ตอนที่ 486 เผ่าชะตาชีวิต 2
ช่วงที่เสียงโครมครามดังกังวานค่อยๆ หายไป เศษเสี้ยวเส้นหมอกกระจายไปรอบๆ ยามนี้ชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์หลายร้อยตัวเหลือเพียงไม่ถึงร้อย และกำลังแตกกระจายถอยไป
เลือดเนื้อจำนวนมากตกลงมาจากท้องฟ้า การโจมตีด้วยคันธนูมารจากเผ่าเชมันและการระเบิดพลังความตายครั้งนี้ กล่าวได้ว่าเป็นพลังเฮือกสุดท้ายของเผ่าเชมัน และก็เป็นพลังนี้เองที่ช่วยให้พวกเขายืนหยัดอยู่ที่นี่มาได้สิบห้าปี!
ทว่าราคาที่ต้องจ่ายก็มหาศาลเช่นกัน ทุกคันธนูมารจะใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ใช่เพราะว่าของวิเศษนี้ไร้ผล แต่เพราะไม่มีเชมันนักสู้คนใดสามารถง้างคันธนูติดต่อกันสองครั้งได้ในเวลาอันสั้น!
ทุกการง้างหนึ่งครั้ง ความจริงแล้วพวกเขาต้องจ่ายด้วยเส้นเอ็นที่ฉีกขาด จำต้องเข้ารักษาตัว ในฐานะผู้คุ้มครองหลัก พวกเขาจะมีบทบาทสำคัญในสงครามครั้งต่อไป
ส่วนการโจมตีด้วยการรวมพลังความตายจากแท่นบวงสรวงกระดูกสัตว์ พลังนี้จะให้คนสะสมไม่ได้ แต่ต้องใช้เวลาในการรวบรวม สิบห้าปีมานี้ หนานกงเหินสะสมได้พอที่จะระเบิดได้ห้าครั้งแล้ว
แทบทุกๆ สามปีถึงจะรวมออกมาได้หนึ่งครั้ง ตอนนี้แม้ยังเหลืออีกครั้งเดียว ทว่าอีกสามปีข้างหน้าก็นานเกินไป
“ส่งเครื่องเซ่นไหว้ไป…” หนานกงเหินก้มหน้าไม่อยากมอง เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่ง กำหมัดแน่น ผู้คนด้านหลังเขาก็มีสีหน้าเศร้าโศก และคุกเข่าข้างหนึ่งเช่นกัน
แทบจะทันทีที่พวกเขาคุกเข่าลง เผ่าเชมันทั้งหมดในหุบเขาล้วนเงียบงันและคุกเข่าลงอย่างเศร้าหมอง พวกเขาล้วนคุกเข่าคารวะให้กับชาวเผ่าเชมันยี่สิบคน
ชาวเผ่าเชมันยี่สิบคนนี้ล้วนเป็นชายชรา พวกเขาบินขึ้นอย่างช้าๆ มุ่งหน้าไปยังม่านแสง สีหน้าพวกเขามีรอยยิ้มน้อยๆ กับแววปลงอนิจจัง ปลงเรื่องชะตาชีวิตของตัวเอง และยิ้มยามมองชาวเผ่า
พวกเขายินยอมเป็นเครื่องเซ่นไหว้ เพราะรู้ว่าตนคงอยู่ได้อีกไม่นาน หากการตายของตนจะแลกมาซึ่งเวลาให้กับชาวเผ่าสักระยะหนึ่ง เช่นนั้นถึงตายมันก็คุ้มค่า
ขณะชาวเผ่าเชมันทั้งหมดคุกเข่าคารวะด้วยความเศร้าสลด ชายชรายี่สิบกว่าคนนี้ก็ทะลวงออกจากม่านแสงมาปรากฏอยู่นอกหุบเขา แล้วพุ่งไปยังเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์หนึ่งร้อยกว่าตัวที่ยังคงบินวนอยู่รอบๆ
เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นตรงเข้ามาพร้อมกับเสียงคำราม และเปิดฉากสังหาร การสังหารครั้งนี้ไม่มีการขัดขืน มีเพียงความตายที่โลหิตอาบชโลม
ชาวเผ่าเชมันทั้งหมดเห็นถึงตรงนี้ก็ล้วนเงียบงัน ความเศร้าโศกทวีมากขึ้น
จนกระทั่งชายชรายี่สิบกว่าคนถูกเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์หนึ่งร้อยกว่าตัวสังหารอย่างเหี้ยมโหดแล้ว ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้จึงบินไกลออกไป
หนานกงเหินเงยหน้ามอง นัยน์ตาเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย อยู่ที่นี่มาสิบห้าปี ต่อสู้กับเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์มาหลายครั้ง จึงรู้ดีว่าเผ่าในโลกเก้าหยินเผ่านี้ชอบการล่า พวกมันจึงมักอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่ หากสุดท้ายแล้วยังล่าไม่สำเร็จ พวกมันก็จะไม่ยอมแพ้ และจะมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ
ฉะนั้นหลังจากทำให้พวกมันตายไปบ้างแล้ว เผ่าเชมันก็ได้แต่ส่งเครื่องเซ่นไหว้ออกไปเพื่อเติมเต็มการล่าของเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ มีแค่แบบนี้เท่านั้นถึงจะแลกมาซึ่งความสงบสุขในช่วงเวลาหลายวันข้างหน้าได้
อีกทั้งหากส่งเครื่องเซ่นไหว้ไปเลยโดยไม่ต่อสู้ก็จะไม่มีประโยชน์ จำต้องให้ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ตายลงบ้าง ถึงจะตรงตามพิธีการล่าของเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์
จุดนี้ พวกหนานกงเหินที่อยู่มาสิบห้าปีล้วนเข้าใจ
“ถ้าพวกเราส่งชาวเผ่าไปเป็นเครื่องเซ่น…จะมีโอกาสชนะหกส่วน ทว่าราคาที่ต้องจ่ายมากเกินไปจริงๆ…” หญิงชราข้างหลังหนานกงเหินกล่าวเสียงเบา
“ยื้อวงแหวนอาคม มีคนตายไปหกสิบเจ็ดคน บวกกับยี่สิบคนที่ยอมเป็นเครื่องเซ่นไหว้ ครั้งนี้พวกเรามีคนตายแปดสิบเจ็ดคน”
“เชมันนักสู้ที่ง้างธนูมารก็ต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีถึงจะใช้ธนูได้อีกครั้ง ยารักษาก็มีไม่พอแล้ว ต้องจัดคนฝ่าอันตรายเข้าไปหายาในเมืองเชมันสักครั้ง…”
“พลังความตายจากแท่นบวงสรวงเหลือเพียงครั้งเดียว”
ผู้คนด้านหลังหนานกงเหินทยอยกันรายงานผลสงครามในครั้งนี้ พวกเขาค่อยๆ มีสีหน้าสับสน สิบห้าปีก่อนขณะเกิดภัยพิบัติร้ายแรง พวกเขาหนีไม่สำเร็จ และต้องอยู่ที่นี่รอกำลังเสริมจากเผ่าเชมัน ตอนนั้นพวกเขามีอยู่เกือบหมื่นคนได้
ในกลุ่มพวกเขามีเชมันระดับปลายอยู่หลายคน ทว่าจากการต่อสู้หลายครั้ง จำนวนก็ลดน้อยลงเรื่อยๆ สุดท้ายแตกกลุ่มกันครั้งหนึ่ง มีคนส่วนหนึ่งจากไป ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใดแล้ว
เพราะฐานะของเขา หนานกงเหินจึงค่อยๆ กลายเป็นผู้นำของที่นี่ มองชาวเผ่าตายไปหลายต่อหลายครั้ง จวบจนถึงตอนนี้ อนาคตยังสับสน ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด…
“บางทีคนข้างนอกอาจลืมพวกเราไปแล้ว…หรือบางทีภัยพิบัติแดนรกร้างบูรพาอาจจะเกิดขึ้นแล้ว โลกข้างนอกเกิดการแปรเปลี่ยนครั้งใหญ่ ไม่มีใครจำเราได้ว่าพวกเรายังอยู่ในโลกเก้าหยิน
บางทีชั่วชีวิตข้าคงจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้ คงต้องสู้จนตัวตาย…อนาคตอยู่ที่ใดกัน?” หนานกงเหินมีใบหน้าที่ผ่านโลกมามาก เขาถอนหายใจอยู่ในใจ เพียงแต่ขณะมองท้องฟ้าด้วยความสับสน ใบหน้ากลับเปลี่ยนสีในฉับพลัน
คนที่หน้าเปลี่ยนสีเช่นนั้นยังมีสิบกว่าคนด้านหลังเขา กระทั่งชาวเผ่าเชมันไม่น้อยในหุบเขา ยามนี้พากันมองท้องฟ้าด้วยความตื่นกลัว
หนานกงเหินเห็นกับตาว่าบนท้องฟ้าไกลออกไป มีหมอกดำที่ใหญ่กว่าเมฆดำก่อนหน้านี้หลายเท่ากำลังม้วนตรงเข้ามา ในหมอกนั้นปรากฏเงาค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ผลุบๆ โผล่ๆ ดูน่าขนลุกขนพองอย่างยิ่ง!
จำนวนของมันมีมากกว่าหนึ่งพันตัว!
ทิศทางของพวกมันก็คือหุบเขานี้!
“ข้าเห็นชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่มีเส้นม่วง…เยอะมาก เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลังจากสังหารพวกมันไปกลุ่มหนึ่งแล้ว อย่างน้อยต้องอีกครึ่งปีถึงจะกลับมาล่าอีกครั้ง!
ชาวเผ่าเส้นม่วงเยอะขนาดนี้ ข้างในจะต้องมีชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองอยู่แน่ๆ โอกาสชนะของพวกเราในครั้งนี้แทบเป็นศูนย์ ต่อให้ชาวเผ่าทั้งหมดยื้อโคจรวงแหวนอาคม ก็ยืนหยัดได้ไม่นาน!”
“ทุ่มกำลังทั้งหมดปกป้องวงแหวนอาคม เตรียมโจมตีด้วยพลังความตาย ให้เชมันนักสู้ตัวสำรองง้างคันธนูมาร แม้ต้องตายก็ต้องง้างธนู!”
“หากพวกมันแค่ผ่านทางมาก็ไม่เป็นไร หากไม่ใช่ จงบอกชาวเผ่าทั้งหมด…ช่วงเวลาตัดสินสงคราม ช่วงเวลาเป็นตายที่พวกเรารอมาสิบห้าปี ในที่สุดก็มาถึงแล้ว!” หนานกงเหินมีสีหน้าเคร่งขรึมพลางกล่าวเสียงเบา
หลังจากเขากล่าวจบ มีคนส่งข่าวออกไปทันใด บนวงแหวนอาคมในหุบเขา ตอนนี้ชาวเผ่าเชมันล้วนมีสายตาเด็ดเดี่ยว นั่งขัดสมาธิลงในนั้นเพื่อมอบพลังทั้งหมด
ภายในถ้ำต่างๆ ในหุบเขา ชาวเผ่าเชมันแต่ละคนยืนอยู่ตรงปากถ้ำอย่างเงียบๆ มองท้องฟ้าและปาดเหงื่อของตัวเอง ก่อนโคจรระดับพลังในร่างกายด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยวแน่วแน่!
เด็กน้อยที่เกิดมาในช่วงสิบห้าปีนี้ล้วนอยู่ในอ้อมกอดของมารดา มองไปข้างนอก มองบิดาของตัวเอง นัยน์ตาใสซื่อบริสุทธิ์ฉายแววหวาดกลัว ทว่าที่มากกว่าคือรู้ว่าต้องตายกันหมด
และยังมีชายชราอีกไม่น้อย พวกเขายืนอยู่นอกถ้ำพร้อมกัน ใบหน้าแก่ชราเต็มไปด้วยร่องรอยของกาลเวลา มองท้องฟ้า เตรียมใช้ความตายเพื่อแลกกับเกียรติยศ
ชาวเผ่าเชมันทั้งหมดล้วนมองท้องฟ้า มองกลุ่มหมอกดำม้วนตลบมา มองว่าพวกมันแค่ผ่านทางหรือเป้าหมายคือพวกเขา
ช่วงที่หมอกดำหยุดอยู่บนน่านฟ้าเหนือหุบเขา ชาวเผ่าเชมันทั้งหมดเข้าใจแล้วว่าสงครามตัดสินมาถึงแล้ว!
หนานกงเหินกัดฟัน แววตาคลุ้มคลั่ง หลังจากเห็นหมอกดำหยุดลง ก็มีชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์หลายร้อยตัวบินออกมาจากหมอกในฉับพลันปานระเบิด ตอนที่พวกมันพุ่งลงมา หนานกงเหินส่งเสียงคำราม
เขาพลันพุ่งตัวออกไป ผู้ติดตามสิบกว่าคนด้านหลังก็พุ่งตามไปเช่นกัน
“สู้ก็ตาย ไม่สู้ก็ตาย ทว่าหากสู้ ต่อให้ต้องตายก็จะไม่เสียใจ!”
“พวกเรารอมาสิบห้าปีแล้ว กำลังเสริมจากโลกภายนอกยังไร้วี่แวว บางทีพวกเขาอาจลืมเราไปแล้ว ทอดทิ้งเราไปแล้ว อนาคตอยู่ที่ใด อนาคตอยู่ในมือพวกเรา!
พวกเราจะไม่รออีกแล้ว พวกเราต้องสู้สุดกำลัง หากโชคดีได้ชัยชนะมา จากนี้จะไม่ใช่เผ่าเชมันอีก พวกเราจะสร้างเผ่าขึ้นเอง! กุมชะตาชีวิตของตัวเอง ตามหาอนาคตของตัวเอง คนนอกไม่ช่วยเราก็ต้องช่วยตัวเอง จากนี้ไปพวกเราคือเผ่าชะตาชีวิต!” หนานกงเหินยกมือขวาคว้าอากาศ พลันจับหอกยาวที่ปรากฏขึ้นไว้
“เผ่าชะตาชีวิต!”
“จากนี้พวกเราไม่ใช่เผ่าเชมัน พวกเราคือเผ่าชะตาชีวิต!” เสียงตะโกนดังมาจากชาวเผ่าเชมันทุกคนในหุบเขาอย่างบ้าคลั่ง
“โจมตีด้วยพลังความตาย!” หนานกงเหินตะโกนเสียงดัง พลังความตายพลันรวมขึ้นในหุบเขาอีกครั้ง กลายเป็นการโจมตีอันแกร่งกล้าตรงขึ้นสู่ท้องฟ้า ทะลวงผ่านม่านแสงคุ้มกัน เข้าไปใกล้ชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ วินาทีที่เกิดเสียงระเบิดกึกก้องฟ้า
หนานกงเกินก็ตะโกนเสียงดังอีกครั้ง
“เผ่าชะตาชีวิต พวกเราฆ่า!”
ร่างเงาจำนวนมากและเสียงคำรามลุกฮือในหุบเขา การลุกฮือครั้งนี้ประหนึ่งการลุกฮือของชาติพันธุ์หนึ่ง ภายใต้การบีบบังคับและความตาย พวกเขารอมาสิบห้าปี จนวันนี้ได้ต่อสู้ดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง ร้องตะโกนอย่างไม่ยินยอม และปลดปล่อยทุกอย่างโดยไม่สนสิ่งใด!
นอกจากชาวเผ่าเชมันที่ยื้อโคจรวงแหวนอาคมและปกป้องเด็กน้อยในหุบเขา ทั้งยังต้องนั่งขัดสมาธิส่งพลังให้กับวงแหวนอาคมแล้ว ชาวเผ่าเชมันมากกว่าห้าร้อยคนพุ่งทะยานออกจากหุบเขา ต่อสู้อย่างสุดชีวิตกับเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังถูกโจมตีด้วยพลังความตาย!
“ไม่รู้จักประมาณตน!” มีเสียงหึเย็นชาดังก้องมาจากในหมอกดำบนท้องฟ้า ขณะหมอกดำกระจายออกสู่ข้างนอก ชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่มีเส้นสีม่วงชัดเจนตรงระหว่างคิ้วสิบกว่าตัวก้าวออกมา ด้านหลังพวกมันมีชาวเผ่ายักษ์สูงห้าสิบจั้ง ตรงระหว่างคิ้วมีเส้นสีทองอยู่หนึ่งตัว!
ขณะมันแค่นเสียงก็ยกมือขวาขึ้นแล้วกดลง พลังความตายที่โจมตีเข้ามาหยุดชะงัก แล้วระเบิดกระจายไปรอบๆ ทำให้อานุภาพพลังหายไปไม่น้อย
“บรรพบุรุษศักดิ์สิทธิ์ใกล้จะตื่นขึ้น จงสังหารชาวเผ่าจากโลกข้างนอกตรงนี้ทั้งหมดแล้วนำไปเป็นเครื่องเซ่นไหว้ แท่นบวงสรวงเก้าศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นของพวกข้าเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์แล้ว!”
ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากกว่าเดิมพุ่งตรงมายังเผ่าเชมันพร้อมส่งเสียงคำรามด้วยความตื่นเต้น!
ขณะนั้นเอง บนท้องฟ้าห่างไปไม่ไกลนัก ซูหมิงบินเข้ามาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ตรงบ่าเขามีงูน้อยที่กำลังส่งเสียงร้อง เงยหน้าจ้องไปข้างหน้า
ซูหมิงขมวดคิ้ว ขณะบินก็เพิ่มความเร็วขึ้นทันควันจนเกิดเสียงแหวกอากาศ