Skip to content

สู่วิถีอสุรา 652

ตอนที่ 652 คนสำนักชุมนุมเซียน

ซูหมิงไปแล้ว

ตอนมาไม่มีใครขวางได้ ตอนไปก็ไม่มีใครขวางได้เช่นกัน ถ้าจะสังหารหญิงอาภรณ์ขาวก็ย่อมได้ และยังไม่มีใครขวางได้ด้วย

หญิงสาวผู้นี้มีใบหน้างดงาม ให้ความรู้สึกน่าสงสาร ทว่าในสายตาซูหมิง ไม่ว่าศัตรูจะเป็นบุรุษหรือสตรีก็ไม่ต่างกัน! หญิงผู้นี้จะเป็นตายอย่างไรเขาไม่สน แต่ตอนนี้นางยังตายไม่ได้ เพราะหากนางตาย ในสำนักเซียนอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ แล้วจะไม่บรรลุเป้าหมายให้สองฝ่ายทำลายล้างกันเอง

เขามาครั้งนี้ก็เพื่อทำลายตัวระบุตำแหน่งที่นางใช้กับเขา เหมือนกับทำลายดวงตาไปข้างหนึ่ง ให้อีกฝ่ายไม่อาจสัมผัสถึงตนได้อีก แล้วจากนั้นเขาก็จะผสานรวมเข้าสู่เงามืดอีกครั้ง จะไม่มีใครสังเกตเห็นอีก

หญิงสาวอาภรณ์ขาวตัวสั่นเบาๆ มองร่างเงาซูหมิงหายไปตรงหน้า ตัวระบุตำแหน่งซูหมิงลอยเป็นควันหายไปจึงหาอีกฝ่ายไม่เจออีก

ยามนี้ชายชราสองคนข้างกายนางมีสีหน้าย่ำแย่ยิ่งนัก ทว่ากลับไม่ทำอะไรผลีผลาม ความแกร่งของอีกฝ่ายสร้างความตื่นกลัวให้กับพวกเขาอย่างยิ่ง

จนถึงตอนนี้ ศิษย์สำนักเซียนที่โอบล้อมปกป้องพวกเขาหลายชั้นเพิ่งจะสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ต่างพากันตื่นตระหนกและมีสีหน้าหวาดกลัว

สายลมอ่อนพัดมาอีกครั้ง มันไม่อาจพัดหมอกให้หายไป แต่พากลิ่นคาวโลหิตแผ่ไปรอบๆ ศพไม่มีหัวสองคนบนพื้นตอนนี้ให้ความรู้สึกหนาวเยือกแก่ผู้คน

หญิงอาภรณ์ขาวเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ช่วงที่หลับตาแล้วลืมตาอีกครั้ง แววตากลับมาสงบนิ่ง ก่อนเริ่มกระจายแผ่นหยกคำสั่งต่อไป ทว่าไม่มีคำสั่งระบุถึงซูหมิงอีก

สำหรับนางแล้ว การตายของชายชราสองคนในสำนักถือเป็นการเตือน คำพูดไร้เสียงตอนซูหมิงจากไปทำให้การเตือนครั้งนี้กลายเป็นความรู้สึกที่อาบชโลมด้วยโลหิต

หากล่วงเกินอีก เช่นนั้นรายต่อไปจะเป็นนางกับชายชราสองคน

นางไม่ใช่คนของสามสำนัก แต่ถูกเชิญมาบัญชาการสงคราม นางไม่มีความจำเป็นต้องจ่ายชีวิตเพียงเพื่อเรื่องนี้

ครั้นซูหมิงถอยออกมา เสียงเข่นฆ่าในสงครามรบดังวนเวียนไม่หยุดหย่อน และยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คนที่เห็นการกระทำของซูหมิงในหมอกมีไม่มากนัก ต่อให้มีคนสังเกตเห็น พอซูหมิงซ่อนตัวในหมอกอีกครั้ง พวกเขาเหล่านั้นกลับหากลิ่นอายซูหมิงไม่พบแล้ว

ซูหมิงในยามนี้ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของสนามรบ รอบตัวมีหมอกโอบล้อม เขาขยายจิตสัมผัสด้วยสีหน้าเย็นชา คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของสนามรบ ผนึกยมโลกบนมือซ้ายกำลังสูบกลิ่นอายมรณะจากรอบๆ อย่างรวดเร็ว

บนสนามรบมีเสียงร้องโหยหวนตัดสลับกับเสียงดังเลื่อนลั่น สองฝ่ายรบกันอย่างดุเดือดราวกับไม่มีที่สิ้นสุด ตั้งแต่สำนักอสูรบุกโจมตีตอนแรกเริ่มสงคราม บวกกับการลงมือช่วยของซูหมิง ทางสำนักเซียนก็ถูกบุกโจมตีตลอด เท่านี้ก็เสียหายมหาศาลแล้ว

ผู้ตายส่วนใหญ่เป็นศิษย์จากสำนักเซียน

ทว่าหลังจากหญิงอาภรณ์ขาวเงียบไปพักหนึ่งก็ออกคำสั่งอีกครั้ง ซูหมิงที่อยู่ตรงมุมของสนามรบก็สังเกตเห็นถึงความต่าง เขาเห็นว่าค่ายของสำนักเซียนเปลี่ยนไปทันใด ไม่ใช่หนึ่งพันคนเป็นหนึ่งค่ายอีก แต่สามพันคนเป็นหนึ่งค่าย ยามนี้ผู้คนผสานรวมกันเหมือนจะสร้างขบวนขึ้นใหม่ ทำให้ขุมพลังในสนามรบเปลี่ยนไป หน่วยที่เสียหัวหน้าค่ายเหล่านั้นก็เข้ามารวมกันเป็นลักษณะพัดแล้วร่นถอยไป

การเคลื่อนไหวของคนหลายหมื่นดูยิ่งใหญ่นักในสายตาซูหมิง อีกทั้งแผ่นดินยังสั่นสะเทือนส่งเสียงอึกทึกไม่หยุด พอเขาเห็นถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันแวววาว

‘สำนักเซียนตายไปไม่น้อยแล้ว ต่อไป…ถึงตาสำนักอสูร!’ ซูหมิงไม่ยอมให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้สังหารอย่างเดียว มิเช่นนั้นการสังหารจะดูเหมือนไม่น้อย แต่ความจริงคือสุดท้ายมีคนตายไม่มาก เขาต้องการให้สองฝ่ายฆ่าล้างกันเอง ต้องการให้สองสำนักเซียนและอสูรพินาศย่อยยับไปให้หมด

ซูหมิงยิ้มเยาะมุมปาก ขยับวูบไหวอยู่ในสายหมอกทันใด ตรงหน้าเขาไม่ไกลออกไปมีศิษย์สำนักธุลีอสูรอยู่หลายคน ดินทรายหมุนวนรอบตัวคล้ายพายุคลั่ง ขณะกำลังบุกทะลวงเข้าไปยังค่ายสำนักเซียนที่อยู่ไกลๆ ซูหมิงกลับเข้ามาใกล้ หลังสิ้นเสียงระเบิด พายุคลั่งเหล่านั้นสลายไป ศิษย์สำนักอสูรในนั้นล้วนเบิกตากว้าง ตรงระหว่างคิ้วมีโพรงโลหิตปรากฏขึ้น ในแววตายังมีร่างเงาเย็นเยียบกำลังหายไปในหมอกไกลๆ อย่างเร็วรี่

การเข้าขวางการบุกทะลวงของสำนักอสูร จะสร้างโอกาสให้สำนักเซียนเปลี่ยนจากถูกบุกมาเป็นบุกเอง ซูหมิงเชื่อว่าภายใต้สภานการณ์ที่ฝ่ายตนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ถึงสำนักเซียนจะลังเล ก็ต้องเดินไปตามความคิดเขาอย่างแน่นอน

เขาในเวลานี้รวดเร็วอย่างยิ่ง ขยับวูบไหวผ่านพลางยกมือขวาบีบคอศิษย์สำนักกระหายอสูรที่กำลังวิ่งผ่านพร้อมร้องคำรามอย่างกระหายเลือดอยู่ด้านข้าง ชั่วขณะที่อีกฝ่ายตะลึงงัน มือขวาซูหมิงกดตรงกลางกระหม่อมเขาแล้ว เขาไม่ได้สังหาร แต่ศิษย์สำนักอสูรกลับตัวสั่นไหวรุนแรง ดวงตาเผยกลิ่นอายมรณะ ใบหน้ามีเส้นเลือดดำปูดโปน เหมือนต้องทนรับความเจ็บปวดอย่างที่ไม่อาจจินตนาการ

แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ มิหนำซ้ำบนผิวหนังเขายังเหมือนมีหมอกดำเกาะหนึ่งชั้นและกำลังลุกลามไปไม่หยุด ซูหมิงคว้าร่างคนนี้ไว้แล้วเคลื่อนตัวไปดุจดั่งสายลม

จุดที่ผ่าน เพียงเจอศิษย์สำนักอสูร ซูหมิงจะกดนิ้วไปอย่างไม่ลังเล คนสำนักอสูรทุกคนที่ถูกปลายนิ้วสัมผัสจะตัวสั่นสะท้าน ร่างกายพลันสูญเสียพลังชีวิตและสิ้นชีพไป

การระงับขั้นพลังส่งผลให้ทุกคนที่ถูกซูหมิงสังหารไม่มีโอกาสต่อต้านแม้แต่น้อย

เพียงแต่ว่าจำนวนคนในสนามรบมากเกินไป ต่อให้ซูหมิงมีพลังสูงกว่านี้อีกก็ยากจะสังหารหมดด้วยตัวคนเดียว ทว่าการเคลื่อนตัวในหมอกและสังหารราวกับจับปลาในน้ำขุ่นเช่นนี้ กลับทำให้เขากลายเป็นฝันร้ายบนสนามรบแห่งนี้!

ฝันร้ายดำเนินต่อไป ร่างเงาซูหมิงเคลื่อนไหวอย่างอิสระ เขาเลือกเส้นทางใกล้กับด้านหน้าของกองกำลังสำนักอสูรที่กำลังบุกทะลวงอยู่ จุดที่เคลื่อนผ่านจะเต็มไปด้วยโลหิต เสียงกรีดร้องน่าเวทนาและเสียงตะโกนกึกก้อง

โดยเฉพาะช่วงที่เขาบุกเข้ามาอยู่ส่วนกลางของกองกำลังสำนักอสูร เขาดึงมือซ้ายกลับมาจากตรงหน้าศิษย์สำนักอสูรผู้มีแววตาสับสนคนหนึ่ง วินาทีที่ศิษย์สำนักอสูรคนนี้ล้มลง ศิษย์สำนักกระหายอสูรที่ยังคงอยู่ในมือขวาซูหมิงมาตลอด ยามนี้ทั่วร่างเป็นสีดำทึบ เส้นผมหลุดร่วงหมดหัว กระทั่งฟันก็เช่นกัน กระดูกในร่างกายอ่อนยวบ ร่างแห้งเหี่ยวหดเป็นก้อน

สีดำทึบนั้นแฝงไว้ด้วยความประหลาดและชั่วร้าย พอใครเห็นแล้วเป็นต้องใจสั่นไหว ทั้งยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาจากคนผู้นี้ เพียงสูดดมจะทำให้เบิกบานใจ แต่หากดมนานเข้าจะมีความรู้สึกน่าขยะแขยงจนอยากจะสำรอกอวัยวะภายในออกมา

กลิ่นประหลาดชนิดนี้ ความรู้สึกพิลึกนี้ก็คือ…คำสาป!

พอขั้นพลังซูหมิงสูงขึ้น วิชาคำสาปก็มีระดับสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ตอนนี้เขาใช้วิธีอีกชนิดหนึ่งของวิชาคำสาป หลังจากเชื่อมกับวิชาเผ่าเชมันก็สร้างขึ้นเป็นมนุษย์คำสาป บุคคลผู้นี้อยู่ระหว่างความเป็นและความตาย เป็นเหมือนคนเป็นกึ่งตาย และเหมือนคนตายกึ่งเป็น!

ร่างเขามีพลังคำสาปผสานรวมเข้าไปอย่างต่อเนื่องจนเปลี่ยนเป็นร่างคำสาป ยิ่งพลังคำสาปในร่างมีมากเท่าไร หากระเบิดออกจะสร้างหายนะเป็นวงกว้างรุนแรงมากเท่านั้น!

ซูหมิงเพิ่งเคยใช้วิธีนี้เป็นครั้งแรก เวลานี้มือขวาคว้ามนุษย์คำสาปไว้พร้อมกับเคลื่อนตัวไป ทันทีที่ตรงหน้าเขาปรากฏร่างสำนักอสูรเกือบร้อยคนรางๆ ซูหมิงไม่ลังเล เขากระโดดขึ้นแล้วขว้างร่างศิษย์สำนักกระหายอสูรในมือลงพื้นดินอย่างแรง

ครั้นขว้างลงไปแล้ว นัยน์ตาศิษย์สำนักกระหายอสูรผู้นี้ฉายประกายประหลาด วินาทีที่ตกถึงพื้นร่างกายพลันระเบิดตัวเอง ในเวลาเดียวกันก็มีหมอกดำม้วนตลบออกเป็นวงกว้าง ศิษย์สำนักอสูรที่สัมผัสกับหมอกนี้ล้วนตัวสั่นอย่างรุนแรงในทันที เห็นด้วยตาเนื้อเลยว่าผิวหนังปรากฏจุดดำจำนวนมาก

ซูหมิงอยู่กลางอากาศ ขณะกำลังจะหมุนตัวกลับพลันใจสั่น กำหมัดขวาแล้วชกไปทางอากาศด้านซ้าย เกิดเสียงโครมดังสนั่น หมอกทางซ้ายมือพลันระเบิดกระจุย ก่อนปรากฏเป็นร่างเงาหนึ่งกระอักโลหิตและกระเด็นถอยไป ตอนที่เผยรูปร่างหน้าตาให้เห็น เขามองแวบแรกก็รู้เลยว่าคนที่มีสีหน้าหวาดกลัวและเหลือเชื่อคนนี้คือซือคง

ซูหมิงหันไปมองซือคงด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง

“เจ้าเป็นใคร!” เสียงซือคงแหลมสูงเล็กน้อย แทบเป็นขณะเดียวกับที่เอ่ยประโยคนี้ ตรงมุมปากเขามีโลหิตไหลอีกครั้ง อวัยวะในร่างกายส่งความเจ็บปวดขึ้นมา กระทั่งขั้นพลังยังไม่เสถียร หยกชิ้นหนึ่งที่แขวนอยู่ตรงหน้าอกส่งเสียงกึกๆ แล้วแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อีกทั้งตอนนี้บนผิวหนังยังถูกพลังคำสาปหลั่งไหลเข้าไป ปรากฏเป็นจุดเล็กๆ หนึ่งจุด หนำซ้ำยังลุกลามไปไม่หยุดหย่อน และแผ่กลิ่นอายที่สร้างความหวาดกลัวให้กับซือคง

‘นี่มันวิชาอะไร! พลังอยู่เหนือกว่าขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์! นี่…’ ซือคงสูดลมหายใจเข้า หยกที่แขวนอยู่ตรงคอชิ้นนี้สามารถต้านพลังโจมตีของขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์ได้ ทว่าตอนนี้มันแตกละเอียด ทุกอย่างอธิบายได้ว่าหมัดก่อนหน้านี้มีพลังอยู่เหนือกว่าขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์

ภายใต้ความหวาดกลัว บวกกับจุดดำบนร่างที่ตอนนี้มีขนาดเท่ากำปั้น แต่ไม่มีความเจ็บปวด ทว่าขณะที่ซือคงเหลือบมองจุดดำกลับมีความรู้สึกถึงอันตรายอย่างรุนแรง เขาจึงถอยออกมาทันทีด้วยความตึงเครียด ท่ามกลางความตื่นกลัวจนไม่เป็นสุข ความเร็วในการถอยแทบจะทะยานถึงขีดจำกัด ซูหมิงหรี่ตามอง ทางที่ซือคงถอยไปนั้นมีผู้แข็งแกร่งขั้นทรงอำนาจของสำนักอสูรกับคนสำนักเซียนกำลังต่อสู้กันอยู่ เขาขบคิดชั่วครู่แล้วแค่นเสียงหึเย็นชา แต่ก็ไม่ตามไป การสังหารซือคงเป็นเรื่องเล็ก ตอนนี้การปั่นป่วนสนามรบต่างหากที่สำคัญ

“ขั้นพลังเล็กจ้อยแค่นี้ยังกล้ามาลอบโจมตีคนสำนักชุมนุมเซียนอย่างข้า!” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ แล้วหมุนตัวขยับวูบไหว หายวับไปจากจุดเดิม

‘สำนักชุมนุมเซียน! เขาเป็นคนสำนักชุมนุมเซียน!’ ซือคงกลั้นไม่ไหว กระอักเลือดมาอีกหน ร่างโซเซถอยไปอย่างเร่งรีบ จนกระทั่งเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตามมา เขาจึงกำหมัดแน่น นัยน์ตาฉายแววเคียดแค้นและคลุ้มคลั่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version