Skip to content

สู่วิถีอสุรา 26

ตอนที่ 26 ตำนานหมานเพลิง

เด็กสาวคนนี้คือไป๋หลิง ยามนี้นางดูหวาดกลัวยิ่งนัก ขณะมองท่านปู่ของเผ่ายืนที่อยู่บนแท่นบวงสรวง ผู้อื่นโดยรอบล้วนมีสีหน้าขาวซีดไม่ต่างจากนาง แฝงไว้ด้วยความสะพรึงกลัว

“จันทร์โลหิตทุกสามปีมีหนึ่งครั้ง เมื่อหิมะบนภูผาทมิฬละลายทั้งหมดจึงจะปรากฏ ตอนนั้นหากมีสัตว์ป่ามาเซ่นไหว้เพียงพอ จะทำให้หลบหลีกภัยพิบัติไปได้….แต่ยามนี้มันได้อุบัติขึ้นก่อนกำหนด….นี่มัน…” ไป๋หลิงกัดริมฝีปากมองไปรอบๆ ยิ่งหวาดกลัวขึ้น

ทว่าซูหมิงในยามนี้อยู่ในถ้ำภูเขาไฟ เขากำลังเพ่งสมาธิไปกับการหลอมสมุนไพร เม็ดเหงื่ออาบไปทั่วร่าง สายตาจ้องหม้อฮวง คอยเฝ้าสังเกตและปรับระดับความอ่อนแรงของเปลวเพลิงไม่ขาด

ไม่นานพลันมีเสียงระเบิดดังขึ้นจากในหม้อฮวง ซูหมิงยิ้มเจื่อนพลางปาดเม็ดเหงื่อบนใบหน้า เขาทราบดีว่าตนล้มเหลวอีกครั้งแล้ว

“โอสถวิญญาณผานี้หลอมยากกว่าโอสถชำระล้างเสียอีก…” ซูหมิงส่ายหน้า ก่อนเดินไปเปิดหม้อฮวงดู ก็พบควันสีดำพวยพุ่ง แฝงด้วยความแสบร้อน

ซูหมิงถอนหายใจเบาๆ ขณะกำลังจะเริ่มหลอมสมุนไพรต่อ พลันสัมผัสได้ว่าโลหิตในกายเดือดพล่านเล็กน้อยราวกับไม่อาจคุมได้ เขาตื่นตะลึงขมวดคิ้วขึ้น มองไปรอบๆ ก็ไม่พบร่องรอยอะไร

“แปลก….” ซูหมิงเกาศีรษะ ครุ่นคิดอยู่นานก่อนเริ่มหลอมสมุนไพรต่อ

ยามนี้ อีกฝากหนึ่งของเขาทมิฬ ในเผ่าภูผาดำแตกต่างจากเผ่าเขาทมิฬและเผ่ามังกรทมิฬโดยสิ้นเชิง แม้จะมีชาวเผ่ายืนอยู่จำนวนมากเช่นเดียวกัน ในแววตาที่กำลังมองท้องฟ้าของพวกเขากลับดูตื่นเต้นกระหายเลือดท่ามกลางความหวาดกลัว

เสียงคำรามโห่ร้องดังขึ้นจากปากพวกเขา ไม่เพียงแค่นักรบหมานเท่านั้น กระทั่งชาวเผ่าธรรมดายังเป็นเช่นนั้น เสียงคำรามผนึกค่อยๆ เป็นคลื่นเสียงดังก้องกังวาน

ณ ใจกลางผู้คน มีหินสีแดงวางกองขึ้นเป็นเขาลูกเล็ก ด้านบนมีผู้อาวุโสร่างซูบผอมชุดคลุมดำยืนอยู่ แววตาของเขาเย็นเยือก มองจันทร์โลหิตบนท้องฟ้า มุมปากยกขึ้นเผยรอยยิ้มอำมหิต

“ในยุคบรรพกาล บนแผ่นดินกว้างไกลแห่งนี้เคยมีเผ่าหมานเพลิงที่มีพลังน่าตื่นตะลึงยิ่งนัก พวกเขาควบคุมเพลิงจากฟ้าดิน เมื่อเกิดโทสะจึงใช้มันแผดเผาฟ้ากว้าง เมื่อไม่พอใจจึงใช้มันทำลายฟ้าดิน! ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว ต่อให้ไม่ใช่คนเผ่าหมานก็ยังหวาดกลัว และเป็นหนึ่งในแปดเผ่าหมานที่ยิ่งใหญ่!” ผู้อาวุโสร่างผอมบางพึมพำด้วยน้ำเสียงแหบพร่า คลับคล้ายบอกกล่าวฟ้าดินให้ประจักษ์

“ทว่าเผ่านี้ปรารถนาจะครอบครองศาสตราวุธแห่งสวรรค์ จึงถูกเทพหมานลงทัณฑ์ นอกจากคนเผ่าหมานแล้ว หมานเพลิงทั้งหมดถูกไฟแผดเผาร่างเป็นเวลาเก้าวันเก้าชั่วโมงเก้าลมหายใจ วิญญาณดับสูญ! แต่ความแกร่งของหมานเพลิงเกรงว่าด้วยเรื่องแค่นี้คงยังไม่พอ หมานในเผ่าที่ยังมีชีวิตอยู่จึงคิดทรยศเทพหมาน แล้วตั้งตนขึ้นเป็นหมาน! เทพหมานลงโทษ แสดงอภินิหารครั้งใหญ่ คิดทำลายหมานเพลิงให้สิ้นซาก จ้าวหมานเพลิงจึงเข้าประมือกับเทพหมาน!”

การต่อสู้ในครั้งนั้นเป็นที่น่าตื่นตะลึง แม้จ้าวหมานเพลิงจะพ่ายจนดับสูญ ก่อนตายตกก็ได้แสดงเคล็ดวิชาที่ทำให้เทพหมานต้องหวาดหวั่น ปกป้องหมานทั้งหมดที่ยังมีชีวิตรอดให้กลายเป็นอมตะ!”

ดวงตาผู้อาวุโสร่างซูบผอมเผยแววประหลาด ยกมือขวาขึ้น นิ้วเหี่ยวแห้งทั้งห้าพลันถูกไอดำหมุนวน กลายเป็นเงาปีศาจดุร้าย

“แต่เขาพลาดเสียแล้ว แม้จะปกป้องนักรบหมานเพลิงได้ทั้งหมด หากแต่

เทพหมานกลับใช้เคล็ดวิชาที่หมื่นปีจะสำแดงหนึ่งครั้ง ทำให้หมานเพลิงที่มีชีวิตเป็นนิรันดร์เหล่านั้นเสียกายเนื้อแล้วกลายเป็นค้างคาวแห่งจันทร์โลหิต!”

“ตั้งแต่นั้นไม่เห็นแสงตะวัน สูญเสียสติปัญญา เป็นเพียงค้างคาวกระหายเลือด! ความโกรธแค้นของมันเปลี่ยนเป็นอาฆาต ทุกสามปีดวงจันทร์จะกลายเป็นสีโลหิต ทำให้พวกมันออกมาข้างนอกได้หนึ่งครั้ง! วันนี้ข้าปี้ถู จ้าวหมานเผ่าภูผาดำจะช่วยพวกเจ้าเอง!”

ผู้อาวุโสร่างซูบผอมหัวเราะเสียงดัง ก่อนกัดปลายลิ้นพ่นโลหิตจากปาก ในขณะเดียวกัน ใต้ฝ่าเท้าพลันมีเสียงระเบิดดังขึ้นจากกองหินสีเลือดจำนวนมาก ก่อนหินสีเลือดเหล่านั้นจะลอยขึ้นทั้งหมด

ร่างของจ้าวหมานปี้ถูลอยขึ้นอย่างอัศจรรย์ แขนทั้งสองข้างกางออก สีหน้าดูทั้งบ้าคลั่งและฮึกเหิม หินสีแดงหมุนเป็นลวดลายทรงวงกลมอย่างรวดเร็ว ด้านในมีเขี้ยวจันทร์เสี้ยวสีแดงฉานหนึ่งชิ้น

“ค้างคาวจันทรา ตื่นขึ้นเถิด จงตื่นขึ้นจากการหลับใหลอันยาวนานของพวกเจ้า ออกมา!” ปี้ถูพ่นโลหิตอีกครั้ง มันพลันเปลี่ยนเป็นหมอกโลหิตและรวมเข้ากับวงกลมใหญ่ยักษ์บนท้องฟ้า ทำให้เกิดเสียงดังโครมคราม หินสีแดงทั้งหมดระเบิดกระจายเป็นหมอกสีแดงแผ่ขยายไปทั่วบริเวณ

ช่วงนั้นเอง ในแถบเขาทมิฬทั้งหมดพลันสั่นสะเทือน แรงสั่นไหวชัดเจนราวแผ่นดินเคลื่อนขยับภูเขาขยับ ในเผ่าเขาทมิฬเกิดเสียงดังขึ้นเกรียวกราว ส่วนเผ่ามังกรทมิฬก็เป็นเช่นเดียวกัน

ซูหมิงที่อยู่บนยอดเขาเพลิงทมิฬก็รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนได้เช่นกัน สีหน้าแปรเปลี่ยน อีกทั้งเขายังได้ยินเสียงคำรามเบาๆ ดังมาจากส่วนลึกในถ้ำภูเขาไฟ

ในใจสั่นไหว รีบหยุดการหลอมสมุนไพร ก่อนค่อยๆ ถอยออกไปทางปากถ้ำ เมื่อออกมาได้ก็ต้องตกตะลึง เพราะพระจันทร์ยามนี้เป็นสีเลือด!

“จันทร์โลหิต!” ใบหน้าซูหมิงซีดขาว

ขณะเดียวกัน กลิ่นอายคาวเลือดเข้มข้นพลันแผ่กระจายมาจากบนยอดเขาเพลิงทมิฬ ซูหมิงมิกล้าลังเลแม้แต่น้อย เขาทราบถึงเรื่องจันทร์โลหิตดี กระทั่งยังคาดการณ์เวลาของจันทร์โลหิตได้

แต่เขาไม่คิดเลยว่ามันจะอุบัติขึ้นก่อนเวลา!

เขารีบหมุนตัวกลับเข้าไปในถ้ำภูเขาไฟผ่านถ้ำเล็กอีกครั้ง ในใจทราบดีว่าข้างนอกไม่มีที่หลบภัย อีกทั้งยังสายเกินไปแล้วด้วย เมื่อกลับเข้ามาเขาจึงหยิบเขากระดูกอย่างลนลาน ก่อนขูดมันอย่างเร็วบนผนังด้านข้าง เสียงคำรามจากส่วนลึกในถ้ำยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งยังมีเสียงอื่นแฝงอยู่ด้วย

ดวงตาทั้งสองข้างของซูหมิงแดงก่ำ เขาอยู่ที่นี่จนค่อนข้างคุ้นชิน อีกทั้งด้วยความคมของเขากระดูก จึงทำให้เขาขุดโพรงได้ในเวลาอันสั้น ซูหมิงมุดตัวเข้าไป ใช้หินอุดปากโพรงเอาไว้ ไม่สนใจความร้อนจากถ้ำภูเขาไฟแม้แต่น้อย

ช่วงขณะเดียวกับที่ซูหมิงมุดเข้าไป หมอกแดงลอยมาจากส่วนลึกในถ้ำทันที เมื่อปกคลุมทั่วทั้งถ้ำภูเขาไฟแล้ว จึงค่อยๆ ระบายออกไปข้างนอก ซูหมิงได้ยินเสียงร้องคำรามดังชัดเจนเป็นที่สุด

ณ โลกภายนอก ภายใต้แสงจันทร์โลหิตบนท้องฟ้า ด้านบนยอดเขาทั้งห้าของภูเขาทมิฬเกิดการระเบิดขึ้นราวกับภูเขาไฟ ส่งเสียงดังสนั่นลั่นฟ้า หมอกแดงมากมายลอยขึ้นจากแรงระเบิด

หมอกพวกนี้เหมือนจะอยู่ในห้ายอดเขาแห่งภูเขาทมิฬ ยามนี้หลั่งทะลักปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า หมอกจากยอดเขามังกรทมิฬไหลซึมผ่านร่องเขา และมีไม่น้อยที่ระบายจากจุดที่ซูหมิงไปเก็บน้ำลายมังกรทมิฬ

หากซูหมิงมองอยู่ในตอนนี้ เขาจะสังเกตได้อย่างชัดเจนว่าหลายปีมานี้ ยามที่เขาถูกพวกมังกรทมิฬเหล่านั้นไล่ล่า จุดที่พวกมันไม่กล้าผ่านและต้องยอมเดินอ้อมเป็นจุดที่มีหมอกแดงถูกขับออกมามากที่สุด!

ยอดเขามังกรทมิฬเป็นเช่นนี้ ยอดเขาอื่นก็เป็นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะยอดเขาเพลิงทมิฬที่มีหมอกถูกขับออกมากที่สุด ท่ามกลางหมอกอบอวล เกิดเสียงวิ้งดังก้องกังวาน ด้านในมีเสียงกระพือปีกมหาศาล รวมเข้าด้วยกันเป็นบทเพลงแห่งความตายที่น่าสะพรึง!

ทันใดนั้น เงาแดงจำนวนมากพลันพุ่งจากหมอก มีเสียงร้องแหลมดังกังวานฟ้าดิน เงาแดงเหล่านั้นมีสองปีก ดวงตาแดงฉานทั้งดวง ทว่ากลับขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ มีแขนและขาหกข้าง ทั้งยังมีใบหน้าเป็นคน สีหน้าดั่งสัตว์ประหลาดกระหายเลือด

พวกมันคือค้างคาวจันทรา!

ค้างคาวจันทราอยู่กันอย่างแน่นขนัด ปกคลุมมืดฟ้ามัวดิน จำนวนของพวกมันไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นตัว ส่งเสียงร้องแหลม เคลื่อนตัวไปยังเผ่าภูผาดำ เผ่าเขาทมิฬ และเผ่ามังกรทมิฬ รวมทั้งแหล่งที่อยู่อาศัยของเหล่าสัตว์ในป่าทึบ

พวกมันไม่มีสติปัญญา ทั้งยังอัดแน่นไปด้วยความเคียดแค้น กระหายเลือดเป็นที่สุด พวกมันรู้จักเพียงแค่การสังหารอันโหดเหี้ยม กลืนกินเลือดสดๆ โดยเฉพาะเลือดของเผ่าหมานที่ยิ่งกระตุ้นให้พวกมันคลุ้มคลั่ง กระทั่งเลิกสนใจพวกสัตว์ป่า แต่มุ่งไปยังชนเผ่าหมานต่างๆ แทน

ในเผ่าเขาทมิฬ ผู้คนโกลาหล เสียงร้องแหลมน่ากลัวดังก้อง เฉินซินมีใบหน้าซีดขาว เกาะเป่ยหลิงเอาไว้แน่น แต่เป่ยหลิงก็มีใบหน้าไร้โลหิตเช่นเดียวกัน

เหลยเฉินอยู่ไกลๆ ท่าทางดูฉุนเฉียวยิ่งนัก ตอนแรกเขาไปหาซูหมิง ทว่ากลับไม่พบ ยามนี้จึงเป็นกังวล อีกทั้งยังหวาดกลัวกับเหตุการณ์บนท้องฟ้า

ชาวเผ่าธรรมดาที่กำลังร้องหวาดกลัวอยู่พวกนั้น พลันถูกนักรบหมานในเผ่าปรามเอาไว้ ก่อนทุกสายตาจะจับจ้องไปยังเงาคนที่กำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้าบนแท่นไม้ไฟลุกโชติช่วง

สีหน้าท่านปู่ซีดขาว เพียงแต่ผู้คนโดยรอบนอกเปลวเพลิงไม่เห็นก็เท่านั้น ดวงตาของเขาหรี่ลง มองเห็นหมอกแดงลอยอยู่ไกลๆ ทั้งยังได้ยินเสียงร้องอย่างบ้าคลั่งดังใกล้เข้ามา

“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้….ไม่เพียงแต่จะอุบัติขึ้นก่อนเวลาเท่านั้น แม้แต่จำนวนยังเพิ่มมากขึ้น….ครั้งก่อนๆ มีเพียงหลายพันตัวเท่านั้นเอง…” เขาสูดลมหายใจเข้าลึก พลันกล่าวเสียงดังหนักแน่นโดยไม่ลังเล

“คนธรรมดารีบหลบซ่อนตัวโดยเร็ว ส่วนนักรบหมานฟังคำสั่ง นำเสบียงเนื้อที่ตุนเอาไว้ทั้งหมดออกมา แล้วฉีกให้เป็นปากแผล จากนั้นรอฟังคำสั่งข้า!” ·ท่านปู่ตัวสั่นเทา ก้มหน้ามองชาวเผ่าของตนก่อนหลับตาลง

เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นในเผ่ามังกรทมิฬเช่นเดียวกัน ไป๋หลิงกำลังมองผู้คนโดยรอบด้วยความหวาดกลัว ทันทีที่ได้ยินคำสั่งจากท่านปู่ ความหวาดกลัวในแววตาของนางเพิ่มมากขึ้น นางไม่เคยลืมเลือนเหตุการณ์เมื่อเก้าปีก่อน ตอนนั้นนางยังเยาว์วัย เห็นสหายรักถูกค้างคาวจันทราจำนวนมากจับเอาไว้ หายไปในหมอกแดงท่ามกลางเสียงร้องไห้ ก่อนถูกลากไปในเขาทมิฬ สิ่งที่รอคอยเขาอยู่มีเพียงความตายอย่างช้าๆ เท่านั้น

จันทร์โลหิตบนท้องฟ้าถูกหมอกปกคลุม เผยให้เห็นบ้างเป็นบางครา ทว่าท่ามกลางหมอกมีเงาแดงมหาศาลพัดผ่าน ทั้งยังส่งเสียงหวีดร้อง ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา ค้างคาวจันทราจำนวนมากแบ่งเป็นสามกลุ่ม มุ่งหน้าไปยังสามชนเผ่าใกล้ๆ

ท่านปู่แห่งเผ่าเขาทมิฬจ้องท้องฟ้าเขม็ง เมื่อค้างคาวจันทราคืบคลานเข้ามา พลันชูไม้เท้าขึ้นโบกสะบัด ทะเลเพลิงใต้ร่างพลันแผ่ขยายโอบล้อมทั้งชนเผ่า

แต่ทะเลเพลิงกลับพิลึก ไม่เพียงแต่จะไม่เผาเรือนไม้เท่านั้น แต่ยังโอบล้อมทั้งเผ่าเอาไว้ราวกับภาพลวงตา

“โยนเนื้อ!” ท่านปู่ตะโกน เหล่านักรบหมานที่กำลังหวาดกลัวต่างพากันออกแรงเหวี่ยงสัตว์ป่าที่ฉีกปากแผลเอาไว้ขึ้นไปบนท้องฟ้าทันที

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version