า ยอดเขารอบทิศ ไม่ว่าที่ใดล้วนไม่มีเงาร่างของซูหมิง ราวกับเขาไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน ทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นเพียงความฝัน

หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เสียงเกรียวกราวพลันดังขึ้น!

“เขาไปแล้วหรือ?”

“เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้น ข้ารู้สึกเหมือนแค่เสี้ยววินาที ตอนได้สติกลับมาท่านแม่ทัพเทพก็หายไปแล้ว”

“ระฆังเขาหาน! ระฆังเขาหาน! มีคนเอาไปแล้ว!”

บนยอดเขาเหยียนฉือ หญิงชราสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าดูครุ่นคิด เหยียนหลวนข้างกายขมวดคิ้วมองหาไปรอบๆ ทว่ากลับไม่พบสิ่งใด

ขณะที่ทุกคนกำลังตามหาซูหมิง พลันมีเสียงร้องดังขึ้นด้วยความตกใจ คนที่ร้องอุทานอยู่ในเมืองเขาหานใกล้กับเสวียนหลุน

เสวียนหลุนยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัว

ห่างไปไม่ไกลมีชายหนุ่มคนหนึ่ง เป็นเขาคนนั้นที่ร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาเห็นตรงคอของเสวียนหลุนมีเส้นเลือดหนึ่งเส้น โลหิตสดไหลมาตามเส้นเลือด จนท้ายที่สุดพุ่งทะลักออกมา

เมื่อทุกคนมองเป็นตาเดียวกัน ศีรษะของเสวียนหลุนพลันหลุดจากบ่าตกลงพื้นกลิ้งไปหลายจั้ง ก่อนร่างของเขาจะล้มลงกับพื้น

กลุ่มคนเงียบสงัด ไม่มีใครกล่าว

บนยอดเขาผู่เชียง จ้าวหมานผู่เชียงใบหน้าขาวซีด เขาเป็นคนเดียวที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ชัดเจน แท้จริงแล้วแม้บอกว่าขั้นพลังของเขาคือชำระล้างตอนกลาง แต่ด้วยเสียงระฆังเขาหานจึงทำให้เขาไม่อาจเห็นชัดมากนัก

แต่ก็เห็นซูหมิงมาที่นี่!

จ้าวหมานผู่เชียงสูดลมหายใจเข้าลึก ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ผุดขึ้นในความคิด ภายใต้เสียงระฆังเขาหาน สติเขาเลือนราง ทว่าหลังจากถูกอานุภาพมหาศาลจู่โจมจึงได้สติกลับมา ในตอนนั้นเขาเห็นซูหมิงสวมเกราะหมอกดำเดินลงมาจากท้องฟ้า มาที่ยอดเขาผู่เชียง แล้วเก็บกระดูกศีรษะครึ่งหนึ่งที่ถูกสายฟ้าผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง

จากนั้นก็ยังกวาดสายตามองเขา

จ้าวหมานผู่เชียงไม่อาจลืมสายตาคู่นั้น ยามนี้หวนคิดก็ยังคงใจสั่นราวกับมีสายฟ้าแล่นผ่าน

เขาเห็นซูหมิงเดินออกจากยอดเขา แสงดำขยับวูบวาบกลางอากาศ ก่อนมีลำแสงดำเส้นหนึ่งตรงไปทางเสวียนหลุนในเมืองเขาหาน บินวนรอบคอเสวียนหลุนครบรอบหนึ่งแล้วจึงกลับมาหาซูหมิง เขาเหมือนกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง แต่พลันเงยหน้ามองไปทางทิศตะวันออก จากนั้นร่างกายเคลื่อนไหวกลายเป็นสายรุ้งยาวห้อเหยียดไปอีกทาง หายไปโดยไร้เงา

ระหว่างที่ชาวเมืองเขาหานและสามชนเผ่าทุกคนเงียบงัน บนท้องฟ้าไกลๆ มีสายรุ้งลากยาวเข้ามาสามเส้น คนนำหน้าสุดเป็นชายชราแซ่หลิว เขาทะยานเข้ามาแล้วยืนอยู่กลางอากาศเมืองเขาหาน สีหน้าเคร่งขรึมยิ่งนัก

สิ่งแรกที่เขาเห็นคือเหล่าเสาหินหายไป โซ่เขาหานของยอดเขาผู่เชียงแกว่งไกวเล็กน้อย จึงหรี่ตาลง

ชาวเมืองเขาหานไม่รู้จักชายชราคนนี้ รู้จักเพียงชายหญิงสองคนที่ตามหลังมา ทว่าหลังจากหญิงชราแห่งเผ่าเหยียนฉือ เห็นชายชราแล้วกลับมีสีหน้าซับซ้อน

คนที่รู้จักชายชรายังมีหานชางจื่อที่ยามนี้ใบหน้ายังขาวซีดบนยอดเขาบูรพาสงบ เมื่อนางเห็นชายชรา สีหน้าดูเคารพนับถือ

“หานชางจื่อ คารวะผู้อาวุโสหลิว”

“ศิษย์พี่เฉิน ศิษย์พี่หญิงสวี่” หานชางจื่อมองชายหญิงสองคนพลางกล่าวเบาๆ

คำพูดของนางทำให้ชาวเมืองเขาหานโดยรอบล้วนมีสีหน้าฮึกเหิม พากันมองไปทางคนทั้งสาม

“สำนักเหมันต์สวรรค์!”

“จะต้องเป็นทูตจากสำนักเหมันต์สวรรค์อย่างแน่นอน ครั้งนี้มาก่อนล่วงหน้าหลายเดือน!”

“น่าเสียดาย…หากพวกเขามาเร็วอีกนิดก็จะได้เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่!”

“ไม่รู้ว่าครั้งนี้ใครจะโชคดีได้เข้าสำนักเหมันต์สวรรค์ ข้าคิดว่าท่านแม่ทัพเทพจะต้องได้เข้าอย่างแน่นอน” เสียงสนทนาดังอื้ออึง สายตาชื่นชม ตื่นเต้น และซับซ้อนผสมเข้าด้วยกัน ทั้งหมดล้วนมองคนทั้งสามบนท้องฟ้าเป็นตาเดียว

ผู้คนในเมืองเขาหานส่วนใหญ่มาที่นี่ก็เพื่อเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์ เวลานี้จะไม่ฮึกเหิมได้อย่างไร ต่อให้โอกาสมีน้อยนิดเพียงใด แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้

บนท้องฟ้า ชายชราราวกับไม่ได้ยินเสียงสนทนาทุกอย่าง เขาจ้องโซ่เขาหานด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย ก่อนเงยหน้ามองยอดเขาผู่เชียง

ชายหญิงสองคนข้างกายเผชิญหน้ากับสายตาวาดหวังของทุกคนกลับดูสงบนิ่งยิ่งนัก พวกเขาเคยชินกับการถูกคนอื่นเพ่งมองแบบนี้แล้ว คนจากสำนักเหมันต์สวรรค์ไม่ว่าจะไปที่ใดล้วนเป็นที่จับตามองดุจดวงตะวันเจิดจ้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาสองคนที่มารับศิษย์เข้าสำนัก ฐานะเช่นนี้คือตัวแทนของเหมันต์สวรรค์!

พวกเคอจิ่วซือและหนานเทียนยากจะสงบนิ่งลง ยามนี้ประสานมือคารวะคนทั้งสามบนท้องฟ้า

“หนานเทียนคารวะทูตแห่งสำนักเหมันต์สวรรค์”

“เคอจิ่วซือคารวะท่านทูตแห่งสำนักเหมันต์สวรรค์”

“เหลิ่งอิ้นคารวะท่านทูต”

ต่อให้เป็นการคารวะจากนักรบขั้นชำระล้างสามคนก็ตาม ชายหญิงจากสำนักเหมันต์สวรรค์กลับเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ส่วนชายชราไม่สนใจ เขาขมวดคิ้วละสายตาจากยอดเขาผู่เชียง พลันมองไปยังท้องฟ้า ตรงตำแหน่งที่เขามองคือจุดที่ปรากฏเทวรูปชำระล้างก่อนหน้านี้

“ศิษย์น้องหญิงหานชางจื่อ พวกข้าสองคนรับคำสั่งให้มารับศิษย์ก่อนเวลา ข้าไม่ได้เจอเจ้าหลายวัน อีกเดี๋ยวเราค่อยคุยกัน” หญิงสาวใบหน้างดงามยิ้มประสานมือคารวะหานชางจื่อ จากนั้นกวาดสายตามองกลุ่มคน จนไปหยุดอยู่ที่หานเฟยจื่อ หลังจากเห็นนางพลันตะลึงงัน แต่ใบหน้ายังคงเผยรอยยิ้ม กล่าวกับอีกฝ่ายที่ยืนเงียบอยู่ด้วยความเป็นมิตรยิ่ง

“นี่คงจะเป็นศิษย์น้องหญิงหานเฟยจื่อใช่รึไม่ ขอแสดงความยินดีกับศิษย์น้องหญิงที่ได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพเทพชำระล้าง ทั้งยังอัญเชิญเทวรูปชำระล้างที่แท้จริงด้วยขั้นรวมโลหิตมหาสมบูรณ์ เรื่องนี้หากท่านอาจารย์ใหญ่ฝ่ายซ้ายทราบ สำนักเหมันต์สวรรค์จะต้องสั่นสะเทือนแน่นอน”

ชายหนุ่มแซ่เฉินข้างกายลังเลครู่หนึ่ง เขามองออกว่าขั้นพลังของหานเฟยจื่อยังมิใช่ชำระล้าง แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าเมืองนี้จะยังมีนักรบชำระล้างคนอื่นอยู่อีก

‘บางทีขั้นพลังของนางอาจเกิดปัญหา…’ ชายหนุ่มแซ่เฉินยิ้มบาง ประสานมือคารวะหานเฟยจื่อพลางหัวเราะกล่าว “แซ่เฉินก็ขอแสดงความยินดีกับศิษย์น้องหญิงที่ได้รับแต่งตั้งยศแม่ทัพเทพชำระล้าง ทะลวงถึงขั้นรวมโลหิตมหาสมบูรณ์ เรื่องนี้จะรอช้ามิได้ ศิษย์น้องหญิงจะต้องหมั่นฝึกฝนจะได้ฟื้นฟูกลับมาโดยเร็ว”

คำพูดของทั้งสองคนทำให้เสียงสนทนาโดยรอบพลันเงียบลง สายตาชื่นชม ซับซ้อน และฮึกเหิมพลันแปรเปลี่ยน มองชายหญิงสองคนราวแฝงไว้ด้วยความประหลาดใจ

ทว่าเมื่อทุกคนเงียบลง หานเฟยจื่อขมวดคิ้วงาม เงยหน้ามองทั้งสองคนบนท้องฟ้า

“นักรบชำระล้างจากขั้นรวมโลหิตมหาสมบูรณ์ ไม่ใช่ข้า”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version