ตอนที่ 370 เชมันเก้าอรุณ
ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่เปลี่ยนไปเพราะคำพูดของชายหนุ่มแม้แต่น้อย ราวกับว่าไม่ได้ยิน
“บางทีข้าควรจะเรียกเจ้าว่าสหายซู ไม่ใช่…สหายโม่” ชายหนุ่มเห็นซูหมิงนิ่งเงียบ จึงกล่าวเรียบๆ
ซูหมิงยิ้มพลางเงยหน้ามองปลาชิวกำลังว่ายบนท้องฟ้ามืดทึบ นัยน์ตาวูบไหว ก่อนถอดหน้ากากออกวางไว้ข้างไหสุรา แล้วหยิบสุราขึ้นมาดื่มอึกใหญ่
ช่วงที่เขาถอดหน้ากาก เชมันระดับกลางที่ถอยไปก่อนหน้านี้พลันเดินเข้ามายืนล้อมรอบ แววตามีจิตสังหาร ทว่ายังไม่ลงมือ
เห็นซูหมิงทำเช่นนี้ นัยน์ตาชายหนุ่มปานสายฟ้า จ้องใบหน้าขาวบริสุทธิ์กับรอยแผลเป็นใต้ดวงตาของซูหมิง มองอยู่นานก่อนแค่นเสียงหึเย็นชา
“สังหารเผ่าเชมันมากเพียงนี้ กลิ่นโลหิตเชมันเข้มข้นบนตัวเจ้า ต่อให้อยู่ไกลมากก็ยังสัมผัสได้ ตอนนี้ยังกล้านั่งอยู่ในเผ่าทะเลใบไม้ร่วงอย่างโจ่งแจ้ง ซูหมิง เจ้าใจกล้านัก! เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าเพียงข้าออกคำสั่ง ศีรษะเจ้าจะหลุดจากบ่าทันที!”
“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าก่อนศีรษะข้าจะหลุดจากบ่า เจ้าจะตายไปพร้อมกับข้า…..เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าหลังจากศีรษะข้าหลุดจากบ่าแล้ว เผ่าทะเลใบไม้ร่วงของเจ้าจะต้องตกที่นั่งลำบากในเผ่าหมาน” ซูหมิงถือไหสุราดื่มไปอีกอึก ก่อนมองชายหนุ่ม
“เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าบางทีศีรษะข้าอาจจะไม่หลุดจากบ่า”
ชายหนุ่มจ้องซูหมิง ผ่านไปพักหนึ่งก็พลันหัวเราะ เสียงหัวเราะไม่ดังมาก แต่เมื่อหัวเราะเสร็จ ความเย็นชาในแววตาหายไป
“ซูหมิง เจ้าเป็นคนแรกที่ทำให้ข้าประหลาดใจมากขนาดนี้ ข้าไม่คิดว่าเผ่าหมานอย่างเจ้าจะซ่อมกลองอาซูให้กับเด็กเผ่าเชมัน ข้าไม่คิดเลยว่าหลังจากถูกข้าเปิดโปงฐานะแล้ว เจ้ากลับยังกล้าข่มขู่ข้าในเผ่าทะเลใบไม้ร่วงของข้าอีก เจ้าก็น่าจะรู้ว่าชื่อของเจ้าเริ่มแพร่สะพัดในเผ่าหมานแล้ว แม้เมืองหมอกนภาจะมีคำสั่งให้เก็บเป็นความลับ ทว่าภาพทุกอย่างในสนามรบกลับไม่อาจปกปิด
เทพแท้จริงหมานวายุ เทพแท้จริงหมานอัสนี ทั้งยังรับมรดกส่วนหนึ่งของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ผู้มีพลังแห่งเทพหมานอย่างเจ้าตกเป็นเป้าสายตาของผู้แข็งแกร่งของเผ่าหมานทุกคนแล้ว ขณะเดียวกันก็ตกเป็นเป้าสายตาของผู้แข็งแกร่งเผ่าเชมันจำนวนมากเช่นกัน”
ซูหมิงไม่กล่าวสิ่งใด เขาดื่มสุราต่อ ตอนที่ฐานะถูกเปิดโปง ในใจเขายังเกิดลูกคลื่น แต่เพียงไม่นานก็สงบลง เพราะยังมีเรื่องที่เข้าใจยากอยู่หลายเรื่อง อย่างเช่นเขาถูกรั้งให้อยู่ในชนเผ่านี้ และอีกฝ่ายไม่มีความจำเป็นจะต้องกล่าวกับตนก่อนหน้านี้ ทว่าหลังจากชายหนุ่มพูดออกมาอีกเล็กน้อย ซูหมิงก็เริ่มเข้าใจสิ่งเหล่านี้
“ข้าแปลกใจมาตลอด ตอนที่ข้าออกจากเมืองหมอกนภา เหตุใดถึงมีแค่เชมันหนึ่งคนกับหมานหนึ่งคนไล่ล่าข้า อีกทั้งระหว่างทางยังไม่เจอเผ่าเชมันอื่นๆ แต่สุดท้ายแล้วกลับมาเจอพวกเจ้าพอดิบพอดี ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว” ซูหมิงวางไหสุรา มองชายหนุ่ม กล่าวขึ้นเรียบๆ
“เรื่องนี้ ขอบคุณเจ้ามาก”
ชายหนุ่มหรี่ม่านตา ผ่านไปพักใหญ่ก็ส่ายศีรษะ ถอนหายใจเบา
“ไม่เป็นไร เดิมทีคิดว่าเจ้าจะหน้าเปลี่ยนสีบ้าง ใช้ความรุนแรงบ้าง แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะสงบนิ่งถึงเพียงนี้ ไม่ผิด ในสนามรบมีชาวเผ่าทะเลใบไม้ร่วงอยู่ ทั้งยังมีสตรีศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย
ตอนเจ้าจะหนีไปนางแอบลงมือเพื่อสร้างโอกาสหนีให้เจ้า ขวางผู้แข็งแกร่งเผ่าเชมันและหมานคนอื่นๆ ไม่ให้ไล่ตามเจ้าไป ส่วนเมืองหมอกนภาก็มีคนแอบช่วยเจ้าเช่นกัน ทำให้สุดท้ายแล้วมีแค่สองคนที่ล่าสังหารเจ้า
เจ้าพบพวกข้าก็เพราะผู้ฝึกฝนจิตพยากรณ์ในเผ่าข้า พูดได้ว่า มิใช่เจ้าที่พบพวกข้า แต่พวกข้ากำลังรอเจ้ามา” ชายหนุ่มกล่าวช้าๆ พลางมองซูหมิง
ซูหมิงเงียบไป
“เจ้ารู้เหตุผลหรือไม่?” ผ่านไปพักหนึ่ง ชายหนุ่มขมวดคิ้วกล่าวขึ้น
“เหตุผลคือเจ้าเป็นศิษย์น้องของประมุขเชมัน!” ผู้กล่าวมิใช่ชายหนุ่ม แต่เป็นเสียงแหบแห้งดังแว่วมาแต่ไกลๆ ก่อนจะมีหญิงชราผู้หนึ่งเดินมาอย่างช้าๆ
หญิงชราคนนี้คือเชมันระดับปลายที่ซูหมิงพบเมื่อตอนกลางวัน!
เมื่อหญิงชราปรากฏ เชมันระดับกลางเก้าคนโดยรอบพลันคุกเข่าลงข้างหนึ่ง สีหน้าเลื่อมใสและฮึกเหิมอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นหยามู่ชายหนุ่มข้างกายซูหมิงก็ยังยืนขึ้นแล้วคารวะอย่างนอบน้อม
“ก่อนยุคบรรพกาล ตอนที่แผ่นดินเผ่าหมานยังไม่แบ่งเป็นห้าส่วน ทิศใต้มีชนเผ่ายิ่งใหญ่อยู่หนึ่งชนเผ่า ผู้นำของชนเผ่านี้มีขั้นพลังสูงส่งพอๆ กับเทพหมานรุ่นสองในตอนนั้น เผ่านี้มีนามว่าเก้าอรุณ!
ระหว่างประมุขเก้าอรุณกับเทพหมานรุ่นสองเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างนั้นไม่มีใครให้ความสำคัญ คนรุ่นหลังรู้เพียงว่าเทพหมานรุ่นสองถูกเซียนจากต่างแดนสังหารแล้วแยกร่างเป็นชิ้นส่วน ทำให้แผ่นดินเผ่าหมานไม่เป็นปึกแผ่น จากนั้นเผ่าเก้าอรุณก็แตกกระจัดกระจาย…ประมุขแห่งเก้าอรุณสิ้นชีพ ก่อนจะจากไปเขาสั่งเสียเอาไว้ว่าให้แก้ชื่อหมานเป็นเชมัน!
ในนั้นมีส่วนใหญ่ค่อยๆ ขยายเป็นชนเผ่าขนาดเล็กต่างๆ บนแดนอรุณใต้ เรียกกันว่าเชมัน และกลายมาเป็นเผ่าเชมันจนถึงทุกวันนี้ พวกเราเผ่าเชมันคือทายาทของเผ่าเก้าอรุณ สืบสายเลือดเผ่าเก้าอรุณ และรอคอยสายเลือดประมุขเชมันของพวกเรา เมื่อเขาตื่นขึ้นก็จะได้รับพลังแห่งเก้าอรุณ
ทว่าในประวัติศาสตร์อันยาวนาน ขณะกำลังรอคอยให้สายเลือดประมุขเชมันตื่นขึ้น มีชนเผ่าเชมันส่วนหนึ่งเปลี่ยนไป….
พวกเขาละทิ้งเกียรติยศแห่งเก้าอรุณและติดต่อกับเซียนจากต่างแดนนอกท้องฟ้า พวกเขามิใช่เชมันอีกแล้ว ไม่คู่ควรกับคำว่าเชมันผู้ที่ฟ้าดินไม่อาจฝืนบังคับ…
พวกเขาเป็นสุนัขรับใช้เหล่าเซียนต่างแดน! อีกอย่างที่เราช่วยเจ้าก็เพราะศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นประมุขเชมันเก้าอรุณรุ่นนี้! เขาให้วิญญาณเชมันสามร้อยตนแห่งเก้าอรุณติดตามเจ้า เจ้าคือแขกคนสำคัญของเผ่าเชมันเก้าอรุณ”
หญิงชรากล่าวเสียบแหบแห้ง กังวานอยู่ข้างหูซูหมิง พอได้ยินอีกฝ่ายกล่าว
ซูหมิงจิตใจสั่นไหว เขาก้มหน้ามองกำไลข้อมือแวบหนึ่ง กำไลข้อมือนั้นพลันกลายเป็นควันดำก่อนรวมตัวเป็นเงาสตรีตรงหน้าเขา
เมื่อสตรีก่อร่างจนสมบูรณ์แล้ว นางหันหลังให้ซูหมิง มองหญิงชราและยังกวาดสายตามองไปรอบๆ
“เจ้าคือเชมันเก้าอรุณเผ่าใด?” สตรีกล่าวด้วยเสียงเย็นชาเป็นครั้งแรก
“เผ่าทะเลใบไม้ร่วง” ตอนหญิงชราเห็นสตรีปรากฏ นางมีสีหน้าฮึกเหิมก่อนประสานมือคารวะ ไม่เพียงแค่นาง ชาวเผ่าเชมันทั้งหมดรอบๆ ต่างคุกเข่าลง
“มีคำสั่งจากนายน้อย เชมันเก้าอรุณทุกเผ่า ก่อนภัยพิบัติแดนรกร้างบูรพามาถึง นายน้อยจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่กับคนที่เขาระบุเอาไว้ บนสนามรบก่อนหน้านี้ ข้าส่งข่าวนี้ให้ชาวเผ่าเชมันแล้ว ทว่าแทบไม่มีใครมีสายเลือดแห่งเก้าอรุณเลย…”
“เซียนจากต่างแดนมาเยือนสามครั้งในหนึ่งร้อยปี ทุกครั้งจะมีชนเผ่าทรยศ ยอมมอบสายเลือดของตนเพื่อชีวิตยืนยาว โดยเฉพาะตอนนี้ภัยพิบัติแดนรกร้างบูรพาใกล้เข้ามา ตำนานโบราณได้ทำนายเอาไว้แล้ว จะมีเผ่าเชมันเก้าอรุณพากันละทิ้งสายเลือดมากขึ้นเพื่อเป็นบริวารของเซียนต่างแดน…
สงครามครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะชนเผ่าที่เป็นบริวารเซียนต่างแดนพวกนั้น พวกข้าเป็นชนเผ่าสายเลือดเก้าอรุณส่วนน้อย หากไม่ร่วมสงครามก็จะต้องรับมือกับภัยพิบัติทำลายล้างเผ่า เชิญนายน้อยกลับมาเถอะ ให้เขานำพาพวกเราเดินตามทางแห่งเก้าอรุณ….” หญิงชราคุกเข่าลง มีสีหน้าฮึกเหิม
ซูหมิงหายใจกระชั้นถี่ เขาพลันพบว่านอกเขตที่ตนอยู่นี้ เดิมทีชนเผ่าทะเลใบไม้ร่วงส่งเสียงครึกครื้น ทว่ายามนี้กลับเงียบสงัดลง แม้ไกลออกไปจะไม่มีใครมองมาทางนี้ ซูหมิงกลับรู้สึกว่าที่นี่กำลังเป็นเป้าสายตาของชาวเผ่าทะเลใบไม้ร่วงจำนวนมาก
“ตอนนี้อีกไม่ถึงสามปี เซียนจากต่างแดนจะมาเยือนครั้งที่สี่ หลังจากมาเยือนครั้งนี้แล้ว เกรงว่าเผ่าเชมันแห่งเก้าอรุณคงจะเลือกเป็นสุนัขรับใช้ ถึงอย่างไร…ความเย้ายวนใจของการข้ามผ่านเชมันระดับสูงสุดก็มิใช่สิ่งที่เชมันระดับสูงสุดทุกคนจะต้านทานไหว…
โดยเฉพาะการตัดสินใจของยอดจ้าวเชมันตอนนั้น ทั้งยังทำให้ทุกคนเห็นถึงความแข็งแกร่งของระดับนภา…อีกทั้งจากการที่พวกข้าเฝ้าสังเกตในช่วงหนึ่งร้อยปีมานี้ แม้แต่เผ่าหมานเองก็มีเซียนจากต่างแดนมาเยือนสามครั้ง ดูท่าคนที่ติดต่อกับเซียนคงมีไม่น้อย กระทั่งพวกข้ายังสงสัยว่าเมืองหมอกนภามิใช่ของเผ่าหมานแล้ว!”
เสียงหญิงชรากระชั้น ราวกับอยากใช้โอกาสนี้บอกทุกอย่างกับประมุขเชมันของพวกเขาผ่านวิญญาณเชมันเก้าอรุณนี้!
ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก สิ่งที่หญิงชรากล่าวทำให้เขาตื่นตะลึงยิ่งนัก
“ที่เมืองหมอกนภายังต่อสู้กับเผ่าเชมันบริวารเซียนจากต่างแดน พวกข้าสงสัยว่านี่อาจเป็นความตั้งใจที่ต่างกันของเซียนจากต่างแดนสองหรือไม่ก็สามคน! ประมุขเชมัน พวกข้าควรจะทำอย่างไรดี!” หญิงชรากล่าวเสียงกระชั้น
สตรีจากควันดำเงียบขรึมตลอด
ซูหมิงเองก็เงียบ เขาพลันรู้สึกว่าเหตุที่เผ่าทะเลใบไม้ร่วงช่วยตนและให้รั้งอยู่ที่นี่ เป้าหมายไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา แต่เป็นโอกาสที่จะได้คุยกับศิษย์พี่ใหญ่
เมื่อนึกถึงศิษย์พี่ใหญ่ ซูหมิงก็อดนึกถึงอาจารย์มิได้
หลังจากวิญญาณเชมันเก้าอรุณจากควันดำเงียบไปครู่หนึ่ง ก็มีเสียงเรียบๆ ดังแว่วมาแต่ไกล เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยทำนองที่บอกไม่ถูก ช่างไพเราะยิ่งนัก ทั้งยังมีความรู้สึกที่ทำให้ตกใจกลัว เสียงนั้นดังก้อง ทำให้ผู้ฟังทุกคนมีเสียงอื้ออึงดังขึ้นในความคิด
แม้แต่วิญญาณเชมันเก้าอรุณของศิษย์พี่ใหญ่ยังเหมือนจะสลายไปเพราะเสียงนั้น
“บอกประมุขเชมัน หากเขายังไม่ตัดสินใจ ข้าจงเจ๋อใกล้จะสิ้นอายุขัยแล้ว ข้าจะละทิ้งสายเลือดเพื่อแลกกับโอกาสข้ามผ่านระดับสูงสุด…หากข้าทำสำเร็จ หากข้าไม่ใช่ข้าอีก…..” กล่าวถึงตรงนี้เสียงก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนกลายเป็นถอนหายใจ
เสียงนี้ซูหมิงรู้ว่าเป็นของใคร เขาคือผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับสูงสุด!