Skip to content

สู่วิถีอสุรา 309

ตอนที่ 309 รับหม้อ

“สิบเอ็ดล้าน!”

“สิบสามล้าน!”

“สิบห้าล้าน!”

เพราะราคาเปิดประมูลหม้อใบนี้สูงยิ่งนัก ในลานประมูลจึงมีคนมีกำลังซื้อไม่มาก มีเพียงสามคนที่เสนอราคาประมูล หนึ่งในนั้นคือท่านชายรองในห้องหมายเลขสาม

อีกคนหนึ่งคือเทียนหลันเมิ่งผู้สุขุมสง่างาม เหมือนกับว่าสิบล้านกว่าเหรียญหินสำหรับนางแล้วเป็นเพียงตัวเลข

ส่วนคนสุดท้ายเป็นชายชราสวมงอบ เห็นเพียงเส้นผมขาวด้านหลัง มองเห็นใบหน้าไม่ชัด เสียงเขาแหบพร่า นั่งอยู่ในกลุ่มคน เดิมทีไม่เตะตาแม้แต่น้อย กระทั่งจนถึงตอนนี้ยังเคาะประมูลน้อยครั้งมาก ยามนี้เขาพลันกล่าวทีเดียวสิบห้าล้าน จึงเป็นที่สนใจของคนโดยรอบในทันใด

ซูหมิงขมวดคิ้ว ถอนหายใจกับคนแผ่นดินเหมันต์ที่มางานประมูล ไม่อยากเชื่อว่าจะมีเหรียญหินมากขนาดนี้ เทียบกับคนเหล่านี้แล้ว ซูหมิงได้แต่ส่ายศีรษะ ในกระเป๋าเขา หากไม่นับเงินที่เพิ่งได้มาเมื่อครู่ก็เทียบกับคนพวกนี้ไม่ติดจริงๆ

‘เหรียญหินสีทองห้าร้อย มากกว่าสีขาวหนึ่งร้อย มากกว่าสีม่วงหนึ่งพัน ดูท่าตอนนี้เหรียญหินห้าล้าน แม้แต่ราคาขั้นต่ำก็ยังไม่พอ…’ ซูหมิงรู้ว่าตนคำนวณพลาดไปเล็กน้อย ความจริงแล้วตอนเริ่มงานประมูลเขาก็รู้ตัวแล้ว เดิมทีเขาคิดว่ามีเหรียญหินห้าล้านก็นับว่าเศรษฐี ทว่า…กลับไม่สลักสำคัญแม้แต่น้อยในงานประมูลครั้งนี้

ดังนั้นถึงต้องสร้างเรื่องรับสี่สิบล้านเหรียญหินก่อนหน้านี้ขึ้น

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย จ้องหม้อใหญ่หนึ่งร้อยจั้งที่ลอยอยู่กลางลานประมูล นัยน์ตาฉายแววฮึกเหิม สิ่งนี้ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นหม้อฮวงแบบที่เขาต้องการหลอมเม็ดโอสถ

โดยเฉพาะโดยรอบของมัน ซูหมิงรู้สึกว่ามีไอความร้อนที่ไม่เข้ากับทะเลมายาอยู่รางๆ เห็นได้ชัดว่ามันถูกความร้อนปกคลุมมานาน จึงเหมาะสมสำหรับการหลอม

“สิบเจ็ดล้าน!” เทียนหลันเมิ่งกล่าวเบาๆ น้ำเสียงไพเราะนุ่มนวล เผยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของนาง ทำให้ผู้คนโดยรอบที่มองอดจิตใจหวั่นไหวมิได้

นี่คือสตรีผู้เหมือนไม่ใช่ของโลกใบนี้ นางงดงาม ทะนงตน กลิ่นกายหอมเหมือนกล้วยไม้ นางนั่งอยู่ตรงนั้นก็ทำให้คนโดยรอบสงบลงได้ เหมือนตรงที่นางอยู่ ไม่ว่าเป็นแดนใดก็ตาม จะต้องกลายเป็นโลกของนางโดยธรรมชาติ

คนนอกทำได้เพียงมองอยู่ไกลๆ ทว่ากลับไม่อาจเข้าใกล้ มิใช่ว่านางเย็นชา แต่มีม่านแบ่งสองโลกใบเอาไว้

“ยี่สิบล้าน!” ในห้องหมายเลขสาม มีเสียงท่านชายรองกล่าวอย่างสบายๆ เทียบกับความนุ่มนวลของเทียนหลันเมิ่งแล้วแตกต่างกัน แต่ในใจกลับมีความรู้สึกคล้ายกันยิ่งนัก

เหมือนทั้งสองคนที่เสนอราคานี้อยู่ในโลกเดียวกัน

ยามนี้ชายชราสวมงอบเงียบขรึม ประหนึ่งลังเลว่าจะเคาะประมูลต่อดีหรือไม่ ขณะฝ่ายนั้นเงียบ ซูหมิงพลันเงยหน้า หม้อใบนี้เขาต้องได้มาครอง เพราะที่เขามางานประมูลครั้งนี้ก็เพื่อมัน

“ยี่สิบสามล้าน!” ซูหมิงยืนอยู่บนแท่นเปิดโล่ง กล่าวขึ้นเนิบช้า คงเพราะก่อนหน้านี้เขาสร้างอำนาจเอาไว้ยิ่งใหญ่ เมื่อยามนี้กล่าวจบจึงพลันเป็นที่จับตามองของคนจำนวนมาก

เทียนหลันเมิ่งเงยหน้างาม มองซูหมิงบนแท่นเปิดหมายเลขเก้าอย่างสงบนิ่ง ขบคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ไม่เคาะประมูลอีก

ภายในห้องหมายเลขสาม นัยน์ตาท่านชายรองวูบไหว มองหม้อลอยอยู่กลางลานประมูล ก่อนมองซูหมิงบนห้องหมายเลขเก้า แล้วพลันยิ้มมุมปากน้อยๆ

“เขาสนใจสิ่งนี้…”

“ท่านชายรอง สมบัติรูปร่างหม้อใบนี้หายากยิ่งนัก หากท่านได้มันแล้วมอบให้จ้าวหมาน บางทีอาจมีประโยชน์อีกทางหนึ่ง” ชายชราแซ่เฉินแห่งฝ่ายนภาข้างกายกล่าวเสียงหนักแน่น

“มอบให้จ้าวหมาน?” แววตาท่านชายรองดูขบคิด

ยามนี้ในลานประมูล เพราะเทียนหลันเมิ่งเงียบ ท่านชายรองขบคิด ทำให้หลังจากซูหมิงเคาะประมูลไป บรรยากาศโดยรอบจึงตกเข้าสู่ความเงียบ

ซูหมิงหัวใจเต้นแรง เขาทำเป็นไม่สนใจอีกไม่ได้แล้ว ยามนี้ตึงเครียดขึ้นมา

“สามสิบล้าน!” น้ำเสียงแหบพร่าดังขึ้นทันควัน คล้อยหลังเสียงนั้น บรรยากาศโดยรอบดุเดือดขึ้นจนผู้คนหายใจติดขัด

ซูหมิงกวาดสายตามองคนเคาะประมูล ก็พบว่าเป็นชายชราสวมงอบก่อนหน้านี้

“สี่สิบล้าน!” ซูหมิงกัดฟัน พลันกล่าวอย่างไม่ลังเล

ขณะเดียวกับที่เขากล่าวคำว่าสี่สิบล้าน ลานประมูลพลันเกิดเสียงฮือฮา สี่สิบล้าน…

จำนวนนี้มิใช่น้อยๆ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เคยเกิดขึ้น ทว่าความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนึ่งร้อยล้านหรือหลายสิบล้านที่คนสำนักทะเลตะวันออกต้องจ่ายไปก็ตาม ในความคิดของผู้คนจำนวนมากก็เป็นเพียงละครเท่านั้น

ทว่าตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้น นี่คือการประมูลจริงๆ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ราคาสี่สิบล้านเพียงพอจะทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนหายใจกระชั้น

“สี่สิบเอ็ดล้าน” ชายชราสวมงอบยังคงไม่เงยหน้า หลังจากซูหมิงเคาะประมูลก็กล่าวขึ้นตาม

“สี่สิบห้าล้าน!” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนพูดอีกครั้ง นี่คือเหรียญหินทั้งหมดที่เขามี คือขีดจำกัดของเขาแล้ว หากชายชราผู้นี้ยังประมูลต่อ ซูหมิงก็มีแต่ต้องใช้อีกแผนหนึ่ง

ชายชราสวมงอบขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวอีกครั้ง

“ห้าสิบล้าน!”

ซูหมิงหลับตาลง ช่วงที่ลืมตาอีกครั้ง ภายในแววตาสงบนิ่ง เขาไม่มองชายชราสวมงอบ แต่มองหม้อฮวงที่ลอยกลางอากาศ หม้อใบนี้เปล่งแสงแห่งกาลเวลา ราวกับตัวมันผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

เมื่อชายชราสวมงอบประมูลในราคาห้าสิบล้าน นอกจากเสียงหายใจที่หนักขึ้นแล้ว ในลานประมูลก็ไม่มีเสียงอื่นอีก ราคานี้มิใช่คนธรรมดาสามัญจะมีได้ ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสำนักทะเลตะวันออกในห้องหมายเลขแปดก็ตาม ด้วยขั้นพลังและฐานะของเขา ต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเก็บเงินให้มากกว่าห้าสิบล้านนี้ได้

ช่วงที่ซูหมิงเงียบไป ผู้คนในลานประมูลกำลังรออยู่ว่าเขาจะยังประมูลต่ออีกหรือไม่ ทันใดนั้นประตูห้องหมายเลขเก้าของซูหมิงก็มีคนเคาะเบาๆ

ซูหมิงไม่หันไปมอง จื่อเชอเดินไปอย่างสงบ ด้านนอกประตูมีชายในชุดคลุมดำยืนอยู่ผู้หนึ่ง ชายคนนี้สวมหน้ากากสีขาว ประสานมือคารวะซูหมิงในห้อง แล้ววางถุงเก็บของสีขาวไว้ให้ ก่อนหมุนตัวจากไป

จนถึงตอนนี้ บุคคลดังกล่าวยังไม่พูดสักคำ

จื่อเชอขมวดคิ้ว ถือถุงเก็บของมาอยู่ข้างซูหมิง เพียงแต่ตอนที่เขาเห็นตัวอักษรคำว่า ‘เมิ่ง’ ปักอยู่บนถุง ก็เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง ก่อนส่งมันให้กับซูหมิง

เมื่อซูหมิงรับมาแล้วเห็นคำว่า ‘เมิ่ง’ บนถุงก็เงียบอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แล้วใช้จิตสัมผัสเพื่อตรวจสอบด้านใน

“หกสิบล้าน!” ทันทีที่ซูหมิงเก็บจิตสัมผัส ก็ประมูลต่อในราคาของเขา!

กล่าวราคาจบ ทำให้เกิดเสียงดังฮือฮาในทันใด ราคาหกสิบล้านนี้ หลายคนหามาทั้งชีวิตก็ยังหาไม่ได้

ชายชราสวมงอบตัวสั่น เงยหน้าขึ้นช้าๆ มองร่างซูหมิงบนแท่นเปิดหมายเลขเก้าแวบหนึ่ง จากนั้นก้มหน้าลงไม่ประมูลอีก

ผ่านไปอีกช่วงหนึ่ง เสียงชายชราผมฟ้าก็ดังกึกก้องลานประมูล

“หม้อใบนี้ปิดประมูลที่หกสิบล้าน เป็นของห้องหมายเลขเก้า! งานประมูลในวันนี้สิ้นสุดลงเท่านี้ พรุ่งนี้ยามรุ่งสางจะดำเนินงานต่อ ข้าขอบอกก่อนว่างานประมูลในวันพรุ่งนี้จะมีสมบัติที่หายากยิ่งกว่านี้!”

ขณะชายชรากล่าวก็ยกมือขวาขึ้นสะบัดแขนเสื้อ มังกรทะเลข้างกายเขาแผดเสียงคำราม ระลอกคลื่นพลันแผ่ขยายออกโดยรอบ จุดที่ระลอกคลื่นเคลื่อนผ่าน ทะเลมายาจะค่อยๆ หายไป เผยให้เห็นค่ำคืนและดวงจันทร์บนท้องฟ้า รวมทั้งเกล็ดหิมะโปรยปราย

ภายในลานประมูล เมื่อทะเลมายาหายไป ไอหนาวสดชื่นก็พัดผ่านเข้ามา ผู้คนเริ่มยืนขึ้นสลายตัว กลับไปยังที่พักของตน รอคอยให้วันพรุ่งนี้มาถึง

ซูหมิงก็จากไปเช่นกัน จื่อเชอติดตามอยู่ด้านหลังเขา ทั้งสองคนเดินออกจากห้องหมายเลขเก้า กลับมายังที่พักตรงริมชนเผ่า

เพิ่งกลับมาไม่นาน ก็มีศิษย์สำนักทะเลตะวันออกมาเพื่อส่งมอบหม้อฮวงให้ซูหมิงและรับเหรียญหินไป

หม้อใบนี้มีขนาดหนึ่งร้อยจั้ง วางอยู่นอกกระโจมซูหมิง ซูหมิงยืนอยู่ข้างหม้อ ส่วนจื่อเชอคอยคุ้มกันอยู่ไกลๆ ทว่าก็มีหลายคนมองมาทางนี้อยู่นอกกระโจมของตัวเอง ทุกสายตาล้วนไม่เป็นมิตรเล็กน้อย

หม้อใบนี้ขนาดใหญ่เกินไป ซูหมิงลองเก็บมันลงในถุงเก็บวัตถุแล้วก็ยังทำไม่ได้

สำนักทะเลตะวันออกย่อมไม่สนใจว่าซูหมิงจะนำหม้อนี้ไปอย่างไร กระทั่งสิบกว่าคนที่แบกหม้อมายังยืนมองอยู่ไกลๆ หากซูหมิงเก็บหม้อนี้ไปไม่ได้ แต่วางมันไว้ข้างนอกหนึ่งคืน เรื่องนี้จะต้องเป็นที่น่าหัวร่ออย่างแน่นอน

ซูหมิงยืนอยู่ข้างหม้อยักษ์ ในระยะที่ใกล้เช่นนี้ เขาถึงขั้นรู้สึกถึงกาลเวลาอันโชกโชนจากในตัวมัน มันเหมือนกับคนชราที่ผ่านโลกมาหลายยุคหลายสมัย บางทีอาจเปลี่ยนเจ้าของมาแล้วหลายครั้ง

ซูหมิงยกมือกดบนหม้อยักษ์แล้วหลับตาลง จิตสัมผัสหลั่งไหลออกไปตามมือ เข้าสู่ในหม้อ วินาทีที่จิตสัมผัสเข้าไป ซูหมิงพลันตัวสั่น

พลังมหาศาลดีดกลับจากในหม้อตรงเข้าใส่จิตสัมผัสของซูหมิง เหมือนกับทำลายล้างก็มิปาน ประหนึ่งน้ำเชี่ยวกรากอยากกลบจิตสัมผัสของซูหมิงไป ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พลังสะท้อนกลับนั้นตรงเข้ามาในพริบตา ทว่าปะทะเข้ากับจิตสัมผัสไร้รูปของเขา

“จาน (ไม้จันทน์)….หลาง (หินมุก)…..ชุ่ย (หลอม)….” ซูหมิงกล่าวสามคำเบาๆ เสียงนี้คนอื่นไม่ได้ยิน ซูหมิงเพียงเปิดริมฝีปากเล็กน้อย นี่คือวิธีการควบคุมหม้อฮวงในความทรงจำของเขา ได้มาหลังจากเห็นภาพหม้อฮวงยามก้าวสู่มิติประหลาดที่ได้รับวิธีหลอมโอสถเป็นครั้งแรก

ตั้งแต่เขาได้มา นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้งาน

เพียงสามคำง่ายๆ ทว่ากลับมีพลังแฝงที่ซูหมิงไม่อาจเข้าใจ ตอนที่กล่าวคำแรก เขาสัมผัสได้ว่าเลือดเนื้อในร่างกายสั่นไหวอย่างชัดเจน ราวกับถูกพลังจากคลื่นเสียงช่วงชิงไป ไหลไปตามมือขวาของเขาเข้าสู่หม้อยักษ์

เมื่อกล่าวคำที่สองเสร็จ กระดูกในตัวซูหมิงเหมือนเกิดการกระแทก บางทีอาจไม่ใช่การกระแทก แต่เป็นกระดูกทั่วตัวสั่นไหวพร้อมกัน ภายใต้แรงสั่นสะเทือนเช่นนี้ มีเสียงแผ่วเบาดังมาสู่นอกตัว นั่นคือเสียงคำว่า ‘หลาง’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version