ตอนที่ 428 แค่เข้าใจผิดมันไม่พอ!
เด็กหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเป่ยเอ๋อร์ พอได้ยินนางกล่าวก็ยิ้มมุมปากชั่วร้าย กวาดสายตามองเด็กหนุ่มแขนขวาแห้งเหี่ยวด้วยความลำพองใจ
เด็กหนุ่มที่มากับพวกหลันหลันและมีแขนขวาแห้งเหี่ยวปานหนังหุ้มกระดูกผู้นี้ใบหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิมเล็กน้อย
“พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไร พวกข้าไม่ได้ล่วงเกินพวกเจ้า อีกทั้งสมุนไพรนี้พวกข้าก็ซื้อมันก่อน เป็นพวกเจ้าที่คิดจะแย่งไป! ระดับพลังพวกเจ้าก็สูงมาก รังแกเด็กสามคนเช่นนี้ไม่รู้สึกอายบ้างรึ!” หลันหลันมีสีหน้าโมโห ตอนนี้นางเองก็กลัวเช่นกัน ทว่าในสามคนนี้ สหายที่ชื่อฉี่ตงเงียบมาตลอดประดุจท่อนไม้ ส่วนอาหู่ในความคิดนางก็เป็นคนขี้ขลาดอ่อนแอ
ยามนี้กล่าวอย่างโมโห แม้ในใจนางกลัวมากเช่นกัน แต่พอนางเห็นใบหน้าขาวซีดของฉี่ตงแล้วจึงกัดฟัน!
“ผู้คุ้มกันพวกเราคือโม่ซู ผู้คุ้มกันเขาคือหนานกงเหิน หากเจ้าทำร้ายพวกข้า พวกเขาสองคนไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่!” เชมันระดับกลางใบหน้าไร้อารมณ์ข้างสตรีตรงหน้าเดินออกมาคนหนึ่ง แล้วเข้ามาใกล้พวกหลันหลัน นางจึงกล่าวเสียงดังเพื่อปกป้องฉี่ตงกับอาหู่ ขณะถอยหลังไป ใบหน้าเล็กซีดขาว ทว่าก็ยังคงเข้มแข็งยิ่ง
“หนานกงเหิน…” สตรีที่หมุนตัวหันไปมองของอื่นๆ พอได้ยินชื่อหนานกงเหินแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“เห็นแก่หน้าหนานกงเหิน หักขาคนละข้างก็พอ ส่วนเด็กสาวคนนี้ปากดีนัก ตัดลิ้นนางเสีย”
“รับทราบ ฮูหยิน” เชมันระดับกลางที่เดินมาทางพวกหลันหลันเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างซูบผอม ยานนี้หันกลับไปคารวะสตรีผู้นั้นครั้งหนึ่ง เมื่อกล่าวรับด้วยความนอบน้อมแล้วก็หมุนตัวเดินไปทางพวกหลันหลันด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
ภายใต้แรงกดดันของเชมันระดับกลาง หลันหลันตัวสั่นเทา นัยน์ตาอาหู่เต็มไปด้วยความตื่นกลัว ส่วนฉี่ตงก้มหน้าด้วยความขมขื่น สามคนนี้ไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้ สำหรับเด็กสามคนแล้ว แรงกดดันนี้ปานอำนาจสวรรค์
“ฉี่เป่ย ฮูหยินใหญ่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเขาสองคน พวกเราแค่เดินทางมาเมืองเชมันด้วยกัน เรื่องของข้าไม่เกี่ยวกับพวกเขา หากจะลงโทษจริงๆ ก็ให้ตัดขาทั้งสองข้างของข้ากับมือหนึ่งข้าง ข้าขอรับแทนเอง” ยามนี้เด็กหนุ่มแขนขวาแห้งเหี่ยวเงยหน้าขึ้นด้วยความเจ็บปวดใจ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าไปหลายก้าว
หญิงนางนั้นไม่สนใจคำพูดของเด็กหนุ่มแม้แต่น้อย นางหยิบปิ่นไม้ปักผมสีดำจากในร้านขึ้นมาก้มมองราวกับไม่ได้ยิน เด็กหนุ่มข้างกายก็ยิ้มเยาะกวาดสายตามองฉี่ตง เผยความลำพองใจและเหยียดหยามทางสีหน้าอย่างชัดเจน
ชายวัยกลางคนเชมันระดับกลางที่กำลังเดินมาทางพวกหลันหลันไม่หยุดแม้แต่น้อย เมื่อเข้ามาใกล้ ไอหนาวที่แผ่จากตัวเขาทำให้พวกหลันหลันสิ้นหวัง
ฉี่ตงตาแดงก่ำ ตะโกนเสียงดัง ช่วงที่เขาถอยไปก็ใช้ร่างกายกระแทกหลันหลันและอาหู่ให้ถอยออกจากประตูใหญ่ของร้าน
“พวกเจ้าหนีไปเร็ว! อาหู่ พาหลันหลันวิ่งหนีไป!”
หลันหลันลังเลครู่หนึ่ง อาหู่ข้างๆ คว้ามือนางเอาไว้ แล้ววิ่งออกจากประตูใหญ่อย่างร้อนรน ทว่าเขากับหลันหลันเพิ่งวิ่งมาถึงประตูใหญ่ ก็พลันมีพายุถาโถมใส่ตรงหน้าพวกเขา ทำให้หลันหลันกับอาหู่ตัวสั่นและกระเด็นถอยไปทันใด ขณะถอยหลังต่างกระอักโลหิตประหนึ่งชนกับกำแพง
“ผู้คุ้มกันของพวกข้าคือโม่ซู เขาไม่ปล่อยเจ้าแน่!” หลันหลันเช็ดคราบเลือด จ้องเชมันระดับกลางเขม็ง อาหู่ข้างกายสูดลมหายใจเข้าลึก แม้ใบหน้าขาวซีด รู้สึกเจ็บตรงหน้าอกอย่างรุนแรง แต่กลับยืนตรงหน้าหลันหลัน สีหน้าแน่วแน่ปานภูเขา
ฉี่ตงฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว มองหลันหลันกับอาหู่ด้วยสีหน้าขอโทษอย่างสุดซึ้ง เขานึกเสียใจภายหลังยิ่งนัก ตนไม่ควรออกมาเลย ตนบาดเจ็บไม่เป็นไร ทว่าไปลากคนอื่นมาเดือดร้อนด้วยเช่นนี้ มันไม่ใช่เจตนาเดิมของเขา
เชมันระดับกลางยิ้มเยาะ ไม่มีความรู้สึกว่ามีฐานะเป็นเชมันระดับสูงแม้แต่น้อย ลงมืออย่างเหี้ยมโหดกับเด็กสามคนที่ไม่มีทางสู้
“โม่ซู ข้าไม่เคยได้ยินชื่อในหมู่เชมันระดับกลางมาก่อน ข้าชักอยากเห็นแล้วว่าคนผู้นี้จะไม่ปล่อยข้าไปอย่างไร” ชายวัยกลางคนเชมันระดับกลางเดินมาหนึ่งก้าว กระโดดข้ามฉี่ตงไป แล้วสะบัดแขนเสื้อใส่อาหู่จนกระเด็นไปด้านข้าง ก่อนเดินมาอยู่ตรงหน้าหลันหลันผู้มีใบหน้าซีดขาวและสิ้นหวัง
ขณะยิ้มเยาะ ชายวัยกลางคนพลันยกมือขวาขึ้นกดไปทางขาขวาหลันหลัน เมื่อกดนิ้วลง ขาขวาของเด็กสาวจะแหลกละเอียดทันใด จากนี้ไปจะกลายเป็นคนพิการ
อาหู่ด้านข้างเหมือนคลุ้มคลั่ง พุ่งเข้ามาพร้อมกับร้องตะโกนอย่างดุดัน ส่วนฉี่ตงยามนี้เจ็บปวดในใจ พุ่งตามเข้ามาอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
ทว่าเด็กสองคนนี้แม้แต่เชมันระดับต้นยังเทียบไม่ติด จะไปสู้กับเชมันระดับกลางได้อย่างไร อีกทั้งต่อให้พุ่งเข้าไป ก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี
มือขวาเชมันระดับกลางเร็วปานสายฟ้า พุ่งตรงไปยังขาขวาของหลันหลันที่กำลังสิ้นหวัง ราวกับว่ายามนี้ไม่มีสิ่งใดเร็วเท่ามือเขา
ทว่ามันก็แค่ราวกับว่าเท่านั้น มีคนที่เร็วพอจะหยุดมือขวานั้นได้จริงๆ วินาทีที่นิ้วชี้มือขวาของเชมันระดับกลางห่างจากขาขวาหลันหลันเพียงสามชุ่น มีน้ำเสียงเย็นเยือกลอยเข้ามาจากท้องฟ้านอกร้าน
“เจ้าบังอาจ!”
เสียงนั้นดังก้อง ฟังครั้งแรกยังอยู่ไกลๆ แต่เมื่อตั้งใจฟังดีๆ จะเหมือนอยู่ข้างหู ขณะเดียวกับที่เชมันระดับกลางได้ยินเสียงนี้ นิ้วชี้เขาพลันถูกมือขวาที่ปรากฏขึ้นกะทันหันจากด้านข้างจับเอาไว้!
มือนั้นเย็นเยือก ชายแขนเสื้อเป็นสีดำ หลังจากมันปรากฏ ข้างกายเชมันระดับกลางมีบุรุษสวมเสื้อคลุมดำทั้งตัวและสวมหน้ากากปรากฏกายขึ้นอย่างชัดเจน
“เจ้าอยากรู้ไม่ใช่หรือว่าข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างไร ข้าจะให้เจ้าดู!” บุรุษสวมหน้ากากก็คือซูหมิง ตั้งแต่กล่าวคำจนถึงปรากฏตัวเป็นเพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ยามนี้เขาจับนิ้วชี้ชายวัยกลางคนเอาไว้ อีกฝ่ายจึงหน้าเปลี่ยนสี
ทว่าทันใดนั้น ซูหมิงบีบมือขวาที่จับนิ้วของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างแรงจนเกิดเสียงดังกรุบๆ เชมันระดับกลางร้องตกใจ ใบหน้าพลันซีดขาว นิ้วชี้มือขวาถูกบีบจนละเอียด
เขาตื่นตะลึงในใจ คิดจะถอยหนีโดยสัญชาตญาณ แต่ยังถอยไปไม่ถึงสองก้าว โลหิตก็พุ่งฉีดมาจากรอยฉีกนิ้วมือเขาในมือซูหมิง แววตาภายใต้หน้ากากขยับประกายลุ่มลึก ก่อนยกมือขวาขึ้นสะบัดแขนเสื้อไปทางเชมันระดับกลาง
การสะบัดครั้งนี้ทำให้เกิดพายุคลั่งที่รุนแรงกว่าตอนอีกฝ่ายลงมือกับหลันหลันและอาหู่ยิ่งนัก มันก่อตัวเป็นพายุหมุนม้วนตัวอีกฝ่าย ในเวลาเดียวกัน ตรงระหว่างคิ้วซูหมิงขยับแสงสีดำ กระบี่เล็กแสงดำส่งเสียงร้องคมกริบก่อนทะลวงผ่านพายุหมุน แสงดำขยับวิบวับท่ามกลางโลหิตสาดกระจาย
เมื่อพายุหมุนหายไป เชมันระดับกลางเบิกตากว้างอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ ตรงระหว่างคิ้วมีรอยแผลเหวอะหวะ ถูกทะลวงผ่านหัวกะโหลก ร่างเขาล้มลงกับพื้น ชักกระตุกหลายทีก่อนสิ้นใจลง
ตั้งแต่ซูหมิงปรากฏจนเชมันระดับกลางตายลง เรื่องราวเหล่านั้นเป็นเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ เร็วจนคนตั้งตัวไม่ทัน
หญิงที่กำลังถือปิ่นปักผมสีดำและก้มหน้ามองอยู่พลันหันหน้ากลับมามอง แววตาปานสายฟ้า จ้องซูหมิงด้วยสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง
เด็กหนุ่มข้างกายใบหน้าซีดขาวทันใด ในความรู้สึกเขา เวลาไม่กี่ลมหายใจเมื่อครู่นี้เป็นเพียงชั่วพริบตาเดียว ทว่าก่อนและหลังชั่วพริบตานั้นราวกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน มีเสียงระเบิดดังในความคิดเขา ทุกอย่างขาวโพลน ยืนเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น
เชมันระดับกลางสองคนข้างสตรีนางนั้น เดิมทีมีใบหน้าไร้อารมณ์ แต่ยามนี้พลันหน้าเปลี่ยนสี สายตาที่มองซูหมิงดูหวาดกลัว พวกเขาย่อมรู้ดีว่าการจะสังหารเชมันระดับเดียวกันคงไม่ง่ายเช่นนี้แน่ อย่างเช่นชายวัยกลางคนเชมันระดับกลางคนนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลนี้ก็อ่อนแอเสียจนรับไม่ไหวแม้กระบวนท่าเดียว
พอเห็นซูหมิงมาแล้วหลันหลันก็อึ้งงันไปชั่วครู่
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเห็นซูหมิงลงมือ ทว่าลงมือเพียงครั้งเดียวกลับสังหารคนที่ทำให้นางสิ้นหวังในชั่วพริบตา ระดับพลังนี้ พลังชั่วร้ายเช่นนี้ ทำให้ความสงสัยทุกอย่างในตัวซูหมิงหายไปจากความคิดนางจนหมด
ขณะเดียวกัน เมื่อเห็นซูหมิงแล้วนางยังเหมือนเด็กน้อยถูกรังแก เมื่อมีผู้ใหญ่มาช่วย นางเลยรู้สึกอัดอั้นตันใจและมีที่พึ่งพา
“ผู้อาวุโส…” รอบดวงตาหลันหลันเป็นสีแดง น้ำเสียงเหมือนจะร้องไห้
“ผู้อาวุโส!” อาหู่ข้างกายมีสีหน้าฮึกเหิม ค้อมตัวต่ำประสานมือคารวะซูหมิง
แม้แต่ฉี่ตงยังรีบมาอยู่ข้างซูหมิงอย่างตื่นเต้น คนเย็นชาอย่างเขาเหมือนไม่รู้ว่าจะแสดงความในใจอย่างไร จึงคุกเข่าโขกศีรษะให้ซูหมิงหลายที
“ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน ข้าเป็นชาวเผ่าแดนบูรพา เผ่าแดนบูรพาของข้าชอบผูกมิตรกับผู้แข็งแกร่งแต่ละชนเผ่าเชมันเสมอ ท่านมีคนรู้จักในเผ่าแดนบูรพาหรือไม่?” สตรีนางนั้นมีสีหน้าเคร่งขรึม จ้องซูหมิงอยู่พักหนึ่ง จากนั้นพลันเผยรอยยิ้มบางนุ่มนวล
แม้นางอายุไม่น้อยแล้วแต่ยังมีเสน่ห์ ยามนี้เมื่อยิ้มจึงดูงดงามยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อเสน่ห์ของนางไม่ได้สร้างขึ้นแม้แต่น้อย แต่ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ จุดนี้ต่างกับจีฮูหยิน เป็นสองรสชาติที่ต่างกัน
“เป็นเพราะบุตรชายของข้าชอบสมุนไพรต้นนี้ เลยเกิดการกระทบกระทั่งกับเด็กสามคนนี้เล็กน้อย ไม่ว่าใครจะถูกจะผิด ท่านก็ลงโทษองครักษ์ข้าไปแล้ว เรื่องนี้เข้าใจผิดกัน เช่นนั้นก็ปล่อยไปได้หรือไม่?” นางม้วนเส้นผม กล่าวเสียงนุ่มนวล
“ไม่ใช่แบบนั้น พวกเขาทำเกินไป พวกเราซื้อสมุนไพรต้นนี้แล้ว แต่พวกเขาจะหักขาพวกข้า ข้า….” หลันหลันที่อยู่ข้างๆ รีบกล่าว
“เอาละ!” แววตาซูหมิงสงบนิ่ง เอ่ยขัดคำพูดของหลันหลัน เด็กสาวจึงเงียบอย่างว่าง่าย
“ไม่ว่าใครจะถูกจะผิด แต่มาทำร้ายคนของข้า แค่เข้าใจผิดมันไม่พอ! เจ้าจะหักขาคนของพวกเจ้าทุกคนเอง หรือว่าจะให้ข้าจัดการให้” ซูหมิงกล่าวอย่างเย็นชา นี่คือกฎยอดเขาลำดับเก้า และก็เป็นกฎของซูหมิงเช่นกัน