ตอนที่ 446 แสงพิลึก
“หินนี้ไม่เลวเลย เจ้าดูลายมันสิ ลายขวางแบบนี้ ข้าคิดว่าในหินจะต้องมีของวิเศษอย่างแน่นอน ข้าเคยวิเคราะห์เอาว่าลายตั้งส่วนใหญ่จะเป็นสมุนไพร มีเพียงลายขวางที่เป็นของวิเศษ!”
“แสงจากหินก้อนนี้เด่นชัดที่สุด ด้วยประสบการณ์หลายปีของข้า ในหินนี้มีโอกาสเจ็ดส่วนที่จะมีของอยู่!”
เมื่อซูหมิงเข้ามาใกล้ ข้างหูก็ได้ยินเสียงสนทนาดังขึ้นระงม เขากวาดตามองหินเหล่านั้นไม่หยุดและเดินเข้าไปใกล้ๆ ทว่าหินหนึ่งร้อยกว่าก้อนที่เดินผ่านล้วนไม่มีกลิ่นหอมสมุนไพรใดๆ คนเล็กสีดำในถุงเก็บวัตถุก็นิ่งเงียบ
ซูหมิงมีสีหน้าปกติและเดินต่อไป เมื่อเวลาเคลื่อนผ่าน หลังจากซูหมิงเดินผ่านหินห้าร้อยกว่าก้อนแล้ว ก็ยังคงไม่ได้กลิ่นหอมสมุนไพร คนเล็กสีดำก็ยังสงบเหมือนเดิม
‘หรือว่าคนเล็กสีดำจะสัมผัสได้เพียงใบมังกร?’ ซูหมิงขมวดคิ้ว หลังเดินผ่านหินสีแดงอีกหนึ่งร้อยกว่าก้อน เขาพลันหยุดชะงัก แม้บอกว่าไม่ได้กลิ่นหอมสมุนไพรใดๆ ทว่าคนเล็กสีดำในถุงเก็บวัตถุกลับตัวสั่นอย่างรุนแรง
หลังจากตัวสั่น ตรงระหว่างคิ้วมันมีภาพขยับวูบวาบขึ้นอย่างรวดเร็ว
ซูหมิงเพ่งมองหินสีแดงขนาดสูงกว่าคนตรงหน้า นอกจากขนาดแล้ว หินก้อนนี้ไม่ต่างอะไรจากก้อนอื่น แต่เมื่อเขาเดินเข้าใกล้จนมาอยู่ข้างหินสีแดงก้อนนั้น คนเล็กสีดำในถุงเก็บวัตถุตัวสั่นรุนแรงยิ่งขึ้น จากนั้นตรงระหว่างคิ้วจึงรวมขึ้นเป็นภาพสัญลักษณ์วิบวับ
มันเป็นดอกสีดำดอกหนึ่ง มีกลีบดอกเพียงสาม ทุกกลีบดอกล้วนมีใบหน้าปีศาจร้าย เพียงแต่ยามนี้กลีบสามใบนั้นเหี่ยวเฉาไปแล้ว ทว่าตรงส่วนรากยังมีพลังชีวิตอยู่เล็กน้อย
นัยน์ตาซูหมิงวูบไหวเล็กน้อย จดจำหมายเลขของหินนี้เอาไว้…หกร้อยเก้าสิบเจ็ด
เขาไม่แสดงอารมณ์ทางสีหน้า ไม่ได้หยุดอยู่ข้างหินแดงนานนัก และตรงไปยังหินก้อนถัดไป จนกระทั่งดูครบหนึ่งพันก้อน ใบหน้าใต้หน้ากากของซูหมิงเผยรอยยิ้มเฝื่อน
‘ดูแล้วคนเล็กสีดำคงจะรู้สึกถึงเพียงสมุนไพร ถ้าไม่อย่างนั้นในหนึ่งพันก้อนนี้ เหตุใดสามครั้งที่ทำให้มันฮึกเหิมถึงเป็นสมุนไพรทั้งหมด ทว่าแบบนี้ก็ดี หนึ่งในสามก้อนนั้นมีผึ้งพิษสีม่วงอยู่…’
ซูหมิงเพ่งมองหินหมายเลขเก้าร้อยสี่สิบเก้า หินก้อนนี้ไม่ใหญ่ ขนาดเพียงครึ่งตัวคน สมุนไพรในนั้นเดิมทีกลายเป็นหินแล้ว แต่ซูหมิงเห็นว่าตรงเกสรดอกไม้มีผึ้งพิษสีม่วงอยู่ตัวหนึ่ง!
ผึ้งพิษตัวนี้แน่นิ่งปานหลับใหล ในตัวมันยังมีพลังชีวิตอยู่ แม้จะเบาบาง ทว่าขอแค่มีเสี้ยวพลังชีวิต นั่นก็หมายความว่ามันยังไม่ตาย!
หลังจากซูหมิงบินกลับมา ผ่านไปอีกครู่หนึ่งก็เริ่มมีคนทยอยกลับ ทุกคนต่างมีความคิดของตน มองหินสีแดงฉานบนท้องฟ้า
“ได้เวลาแล้ว ขอให้ทุกท่านถอยไปด้วย จะเริ่มประมูลหินสีแดงหนึ่งร้อยก้อนก่อน เมื่อจบแล้วค่อยประมูลต่อ!” พักหนึ่ง เงาขมุกขมัวของชายชราแห่งวิหารเทพเชมันที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในวิหารใหญ่ก็กล่าวขึ้นช้าๆ น้ำเสียงนี้ก้องปานสายฟ้า สั่นสะเทือนอากาศ ผู้คนที่ล้อมหินสีแดงอยู่ล้วนหน้าเปลี่ยนสี ต้องจำใจกลับไปยังผืนดิน
“หินสีแดงหมายเลขหนึ่ง ตามขนาดของมันแล้ว เปิดประมูลที่หนึ่งแสนผลึกเชมัน เคาะประมูลทุกครั้งต้องไม่ต่ำกว่าสองหมื่น เริ่มได้!” เงาขมุกขมัวของชายชรากล่าวเรียบๆ
หินแดงที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหล่านั้น สำหรับคนที่เคยตรวจสอบมาแล้ว ย่อมจำหมายเลขของหินได้อย่างแม่นยำยิ่ง
หินสีแดงหมายเลขหนึ่งเป็นหินใหญ่สูงสามจั้ง ภายนอกไม่มีอะไรพิเศษ ที่ต่างไปเล็กน้อยคือลายของมันเป็นแนวขวางไม่ใช่แนวตั้ง
“หนึ่งแสนสองหมื่น!” ชายชรากล่าวจบ พลันมีคนตะโกนขึ้นมาจากกลุ่มคน งานพนันสมบัติครั้งใหญ่ของวิหารเทพเชมันครั้งนี้ แม้มีคนเข้าร่วมเยอะ กลับมีคนเคาะประมูลส่งเดชน้อยมาก เพราะหากซื้อมันไม่ไหวจริงๆ นั่นคือการทำให้วิหารเทพเชมันขายหน้า และยังทำให้ชาวเผ่าเชมันทุกคนที่นี่กลายเป็นตัวตลก คนแบบนั้นจะไม่มีชีวิตรอดออกจากโลกเก้าหยิน!
“หนึ่งแสนแปดหมื่น!”
“สองแสนหกหมื่น!”
“สามแสนสองหมื่น!”
“สี่แสน!” ราคาทะยานขึ้น เห็นได้ชัดว่าคนที่สังเกตเห็นว่าหินก้อนที่หนึ่งต่างจากก้อนอื่นๆ มีไม่น้อย ซูหมิงนั่งมองหินก้อนที่หนึ่ง เขารู้เพียงว่าในนั้นไม่น่าจะมีสมุนไพร ทว่าจะมีของอื่นๆ หรือไม่นั้นก็คงได้แต่คาดเดา
“นี่คือหินลายขวาง มันหายากมาก อีกทั้งข้ายังจำได้ว่าหลายครั้งก่อนสมบัติส่วนใหญ่จะอยู่ในนั้น…” หนานกงเหินพึมพำเบาๆ นัยน์ตาเป็นประกาย
“ห้าแสน!” หลังจากหนานกงเหินตะโกนราคานี้ออกไป ซูหมิงได้แต่ฝืนยิ้มพลางส่ายศีรษะ ตอนนี้ในตัวเขามีผลึกเชมันหนึ่งแสนกว่าๆ เทียบกับคนเหล่านี้แล้ว ช่างน่าอับอายจริงๆ
แต่ในเมื่อเขาตั้งใจว่าจะมา ย่อมมีการเตรียมตัวอยู่บ้าง งานประมูลครั้งนี้สามารถใช้สิ่งของมาแลกเป็นผลึกเชมันเพื่อป้องกันที่เหตุการณ์ผลึกเชมันไม่พอ อีกทั้งไม่ได้มีเพียงวิหารเทพเชมันฝ่ายเดียวที่จะรับซื้อ มีเผ่าใหญ่อีกไม่น้อยที่จะใช้โอกาสนี้ซื้อมันไป
เมื่อหนานกงเหินตะโกนราคาห้าแสน แม้โดยรอบยังมีเสียงสนทนาอยู่ ทว่ากลับไม่มีใครกล้าประมูลต่อ ชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดวิหารใหญ่มองหนานกงเหินแวบหนึ่ง แต่ไม่ประกาศว่าเป็นของผู้ใด เพียงกล่าวประมูลหินสีแดงก้อนที่สองต่อช้าๆ
จุดนี้ทำให้ซูหมิงประหลาดใจยิ่งนัก เขาเคยเข้าร่วมงานประมูลของสำนักทะเลตะวันออกนอกสำนักเหมันต์สวรรค์ งานประมูลของสำนักทะเลตะวันออกงดงามอย่างยิ่ง ทว่าเทียบกับของเผ่าเชมันแล้ว งานประมูลที่นี่ตรงไปตรงมายิ่งกว่า อีกทั้งยังยิ่งใหญ่กว่า!
กระทั่งรูปแบบยังต่างกันคนละเรื่อง งานประมูลของสำนักทะเลตะวันออกจะเน้นแนะนำ ใช้การมอมเมาเป็นหลัก ทว่าของเผ่าเชมันนี้กลับตรงไปตรงมา ชอบก็ซื้อ ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อ
ทว่ายิ่งเป็นแบบนี้ ผลลัพธ์กลับดีขึ้น กระทั่งซูหมิงยังรู้สึกว่าชาวเผ่าเชมันโดยรอบส่วนใหญ่มีท่าทีเหมือนจะแก่งแย่งกัน….
แต่พอนึกถึงคำพูดของอูตัวที่ว่า วิหารเทพเชมันถูกบีบจนต้องจำใจยอม ถึงได้มีงานพนันสมบัติเช่นนี้ เขาก็พอเข้าใจได้
การประมูลผ่านไปอย่างรวดเร็ว หินหนึ่งร้อยก้อนแรก นอกจากห้าแสนของหนานกงเหินแล้ว ส่วนใหญ่มีคนซื้อไปในราคาแสนกว่าไม่ก็หลายแสน
หลังจากงานประมูลหนึ่งร้อยก้อนแรกจบลง สิ่งที่ซูหมิงสนใจคือการตัดหิน เขาอยากรู้ว่าจะตัดหินสีแดงนี้อย่างไร
หนานกงเหินบินขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับเก้าสิบเก้าคนที่เหลือ ก่อนแยกกันบินไปข้างของวิเศษลักษณะวงแสงหนึ่งร้อยวง จากนั้นหินแดงหนึ่งร้อยก้อนแรกก็ลอยลงมาเอง และตรงมายังหนึ่งร้อยคนนี้ ไม่รู้ว่าใช้วิธีแบบใด หินเหล่านั้นถึงบินมาอยู่ตรงหน้าทุกคนตามอันดับรายชื่อได้
ซูหมิงเห็นดังนั้นจึงพอเข้าใจบ้างแล้ว ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะของวิเศษเหล่านั้นมีหมายเลขอยู่เช่นกัน คนที่ยืนอยู่ตรงหมายเลขหนึ่งคือหนานกงเหิน ฉะนั้นหินหมายเลขหนึ่งจึงไม่ได้บินไปทางเขา แต่บินไปหาของวิเศษหมายเลขเดียวกันต่างหาก
หลังจากหนึ่งร้อยคนยืนข้างของวิเศษและหินแดงบินเข้ามาแล้ว ร้อยคนนั้นล้วนมีสีหน้าต่างกัน ทว่าส่วนใหญ่แล้วค่อนข้างตื่นเต้น ทั้งยังเฝ้ารอคอย
เทียบกับพวกเขาแล้ว กลุ่มชาวเผ่าเชมันข้างล่างกลับตื่นเต้นยิ่งกว่า แต่ละคนพากันมองขึ้นไป เสียงสนทนาดังระงมไม่หยุด
ซูหมิงเพ่งมองขึ้นไป ข้างหูมีเสียงดังเกรียวกราวไม่หยุดหย่อน เขาเห็นหนานกงเหินเหมือนสูดลมหายใจเข้าลึก และใช้มือขวาคว้าอากาศไปทางหินสีแดง ทันใดนั้นหินจึงค่อยๆ ลอยเข้ามา ช่วงที่เข้าใกล้ของวิเศษลักษณะวงแสง ของวิเศษนั้นพลันส่งเสียงดังหึ่งๆ แล้วขยายใหญ่ขึ้น หลังจากโอบล้อมหินแดงแล้วก็หมุนอย่างรวดเร็ว
จากการหมุนโคจร มีเศษหินจำนวนมากร่วงหล่นลง นัยน์ตาซูหมิงวาววับ จ้องของวิเศษเหล่านั้น พวกมันหมุนเร็วอย่างยิ่งจนทำให้หินสีแดงเล็กลงเรื่อยๆ
‘นี่คือของวิเศษสำหรับการตัดหินสีแดงโดยเฉพาะ…’ ขณะซูหมิงกำลังมองอยู่ ก็เห็นหนานกงเหินยกมือขวาขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วชี้ไปยังของวิเศษ จากนั้นพลันมีเสียงดังซ่าๆ ของวิเศษค่อยๆ หยุดหมุน ยามนี้หินแดงเล็กลงมากกว่าครึ่ง หนานกงเหินมองอยู่พักหนึ่งด้วยความตื่นเต้น แล้วจึงชี้ไปยังของวิเศษอีกครั้ง
ของวิเศษเปล่งแสงในทันใด ปรากฏเป็นหนามแหลมแทงเข้าไปยังหินแดงพร้อมกับเสียงอื้ออึง!
หลังจากทำอยู่หลายครั้ง หนานกงเหินก็ถอนหายใจ ยามนี้ภาพดังกล่าวอยู่ในสายตาของกลุ่มคน เสียงสนทนาดังขึ้นอีกครั้ง
“ซื้อมาห้าแสน ดูท่าคงจะไม่มีอะไร…..”
“ไม่ผิด ตอนตัดก่อนหน้านี้ก็ไม่มีแสงพิลึกปรากฏ ดูก็รู้แล้วว่าหินสีแดงก้อนนี้ไม่บริสุทธิ์…”
“มีแสงพิลึกก็ไร้ประโยชน์ ส่วนใหญ่ที่ปรากฏแสงประหลาดก็เจอแบบที่กลายเป็นหินหมดแล้ว ไอ้ที่มีประโยชน์จริงๆ น้อยมาก”
“ช่างเถอะ ทำลายเลยเสียดีกว่า นี่มันหินขยะ!”
หนานกงเหินไม่ยอม เขาจ้องหินก้อนนั้นเขม็ง ก่อนกัดฟันยกมือขวาขึ้นชี้ของวิเศษอีกครั้ง ของวิเศษพลันทะลวงเข้าไปในหิน และทำต่อเนื่องอีกหลายจุด ทว่าทันใดนั้น ช่วงที่ทิ่มแทงครั้งสุดท้ายมีแสงสีแดงเด่นชัดขยับวูบวาบออกมาจากรูเล็กๆ ที่ถูกทะลวง แสงสีแดงนี้ทำให้ทุกคนด้านล่างร้องด้วยความตกใจ
ซูหมิงยิ่งเพ่งสมาธิมองไป ข้างหูได้ยินเสียงร้องตะลึงดังขึ้นรอบด้าน
“แสงพิลึก! ปรากฏแสงพิลึกแล้ว!”
“มีแค่สัมผัสโดนของในหินสีแดงเท่านั้นถึงจะปรากฏแสงพิลึกเช่นนี้!”
หนานกงเหินมีสีหน้าฮึกเหิม ขณะกำลังจะเจาะต่อไป พลันมีเสียงดังมาจากหนึ่งในแปดวิหารใหญ่รอบทิศ
“หนานกงเหิน ขายหินนี้ให้ข้าเถอะ ข้าให้แปดแสนผลึกเชมัน!”
หนานกงเหินลังเลครู่หนึ่ง ดวงตาแดงเล็กน้อยยามจ้องแสงพิลึกจากหินสีแดง เขาไม่กล่าวอะไร เพียงแค่ยกมือขวาขึ้นชี้อีกครั้ง วงแสงพลันหมุนวนอย่างรวดเร็ว หินสีแดงเล็กลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายวงแสงก็หยุดนิ่งลง สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าหนานกงเหินคือก้อนหินโปร่งใสขนาดเท่ากำปั้นมือหนึ่งก้อน!
ในหินก้อนนี้ไม่มีอะไร…เพียงแต่บนตัวหินมีมุมหนึ่งเป็นรอยร้าว มีรอยถูกทะลวงหนึ่งเส้น
หนานกงเหินอึ้งงัน สีหน้าอารมณ์แปรเปลี่ยน สุดท้ายก็กลายเป็นยิ้มขมขื่น
“เดิมทีในหินนี้มีของอยู่ ทว่าเวลาผ่านไป บวกกับเจ้าใช้วิธีตัดหินไม่ถูกต้อง จึงทำให้มันเสื่อมโทรมลง น่าเสียดาย น่าเสียดาย!” ชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนวิหารใหญ่กล่าวเนิบนาบ