ตอนที่ 40 ซือคง
ชายหนุ่มคนนั้นอายุราวสิบแปดสิบเก้า รูปร่างกำยำแข็งแกร่งพอๆ กับเหลยเฉิน ในมือถือหอกยาวหนึ่งเล่ม แม้หอกจะมีขนาดยาวครึ่งจั้ง ทว่ากลับเป็นสีดำทั้งเล่ม แผ่ไอหนาวเยือกน่าสะพรึง กระทั่งปลายหอกยังเปล่งแสงสีทอง
และสำคัญที่สุดคือหอกเล่มนี้ไม่ได้หลอมขึ้นจากหิน แต่สร้างขึ้นจากสิ่งที่ซูหมิงไม่เคยพบเห็นมาก่อน เขามองอยู่ไกลๆ แวบหนึ่ง ตอนที่เห็นหอกดังกล่าว ในใจของเขาหวาดกลัวจนไม่เป็นสุข
คุ้นเคย เป็นความรู้สึกที่คุ้นเคยยิ่งนัก
เพียงแต่เขาไม่ทราบว่าความรู้สึกเช่นนี้มาจากไหน ภัยอันตรายที่แฝงมาด้วยความคุ้นเคย ทำให้ซูหมิงปัดทุกสิ่งในความคิด เหลืออยู่เพียงความสุขุมจากสัญชาตญาณ
“บุคคลนี้ไม่ได้สวมเสื้อหนังสัตว์ แต่เป็นผ้าเนื้อหยาบ ผ้าแบบนี้…ในเผ่ามังกรทมิฬน่าจะมีตำแหน่งที่สูงพอสมควร!”
‘ข้าไม่เสียใจที่มาเผ่ามังกรทมิฬ!’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย ให้คำตอบแก่ตนเองในใจ
“ข้ายังไม่ได้เข้าไปในระยะหนึ่งพันจั้ง ตามข้อตกลงระหว่างชนเผ่า ต่ำกว่าสามคน นอกระยะหนึ่งพันจั้ง ถือว่าไม่มีเจตนาร้าย! ข้ามาดี มีเพื่อนอยู่ในเผ่ามังกรทมิฬของเจ้า อยากมาพบเพียงเท่านั้น” ซูหมิงกล่าวขึ้นขณะกำลังห้อเหยียดไปเบื้องหน้า ด้วยความเร็วในลำดับสี่ขั้นรวมโลหิต ทำให้ตัวเขาราวกับแนบไปกับพื้นหิมะ ไม่ทิ้งร่องรอยแม้แต่น้อย
“อ้อ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เกรงว่าจะไม่ใช่ศัตรูจริงๆ เจ้าไม่ต้องหนีแล้วตามข้ามา หลังจากตรวจสอบเสร็จแล้ว จะให้จ้าวหมานเป็นคนตัดสินใจ” นัยน์ตาชายหนุ่มฉายแววเย็นเยือก กล่าวขึ้นอย่างเชื่องช้า ทว่าเขากลับไม่ได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้ามกลับเร่งความเร็ว ราวกับตั้งใจให้ซูหมิงเกิดความลังเล
“ข้าเป็นคนนอก จะเข้าไปในเผ่ามังกรทมิฬของพวกเจ้าตามอำเภอใจได้อย่างไร” ซูหมิงไม่ชะลอฝีเท้า หัวเราะพลางกล่าว
“ก็ถูก เช่นนั้นคนที่เจ้ารู้จักมีนามว่าอะไร” ชายหนุ่มกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าเป็นปกติ ทว่าดวงตากลับหรี่ลง
“ข้าไม่รู้ว่านางมีนามว่าอะไร รู้เพียงนางสวมชุดขาว งดงามมาก” ซูหมิงกล่าวขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับหันไปมองแวบหนึ่ง
เมื่อกล่าวจบ เขาเห็นจิตสังหารในแววตาของชายหนุ่ม ในใจพลันเข้าใจแจ่มชัด ก่อนหน้านี้เขาได้ไตร่ตรองแล้วด้วยขั้นพลังของตน รวมถึงยังไม่เข้าใกล้ในระยะหนึ่งพันจั้ง ต่อให้ถูกพบเห็นจากเผ่ามังกรทมิฬ ก็ไม่น่าปาหอกน่าสะพรึงเข้าใส่ตรงๆ เช่นนี้
ทั้งหมดต้องมีสาเหตุ รวมกับชายหนุ่มตำแหน่งสูงส่งที่ไล่ล่าเขาเพียงลำพังเช่นนี้ด้วยแล้ว ทำให้ในใจของซูหมิงพอคาดเดาได้
“เป็นมันจริงๆ!” สิ่งที่ชายหนุ่มตอบกลับซูหมิงเป็นเพียงเสียงเย้ยหยัน ก่อนทะยานเข้ามายกมือขวาขึ้นอย่างรวดเร็ว ไอสีดำมหาศาลที่โอบล้อมอยู่พลันแผ่ขยายไปตามหอกยาว หมุนวนหลายรอบพร้อมกับแผดเสียงร้องแหลมก้องกังวาน ทันใดนั้น หอกยาวถูกไอสีดำเหนี่ยวนำลอยขึ้นเหนือศีรษะชายหนุ่ม
ซูหมิงหรี่ตาลง นี่มันวิชาหมาน!
อีกทั้งความรู้สึกถึงโลหิตที่แผ่ซ่านจากในกายของเขา แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างชัดเจน สูงกว่าซูหมิงเล็กน้อย ดูท่าแล้วน่าจะอยู่ลำดับห้าขั้นรวมโลหิต ทว่ามันเป็นเพียงเส้นเลือดเท่านั้น ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มีศาสตราวุธหมาน จึงแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
“ตายแล้วค่อยพบกันใหม่” ชายหนุ่มอยู่ห่างจากซูหมิงเจ็ดร้อยกว่าจั้ง นอกจากนี้ทั้งสองคนยังออกห่างเผ่ามังกรทมิฬไปเรื่อยๆ เพียงแต่คนที่ไล่ล่าซูหมิง มีเพียงชายหนุ่มคนเดียวเท่านั้น
ความรู้สึกถึงภัยอันตรายจากหอกยาวที่มีไอดำหมุนวนเป็นเกลียวเกิดขึ้นในใจของซูหมิงอย่างรุนแรง นัยน์ตาของชายหนุ่มฉายแววจิตสังหาร
พลันชี้มือขวาไปทางซูหมิง ก่อนหอกยาวพุ่งตรงเข้าใส่พร้อมเสียงแหลมแสบหู
แสงสีทองตรงปลายหอกขยับวูบวาบ ราวกับทะลวงอากาศ ยากจะจินตนาการได้ถึงความเร็วของมัน พริบตาเดียวก็ห่างจากซูหมิงไม่ถึงสามร้อยจั้ง
“ศาสตราวุธหมาน!” ซูหมิงหรี่ตาลง เขารู้จักเจ้าสิ่งนี้! เส้นเลือดสี่สิบเก้าเส้นในกายปรากฏขึ้นพร้อมกัน และโคจรอย่างรวดเร็ว ทำให้โลหิตในร่างของเขาระเบิดพลัง ทั้งความเร็วและความปราดเปรียวเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด แทบจะเป็นจังหวะเดียวกับที่หอกยาวพุ่งเข้ามา ซูหมิงพลันย่อตัวลง ลมพายุคลั่งโหมกระหน่ำ พร้อมกับหอกยาวพุ่งเฉียดยอดศีรษะห่างไปเพียงเจ็ดชุ่น แล้วปักลงบนพื้น ส่งเสียงดังสนั่น
การโจมตีครั้งนี้รุนแรงไม่ต่างจากครั้งแรกเลย
หากเปลี่ยนเป็นนักรบหมานลำดับสี่ธรรมดา เกรงว่ายากจะหลบได้
ทว่าสิ่งที่ซูหมิงชำนาญคือด้านความเร็วและปราดเปรียว เมื่อหลบได้แล้วจึงพุ่งทะยานต่อโดยไม่มองหอกยาวแม้แต่น้อย ทว่านัยน์ตากลับฉายแววเย็นชา
หอกยาวเล่มนั้น ซูหมิงไม่ต้องคิดเลยว่าจะเก็บมันไปดีหรือไม่ แม้ในตำราหนังสัตว์จะกล่าวไว้ว่า มีเพียงนักรบขั้นพลังชำระล้างเท่านั้นถึงมีสิทธิครอบครอง ต่ำว่าชำระล้างไม่มีทางทำได้ แต่ถึงกระนั้นอีกฝ่ายกลับโยนทิ้งขว้างเช่นนี้ แสดงให้เห็นว่าต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่นอน!
ท้องฟ้าในยามนี้ ห่างจากยามค่ำมืดไม่ไกลนัก…..
ไม่นาน ชายหนุ่มก็ทะยานมาถึงจุดที่หอกยาวปักเอาไว้ ในแววตาของเขาเย็นเยือก แค่นเสียงขึ้นจมูก ทว่ากลับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เป็นถึงบุตรชายของจ้าวเผ่ามังกรทมิฬ เขาซือคงแม้จะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเยาว์ ทว่าก็ไม่ธรรมดา มีพลังอยู่ในลำดับห้าขั้นรวมโลหิต ทั้งยังมีศาสตราวุธหมาน การจะสังหารนักรบลำดับสี่คนหนึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก
ทว่ายามนี้อีกฝ่ายกลับหลบได้ ทำให้ในใจของเขาเกิดความตื่นตัว พร้อมกับสังเกตเห็นถึงความรอบคอบของอีกฝ่ายด้วย
“น่าเสียดาย หากมันคิดจะชิงศาสตราวุธหมานของข้าจริงๆ ตอนนี้มันคงได้ระเบิดเป็นผุยผงไปแล้ว” ซือคงลังเลครู่หนึ่ง ไม่ทราบว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ดึงหอกยาวอย่างระมัดระวัง แล้วไล่ตามต่อทันที
ในป่าทึบ ซูหมิงวิ่งห้อราวกับสายลม ขยับวูบวาบรวดเร็วยิ่งขึ้น ทว่าซือคงที่อยู่ด้านหลังยังคงตามมาติดๆ อีกทั้งยังปาหอกเข้าใส่บ่อยครั้งราวกับไม่อยากให้ซูหมิงทิ้งห่าง รักษาระยะเอาไว้หลายร้อยจั้ง ตลอดจนเข้าไปในป่าลึก
ทว่าในความจริงแล้ว หากซูหมิงคิดหนีจริงๆ ด้วยความเร็วและความชำนาญในป่าของเขา มันไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแต่เขาไม่คิดหนีก็เท่านั้น นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้ศาสตราวุธหมาน อีกทั้งยังได้สัมผัสด้วยตนเอง นี่จึงยิ่งทำให้เขาอยากครอบครองศาสตราวุธหมานเข้าไปใหญ่!
ขณะห้อทะยาน ซูหมิงจับตาดูท้องฟ้าอยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นตะวันค่อยๆ ลาลับขอบฟ้า ดวงจันทร์เริ่มปรากฏ นัยน์ตาซูหมิงจึงฉายประกาย
“ศาสตราวุธหมานไม่ใช่ของธรรมดา ก่อนหน้านี้มันใช้ได้อย่างง่ายดายนัก ดูท่าจะต้องมีไพ่ตายอย่างแน่นอน แต่ถึงตอนนี้ยังตามข้าไม่ทันเสียที หากข้าเป็นมัน ข้าจะเพิ่มระดับความแข็งแกร่งของศาสตราวุธหมานให้มากขึ้น….แต่ดูจากท่าทางตื่นตัวของมันแล้ว ไพ่ตายที่ว่าคงต้องแลกกับอะไรบางอย่าง เพียงแต่ไม่รู้ว่าพลังที่แท้จริงของศาสตราวุธหมานเป็นเช่นไรกันแน่” ซูหมิงวิเคราะห์อยู่ในใจ
ขณะซือคงกำลังไล่ตาม เขาเริ่มเกิดความร้อนใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะปราดเปรียวเช่นนี้ ท้องฟ้าเริ่มมืดมิดและห่างจากเผ่ามาไกลมากแล้ว อีกทั้งเขายังแอบออกมาเพราะไม่อยากให้ใครรู้ หากกลับดึกก็ไม่รู้ว่าจะแก้ตัวอย่างไรดี เขาพลันกัดฟัน มือขวาจับอากาศ หอกยาวลอยเข้ามาอยู่ในกำมือของเขาเป็นครั้งแรก
ในขณะนั้นเอง ซูหมิงที่ทะยานอยู่เบื้องหน้าหลายร้อยจั้งพลันกล่าวขึ้น
“เจ้าตามล่าข้าแบบนี้ คงอยากให้ข้าตายจริงๆ! ระหว่างข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นส่วนตัว ในเมื่อคิดสังหารข้า ก็ช่วยให้เหตุผลแก่ข้าด้วย”
“ไม่ต้องพูดให้มากความ เจ้าบุกรุกเผ่ามังกรทมิฬ ไม่ใช่คนในเผ่าข้า ต้องสังหารทิ้งให้หมด! หากสังหารเจ้าแล้ว ต่อให้เผ่าเขาทมิฬมาสืบสวน ข้าก็จะบอกว่าเจ้าหาเรื่องใส่ตัวเอง!” ซือคงยิ้มเยาะ กำหอกในมือพร้อมกับทะยานไล่ตามมาติดๆ ความรู้สึกเย็นเยือกหลั่งไหลเข้าไปในมือของเขาผ่านหอกยาว
ซือคงมีสีหน้ามืดครึ้ม กำหอกในมือทำเสียงหึหึ ก่อนพลันชูขึ้น ป่าทึบโดยรอบราวกับมีเสียงร้องคำรามดังสนั่นขึ้นทันที ไอดำมหาศาลหลั่งไหลจากในหอกยาวก่อนหมุนวนขึ้นเป็นเกลียว ทำให้ยามนี้มันดูเหมือนกับมังกรทมิฬตัวหนึ่ง!
มังกรทมิฬตัวนั้นมีกรงเล็บจำนวนมาก ทั้งยังมีเครายาวแกว่งไกว ดูดุร้ายน่ากลัวยิ่งนัก!
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร วันนี้ เจ้าต้องตาย!” ซือคงแสยะยิ้ม ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าการสำแดงพลังจากหอกนี้สร้างภาระให้แก่เขาอย่างมาก เขาถือหอกยาว ขณะกำลังจะขว้างเข้าใส่ซูหมิง ซูหมิงพลันกล่าวขึ้น
“คงจะเป็นเพราะข้าช่วยไป๋หลิงใช่หรือไม่!”
ซือคงได้ยินชื่อดังกล่าว พลันหยุดชะงักเล็กน้อย ทว่าในขณะนั้น เขาเห็นอีกฝ่ายที่กำลังพุ่งทะยานด้วยความเร็วชะลอฝีเท้าลง ก่อนหยุดแล้วหันกลับมา ชูมือขวาขึ้นพลันโบกมาทางตน
ความรู้สึกถึงอันตรายปรากฏขึ้นในใจของซือคงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลง สีหน้าพลันเปลี่ยน ขณะกำลังจะขว้างหอกยาว ลำตัวกลับสั่นไหวราวกับมีคลื่นลมปะทะใบหน้า ทั้งยังมีแสงจ้าลานตา เขาเห็นว่าในดวงตาของซูหมิงมีเงาของจันทร์โลหิต
ยามนี้เงาจันทร์โลหิตกลายเป็นทั้งหมดในดวงตาของเขา รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว กระอักโลหิตมาหนึ่งกอง นัยน์ตาฉายแววสับสนและตื่นตระหนก ตัวสั่นเทา ก่อนศีรษะทิ่มลงบนพื้นหิมะ
หอกยาวมังกรทมิฬในมือของเขาค่อยๆ สลายไอดำจนหมดสิ้น กลายเป็นหอกธรรมดาเล่มหนึ่งตกอยู่บนพื้น
มีโลหิตสดไหลมาจากทั่วตัวของเขา ซึมไปบนพื้นหิมะ สังเกตได้ว่าบนตัวของเขามีเส้นสีเงินพันรอบเอาไว้หนึ่งเส้น หยั่งลึกเข้าไปในร่างกาย ราวกับว่าเพียงออกแรงอีกเล็กน้อยก็ทำให้ร่างแหลกเป็นเศษเนื้อได้
เขายังไม่ตาย เพียงแต่หมดสติไปเพราะความเจ็บปวดเท่านั้น
ซูหมิงหัวใจเต้นโครมคราม มองหอกยาวด้วยความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทักษะการใช้หอกเมื่อครู่นี้ทำให้ซูหมิงรู้สึกได้ถึงความเป็นความตาย
“การสังหาร ห้ามลังเลเด็ดขาด หากมีวิธีสังหารที่รวดเร็วที่สุดก็จงใช้มัน อย่าใช้มันเมื่อสายเกินไปแล้ว” ซูหมิงกล่าวพึมพำเบาๆ จารึกถึงข้อนี้ไว้ในหัวใจ
“มันมีศาสตราวุธหมาน การต่อสู้ครั้งนี้ ข้าชนะได้ถือว่าโชคดีมาก!”
ซูหมิงย่อตัวลงมองซือคงที่หมดสติ หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งก็พันแผลให้กับเขาเล็กน้อย ซูหมิงไม่อยากให้อีกฝ่ายตาย เพราะไม่อยากสร้างภาระให้กับเผ่าเขาทมิฬ ตามที่คาดการณ์เอาไว้ อีกไม่นานเขาน่าจะได้สติขึ้นมาแล้ว
ซูหมิงมองหอกยาวสีดำด้วยแววตาร้อนผ่าว หลังจากมองอย่างละเอียดแล้ว ก็พบกับว่าตัวหอกยาวมีหลายจุดที่มีหนามเล็กๆ หากไม่มองอย่างพินิจแล้วยากจะรับรู้ได้!
ซูหมิงมองอยู่นาน ก่อนกำส่วนที่ไม่มีหนามเพียงจุดเดียวบนตัวหอกยาวแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว