Skip to content

สู่วิถีอสุรา 34

ตอนที่ 34 จันทร์อัคคีพ้นเมฆา

พลังร้อนระอุพลันปรากฏขึ้นราวกับซ่อนอยู่ในกายของซูหมิง และด้วยโอสถชำระล้างมันจึงได้แสดงผล เขาพลันชะงักไปทั้งตัว ในช่วงนั้นเองเขาเกิดความรู้สึกราวกับถูกแผดเผา กระทั่งนึกถึงชายร่างกำยำแห่งเผ่าภูผาดำที่ตายตกด้วยพิษโอสถโลหิต

ซูหมิงไม่ได้ตื่นตระหนก แต่กลับสงบนิ่ง แม้จะรู้สึกราวกับถูกแผดเผา ทว่าความสงบนิ่งกลับทำให้เขาค่อยๆ หาจุดต่างพบ ความรู้สึกร้อนแผดเผานี้ ไม่ได้เกิดจากการเดือดพล่านของโลหิต แต่เป็นเพราะความเร็วในการโคจรโลหิตบรรลุถึงจุดที่น่าสะพรึงต่างหาก

เพราะโคจรโลหิตเร็วเกินไป จึงทำให้เกิดความรู้สึกร้อนแผดเผาเช่นนี้ กระทั่งเขายังได้ยินเสียงหัวใจของตนเองกำลังเต้นอย่างบ้าคลั่งราวกับจะระเบิดก็มิปาน

“ผลลัพธ์ของมันเยี่ยมมาก!” ใบหน้าซูหมิงมีเลือดฝาด ทว่าความสงบนิ่งในแววตาของเขากลับไม่ลดน้อยลง เขาปิดเปลือกตาแล้วตั้งสมาธิอยู่กับการโคจรโลหิต

เม็ดเหงื่อมหาศาลผุดขึ้นบนตัวของเขา อีกทั้งเส้นเลือดเส้นที่สิบเอ็ดยังปรากฏขึ้นในเวลาเดียวกัน ขับแสงสีแดงจ้าละลานตา ส่องสะท้อนในถ้ำภูเขาไฟ ทำให้ยามนี้ราวกับอยู่ในยมโลกสีโลหิต

ร่างกายของเขาขับแสงสีแดงมหาศาลมากขึ้นเรื่อยๆ ตามการโคจรโลหิต กระทั่งเห็นเส้นเลือดสีเขียวจำนวนมากปูดโปนบนตัวของเขา คลับคล้ายหนอนชอนไชก็มิปาน ทำให้ซูหมิงในยามนี้ดูน่าสะพรึ่งเล็กน้อย

เพียงกาลเวลาสั่นไหว ก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม

ในหนึ่งชั่วยามนี้เสื้อหนังสัตว์ของซูหมิงราวกับถูกแช่น้ำไปทั้งตัว มีเม็ดเหงื่อหยดจำนวนมาก อีกทั้งบนตัวของเขายังเป็นสีแดงเพลิง เส้นเลือดเส้นที่สิบเอ็ดขยับแสงวูบวาบราวกับจะปริแตกออก

ในขณะนั้นเอง ซูหมิงลืมตาขึ้น ดวงตาแดงก่ำไปทั้งดวง เขาแผดเสียงคำรามลั่น พร้อมกับมีเสียงระเบิดดังขึ้นในกาย ทันใดนั้นเส้นเลือดเส้นที่สิบสองพลันปรากฏขึ้น!

ความเร็วของมันที่ปรากฏขึ้น แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับช่วงเลือนรางและช่วงรวมจนสมบูรณ์ ทำให้พลังโลหิตในกายของซูหมิงเพิ่มมากขึ้นเล็กน้อย

ทว่าทุกอย่างยังไม่จบ หลังจากเส้นเลือดเส้นที่สิบสองปรากฏขึ้น แม้ว่าแสงเพลิงบนตัวซูหมิงจะลดน้อยลง ทว่าไม่นานเขากลับแผดเสียงคำรามอีกครั้ง พร้อมกับการปรากฏขึ้นของเส้นเลือดเส้นที่สิบสาม!!

เมื่อเส้นเลือดเส้นที่สิบสามปรากฏ เส้นผมของซูหมิงปลิวไสวแม้ไร้ลม ความรู้สึกแข็งแกร่งพลันระเบิดขึ้นจากในร่างผอมบางของเขา

โลหิตในกายของเขาโคจรอย่างรวดเร็ว เขาในยามนี้ไม่รู้สึกขาดแคลนโลหิตอีกต่อไป แต่กลับรู้สึกว่ามันมีมากเกินไป หากไม่รวมให้เป็นเส้นเลือด กายเนื้อคงได้ระเบิดเป็นแน่ แม้ว่าจะปรากฏเส้นโลหิตสองเส้นต่อเนื่องกัน ทว่าความร้อนในกายยังคงอยู่

ใบหน้าซูหมิงบิดเบี้ยว รู้สึกถึงความร้อนแผดเผาในกายยากจะทนไหว เขาใช้มือขวาฉีกเสื้อหนังสัตว์เผยร่างท่อนบน ปรากฏให้เห็นเส้นเลือดเส้นที่สิบสามได้อย่างเด่นชัด พวกมันออกอาละวาดแผ่ขยายอำนาจไปยังหน้าอก หลังและแขนทั้งสองข้างของซูหมิง

เส้นเลือดสีแดงฉานราวกับหยดให้เป็นโลหิตได้ ทั้งยังมีเม็ดเหงื่อมหาศาลไหลอาบทั่วกายซูหมิง เมื่อสะท้อนกับแสงสีแดงแล้ว จึงเกิดความงามน่าหลงใหล

ดวงตาทั้งสองข้างของซูหมิงแดงก่ำมากขึ้น ทว่าภายในกลับสงบนิ่ง ทั้งหมดนี้ยังอยู่ในการควบคุมของเขา เมื่อสัมผัสได้ถึงโลหิตในกาย ซูหมิงจึงโคจรโลหิตตามคำแนะนำการฝึกพลังหมานทีละขั้นตอน เพื่อทำให้โลหิตของเขาเข้มข้นขึ้น!

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม ซูหมิงแหงนหน้าคำรามอีกครั้ง พร้อมกับเส้นเลือดเส้นที่สิบสี่พลันปูดขึ้นขยับแสงวูบวาบ!

เสียงคำรามดังกึกก้องถ้ำภูเขาไฟ ส่งเสียงสะท้อนติดกันหลายครั้ง หากผู้ใดได้ยินคงต้องคิดว่าเป็นเสียงคำรามจากคนหลายคน

“เส้นเลือดเส้นที่สิบสี่ ออกมาให้ข้า!” ซูหมิงตัวสั่น ความรู้สึกแข็งแกร่งในกายเขาเด่นชัดมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนพบว่าเส้นเลือดเส้นที่สิบสี่รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ดูจากลักษณะของมันแล้วคาดว่าอีกไม่นานคงรวมจนสมบูรณ์ได้

ทว่าผ่านไปหนึ่งเค่อ เส้นเลือดเส้นที่สิบสี่ยังคงต่อสู้ดิ้นรนราวกับขาดพลังในการรวมจนสมบูรณ์ ซูหมิงรู้สึกได้ว่าการโคจรโลหิตในกายช้าลง ความร้อนแผดเผาแทบมลายหายไปจนสิ้น หากจบลงเช่นนี้แล้วเส้นเลือดเส้นที่สิบสี่ยังไม่ปรากฏสมบูรณ์ จำต้องรอครั้งต่อไปเท่านั้น

ดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย ซูหมิงใช้มือขวาล้วงลงไปด้านข้าง ในนั้นยังมีโอสถวิญญาณผาอีกหนึ่งเม็ด!

ซูหมิงหย่อนเม็ดโอสถใส่ปากแล้วเคี้ยวจนละเอียดก่อนกลืนลงท้อง จากนั้นจึงตามด้วยโอสถชำระล้างอีกหนึ่งเม็ด ทันใดนั้นร่างพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง บนผิวหนังมีไอร้อนแผ่ซ่านอีกครั้ง พริบตาเดียวก็บรรลุถึงจุดน่าสะพรึง

ซูหมิงสัมผัสได้ถึงความร้อนแผดเผาในกายอย่างบ้าคลั่ง จนถึงจุดที่เรียกได้ว่ามหาศาล ทั้งยังรุนแรงมากกว่าก่อนหน้านี้ จนทำให้ซูหมิงแทบทนรับไว้ไม่ไหว

“เส้นเลือดเส้นที่สิบสี่ ออกมา!” ซูหมิงเป็นคนดุเดือด ในจุดนี้แม้แต่เขาเองก็ยังไม่ทราบ ทว่ามันค่อยๆ กลั่นออกมาทีละน้อยและหยั่งลึกมาแสนนาน

ซูหมิงร้องคำรามพร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้นในกาย เส้นเลือดเส้นที่สิบสี่พลันเสถียรภาพ ขับแสงสีแดงพิลึกยิ่งนัก ทว่าซูหมิงไม่หยุดเพียงเท่านั้น เขากลืนโอสถชำระล้างเข้าไปอีกสองเม็ด และที่ทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อพลัง

ในช่วงเวลาเจ็ดวันที่ซูหมิงหลอมสมุนไพร เขามักจะขบคิดอยู่บ่อยครั้งถึงเหตุการณ์ค้างคาวจันทราปรากฏขึ้นก่อนกำหนด เขามองเห็นถึงความกังวลที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยยิ้มของท่านปู่ แม้จะไม่กล่าว ทว่าเขาก็รับรู้ได้ เหมือนว่ามีเมฆดำปกคลุมอยู่บนน่านฟ้าชนเผ่า

คิดไปถึงเรื่องจ้าวหมานแห่งเผ่าภูผาดำทะลวงขั้นพลัง และคิดไปถึงเรื่องคนทรยศที่ท่านปู่เคยกล่าวไว้ ในใจของซูหมิงเป็นกังวลยิ่งนัก เขาอยากช่วยท่านปู่ อยากช่วยชนเผ่า ทว่าด้วยขั้นพลังของเขาในตอนนี้ยังไม่พอ

เขาอยากแข็งแกร่ง อยากให้ตนเองกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง!

เมื่อเส้นเลือดเส้นที่สิบสี่ปรากฏขึ้นสมบูรณ์ ซูหมิงจึงโคจรโลหิตในกายอีกครั้ง ด้วยการโคจรอันบ้าคลั่งทำให้เส้นเลือดเส้นที่สิบห้าราวกับถูกบีบออกมา

ผ่านไปครู่หนึ่ง ซูหมิงตัวสั่นทั้งยังแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวด ทว่าเขากลับโคจรโลหิตในกายต่ออย่างไม่ลังเล ภายใต้เสียงคำราม เส้นเลือดเส้นที่สิบห้าพลันปรากฏขึ้น!!

เส้นเลือดปรากฏขึ้นบนร่างท่อนบนของเขาประดุจรอยแผลเป็นสิบห้าเส้น ทั้งยังขับแสงสีแดงในเวลาเดียวกัน นี่ยิ่งทำให้ซูหมิงรู้สึกแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม

ทว่าเพียงแค่เส้นเลือดสิบห้าเส้น ซูหมิงยังไม่พอใจ เขาโคจรโลหิตอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดเส้นเลือดเส้นที่สิบหกพลันปรากฏ!!

ถึงตรงนี้ความร้อนในกายของเขาแผ่กระจายออกโดยรอบราวกับทุกอย่างกำลังสิ้นสุดลง ทว่านัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย อีกทั้งยังแฝงไว้ด้วยความเย็นเยือก พลันใช้มือขวาตบไปที่หน้าอกของตน พลังมหาศาลทะลวงเข้าสู่ร่าง กระตุ้นจังหวะการเต้นหัวใจให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

“เส้นเลือดเส้นที่สิบเจ็ด ออกมาให้ข้า!” ด้วยการกระตุ้นหัวใจจากพลังมหาศาล พลันระเบิดโลหิตจำนวนมากหลั่งไหลไปตามร่าง ก่อนเริ่มโคจรอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ไม่นานก็ปรากฏเส้นเลือดเส้นที่สิบเจ็ดขึ้นตรงหน้าอกของเขา!

หลังจากเส้นเลือดเส้นที่สิบเจ็ดปรากฏขึ้น ร่างกายของซูหมิงราวกับเปลวเพลิงมอดดับ ความร้อนมลายหายจนสิ้น ในร่างของเขาก็เช่นเดียวกัน รู้สึกราวกับว่างเปล่า เขาทราบดีว่าฤทธิ์ยาหมดสิ้นแล้ว

ทว่าในขณะเดียวกัน ความเจ็บปวดเล็กน้อยปรากฏขึ้นในร่างของเขา นี่หมายความมีบาดแผลเกิดขึ้นจากการฝืนสังขารก่อนหน้านี้

“เป็นผู้ฝึกพลังหมาน แค่ความเจ็บปวดและบาดแผลเล็กน้อย ก็นับว่าไม่เท่าไร!” ซูหมิงกล่าวพึมพำกับตน รู้สึกได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นมหาศาล นัยน์ตาฉายแววเด็ดเดี่ยว

เขาไม่ได้ยันกายขึ้น แต่หยิบสมุนไพรจากในเสื้อหนังที่เขาฉีกขาดมาหนึ่งต้น สมุนไพรต้นนั้นก็คือ ว่านหินฟ้า!!

เจ้าสิ่งนี้ นอกจากเม็ดโอสถแล้ว มันเป็นสมุนไพรที่เยี่ยมที่สุดของเขา! ตั้งแต่ที่แบ่งให้กับเหลยเฉินไปหนึ่งส่วน เขาก็แทบไม่ใช้มันเลย ทว่ายามนี้เขากลับใช้มันอย่างไม่ลังเล เพื่อพลังที่เพิ่มมากขึ้น เขายอมทุ่มสุดตัว

ซูหมิงเหลือเอาไว้หนึ่งใบเผื่อภายภาคหน้า ก่อนกินทั้งหมดลงไปพร้อมกับโอสถชำระล้าง เพื่อให้ช่วยเพิ่มสรรพคุณของสมุนไพร

ความรู้สึกหนาวเย็นพลันแผ่ซ่านในกายของเขา ก่อนหลอมเข้าด้วยกันกับเศษความร้อนที่เหลืออยู่ ไอหนาวเยือกขยับวูบวาบในกายของซูหมิง ขับให้เส้นเลือดเส้นที่สิบเจ็ดเด่นชัดขึ้น

ภายใต้ไอหนาวเยือก ร่างกายของซูหมิงเป็นสีเทาเข้ม ทว่าโลหิตในกายกลับหมุนโคจรขึ้นอีกครั้ง หนึ่งชั่วยาม สองชั่วยาม จนกระทั่งท้องฟ้าด้านนอกเป็นสีขาว เสี่ยวหงกลับมาจากการเที่ยวเล่น ทว่าซูหมิงก็ยังคงนั่งขัดสมาธิ นิ่งไม่เคลื่อนไหว

เสี่ยวหงทราบดีว่าซูหมิงกำลังฝึกฝน มันจึงเอนกายนอนและเหลือบตามองเป็นบางครั้ง ก่อนหาววอดแล้วผลอยหลับไป

จากรุ่งอรุณสู่ยามเที่ยงวัน จากเที่ยงวันสู่ยามโพล้เพล้ ไม่นานท้องฟ้าก็มืดมิด มีเพียงแสงจันทร์สว่างไสว ทั้งยังมีเกล็ดหิมะโปรยปรายลงบนผืนแผ่นดินกว้างใหญ่

บนตัวของซูหมิงในยามนี้ไม่ได้มีเส้นเลือดเพียงสิบเจ็ดเส้นเท่านั้น แต่มีถึงสิบเก้าเส้น!! สองเส้นที่เพิ่มขึ้นมาปรากฏตรงแขนทั้งสองข้าง ขยับแสงสีแดงวูบวาบ…..

กลางดึกมีแสงสีแดงขับมาจากทั่วร่างซูหมิง โอบล้อมทั้งถ้ำภูเขาไฟ เขาค่อยๆ ลืมตาอย่างเชื่องช้า ก่อนพ่นลมหายใจ แววตาทั้งสองข้างฉายแววดุดัน มองเสี่ยวหงที่กำลังนอนกรน บ้างก็ใช้มือเกาขนท่าทางหลับสบาย มุมปากจึงยกขึ้นเผยรอยยิ้ม

เขาละสายตาจากเสี่ยวหง ก่อนแหงนหน้าขึ้นมองช่องบนกำแพงที่ตนเจาะเอาไว้ ตำแหน่งของเขาตรงนี้ สามารถมองลอดผ่านช่องเห็นท้องฟ้าและดวงจันทร์ด้านนอกได้ เขามองแวบหนึ่งก่อนหลับตาลงช้าๆ เตรียมโคจรโลหิตในกายเพื่อรักษาบาดแผลที่เกิดจากการฝึกฝนในครั้งนี้

ทว่าในขณะที่เขาหลับตาลง ซูหมิงพลันลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขารู้สึกได้ว่าดวงจันทร์ที่เขามองผ่านช่องเมื่อครู่ผิดแปลกไปเล็กน้อย ยามนี้มองไปอีกครั้ง ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง

เพราะดวงจันทร์บนท้องฟ้าเป็นสีแดง…….

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version