Skip to content

สู่วิถีอสุรา 660

ตอนที่ 660 ตุ๊กตาปมหญ้า

ซือคงอยู่ตรงขอบสนามรบ ก่อนหน้านี้เขาบาดเจ็บสาหัสเกินไป พลังคำสาปในร่างกายก็รุมเร้ายิ่งนัก ตอนนี้บนตัวมีจุดสีดำกำลังเน่าเปื่อยอยู่จำนวนมาก ในใจเขานึกแค้นซูหมิงเข้ากระดูกดำ แต่พอเห็นซูหมิงสู้กับตี้เทียน โดยเฉพาะเสาหมอกจากฟากฟ้านั่น มันทำให้เขาใจสั่นสะท้าน ลมหายใจกระชั้น

ความแกร่งของซูหมิงในเวลานี้ทำให้ซือคงต้องซ่อนความคิดล้างแค้นไปทั้งหมด ไม่กล้าเผยออกมาแม้แต่น้อย ขณะเดียวกันเขายังรู้สึกถึงภยันตรายร้ายแรง จึงมองจุดดำบนตัวทันที

ระดับความรุนแรงของอันตรายนี้เหมือนกับน้ำหลากจะจมร่างเขา เขามีลางสังหรณ์เด่นชัดว่าหากตนไม่อาจกำจัดจุดดำบนตัวเหล่านี้ออกไปอย่างเร็วละก็…เกรงว่าเขาคงต้องสลายไป!

ความรู้สึกนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง ขณะซือคงตัวสั่นก็หยิบเม็ดยาล้ำค่าที่สำนักมอบให้ขึ้นมาอย่างไม่ลังเล

เม็ดยานี้มีนามว่าครึ่งก้าวศักดิ์สิทธิ์!

มันเป็นเม็ดยาหายากในสำนักอสูร และก็มีเพียงโอรสสวรรค์อย่างเขาเท่านั้นที่สำนักจะมอบให้หนึ่งเม็ด สิ่งนี้ไม่ได้มีส่วนช่วยในด้านขั้นพลัง สรรพคุณที่ดีที่สุดคือรักษา

ซือคงทำใจไม่ยอมใช้มาโดยตลอด ทว่าเวลานี้…เขาหยิบออกมาโดยไม่ลังเล ก่อนกัดฟันแล้วใส่เข้าปากไป

ทางด้านเซินตง ยามนี้เบิกตากว้างพร้อมสูดลมหายใจเข้า หากบอกว่า ณ ที่นี้ใครคุ้นเคยกับผนึกยมโลกที่สุด เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดเกินเขา ทว่าตอนนี้เขาเหมือนได้สัมผัสกับผนึกยมโลกจริงๆ เป็นครั้งแรก จิตใจจึงสั่นสะท้าน มีเสียงโครมดังในความคิด

เขาพลันเข้าใจถึงวิธีการใช้ผนึกยมโลกอย่างแท้จริงแล้ว มันไม่ใช่อย่างที่เขาใช้ แต่คือวิธีการระเบิดพลานุภาพมันออกมาอย่างแท้จริงของซูหมิงต่างหาก!

ผนึกยมโลกที่เขาใช้สามารถรับมือกับคนระดับเดียวกัน แต่ที่ซูหมิงใช้สามารถสร้างความหวาดหวั่นให้กับร่างแยกของตี้เทียนได้

บนฟ้า ตี้เทียนชุดคลุมทองหน้าเขียวปัด เขาจ้องซูหมิงด้านล่างแล้วก้าวเดินหนึ่งก้าวตรงไปหา ทว่าทันใดนั้นกลับหยุดชะงัก ร่างเงาจึงเผยให้เห็นจากในภาพมายา ก่อนจะเห็นว่าจี๋อั้นเดินออกมาอยู่ตรงหน้าตน

“เหนี่ยวนำพลังมรณะหยินของที่นี่ให้มาเยือนได้ เด็กคนข้างล่างนั่น…เกรงว่าคงจะเป็นซู่มิ่งคนนั้น…แต่ดูจากท่าทางเจ้าแล้ว อยากจะสังหารเขารึ?” จี๋อั้นยิ้มพลางเอ่ย

ตี้เทียนมีสีหน้าทะมึน ยังไม่ทันเอ่ยอะไร เสาหมอกด้านล่างก็หายไปอย่างช้าๆ เผยเป็นหลุมขนาดหลายร้อยจั้งบนพื้นดิน และยังมีแสงม่วงสลัวรวมถึงตี้เทียนที่นั่งขัดสมาธิอยู่กลางแสงนั้น

ตี้เทียนหน้าขาวซีด ตอนที่เงยหน้าขึ้น แสงม่วงรอบตัวเขาระเบิดกระจาย ชุดคลุมจักรพรรดิมัวหมอง ไม่มีสีสันมันวาว

เขากระอักโลหิตสาดบนพื้นตรงหน้า ยามนี้ตี้เทียนชุดคลุมม่วงหน้าซีดขาวยิ่งนัก นัยน์ตามีจิตสังหารเหลือล้น ก่อนยืนขึ้นเนิบๆ แล้วจ้องซูหมิงเขม็ง

ตรงมุมปากซูหมิงมีโลหิตเช่นกัน ตอนที่เช็ดโลหิตเขายกมือซ้ายขึ้น สายตามองตี้เทียนพลางกดบนแขนซ้ายตัวเองอย่างแรง จากนั้นแขนขวาพลันบีบรัด เลือดเนื้อเปลี่ยนไปคล้ายกับรูปปั้นทอง

ซูหมิงใช้นิ้วชี้มือซ้ายกรีดแผลเส้นหนึ่งบนแขนขวา เปิดออกเป็นเลือดเนื้อเหวอะหวะและมีโลหิตอาบชุ่ม การกระทำแปลกๆ ของเขาพลันดึงดูดความสนใจของคนโดยรอบในระดับสูง

กระทั่งตี้เทียนชุดคลุมม่วงยังหรี่ตาลง

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง เขาล้วงสองนิ้วมือซ้ายเข้าไปในรอยแผลบนแขนขวา ค่อยๆ หยิบของสิ่งหนึ่งออกมาต่อสายตาของทุกคน

มันคือแหวนสีโลหิตวงหนึ่ง!

แหวนสีโลหิตนี้ซูหมิงได้มาจากจีฮูหยินเมื่อหลายปีก่อน สิ่งนี้จีอวิ๋นไห่ได้มาโดยบังเอิญ เป็นแหล่งกำเนิดวิชาคำสาป

ซูหมิงซ่อนมันเอาไว้ในแขนขวา จึงทำให้วิชาคำสาปของเขาแกร่งขึ้นตามขั้นพลัง และก็เป็นเหตุผลแท้จริงที่เขารวมวิชาคำสาปไว้ในมือขวาได้

แทบทันทีที่ดึงแหวนสีโลหิตออกมา บาดแผลตรงแขนขวาพลันถูกกลิ่นอายคำสาปโอบล้อม ชั่วพริบตาเดียวก็ฟื้นกลับมาเป็นปกติ เขาถือแหวนแล้วสวมไว้ตรงจุดที่เสียนิ้วชี้มือขวาไป

นิ้วชี้มือขวาเขาแหลกละเอียดไปแล้ว แต่พอวางแหวนเอาไว้ตรงนั้น กลิ่นอายคำสาปกลับทะลักออกมาก่อนรวมขึ้นเป็นรูปร่างนิ้วมือ นี่คือดัชนีแห่งคำสาป!

วินาทีที่ซูหมิงสวมแหวนบนดัชนีคำสาป พลังคำสาปทั้งมือขวาส่งผลให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ยังผลให้ผู้เห็นทุกคนจิตใจสั่นไหวอย่างแรง

แม้แต่จี๋อั้นยังหรี่ตาลงมอง นัยน์ตาเผยประกายแวววาวเล็กน้อย

พร้อมกันนั้น ตี้เทียนเกิดความรู้สึกถึงอันตรายร้ายแรงในใจ เขาไม่ให้ซูหมิงได้เตรียมตัวอีก มือขวาของอีกฝ่ายมอบความรู้สึกอันตรายกว่ามือซ้ายก่อนหน้านี้มากโดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้เขาตื่นตกใจคือตอนอีกฝ่ายใช้ผนึกยมโลกจากมือซ้ายเมื่อครู่ มีอยู่สองครั้งที่ขั้นพลังเขาปั่นป่วน ความปั่นป่วนและการทิ่มแทงจากร่างกายเกิดขึ้นกะทันหันมาก ไม่มีลางสังหรณ์หรือความรู้สึกอะไรเลย เรื่องพิลึกเช่นนี้ทำให้ยามเขามองซูหมิงก็รู้สึกถึงความต่างของอีกฝ่ายในอดีตกับตอนนี้อย่างชัดเจน

‘ศึกครั้งนี้จะต้องกำจัดเขา มิเช่นนั้น…หากให้เวลาเขาอีก เกรงว่าคงจะควบคุมยาก’ ตี้เทียนชุดคลุมม่วงเดินหน้าหนึ่งก้าวกลายเป็นสายรุ้งยาวสีม่วงบินเข้าไปในหลุมลึก ชั่วพริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ซูหมิง

ถึงเขาจะบาดเจ็บอยู่ แต่กลับระงับเอาไว้ เขามั่นใจว่าร่างแยกตนนี้ยังมีความแกร่งและข้อได้เปรียบที่อยู่เหนือกว่าซูหมิง

ถ้าจะสังหารซูหมิง ขอแค่ไม่มีใครรบกวนก็ไม่น่าพลาด!

มิหนำซ้ำเวลานี้ต่อให้มีคนมารบกวน เขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อขวางคนผู้นั้นเอาไว้

แทบเป็นวินาทีที่ตี้เทียนเข้ามาใกล้ ซูหมิงกดมือซ้ายตรงหน้าอกแล้วอ้าปากพ่นแสงสีดำออกมาเส้นหนึ่ง ทันทีที่ปรากฏขึ้น แสงดำก็กลายเป็นระฆังเขาหานในทันที ก่อนพุ่งตรงไปหาตี้เทียน ขณะเดียวกันเสียงระฆังดังก้องกังวานพร้อมปรากฏร่างเงาจิ่วอิงด้านบน

ช่วงที่ระฆังปรากฏ จี๋อั้นมองไปในทันที พอเห็นร่างมายาจิ่วอิงแล้วถึงค่อยมีสีหน้าสงบนิ่ง

ทว่า….คนสำนักอสูรและเซียนหลายหมื่นคนโดยรอบกลับเห็นไม่ชัดนัก ครั้นเห็นระฆังเขาหานแล้วกลับไม่อาจระงับเสียงดังสนั่นในใจได้อีก พากันส่งเสียงดังเกรียวกราวอีกครั้ง

“ระฆังรกร้างบูรพา?!”

“นะ….นี่หรือว่าจะเป็นระฆังรกร้างบูรพา เป็นไปไม่ได้!”

“บุคคลนี้เป็นใคร สู้กับร่างแยกของจักรพรรดิสวรรค์ได้และยังมีระฆังรกร้างบูรพา เขาเป็นเผ่าหมาน!”

ท่ามกลางเสียงดังระงม เฉินชงแห่งสำนักซ่อนมังกรอึ้งมองซูหมิง ความคิดสับสน ความรู้สึกคุ้นเคยจากตัวซูหมิงชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังนึกไม่ออกว่าเคยเจอที่ใดมาก่อน

รูปร่างหน้าตา วิชาอภินิหาร ล้วนแปลกตาอย่างยิ่ง

ส่วนจิงหนานแห่งสำนักซ่อนมังกร เวลานี้เขาจ้องซูหมิงบนฟ้าด้วยสีหน้าทะมึน การคาดเดาน่าสะพรึงลอยขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ

‘ทำให้ท่านตี้เทียนสนใจเช่นนี้….แล้วยังวางแผนสังหารท่านตี้เทียน…เด็กคนนี้…..หรือว่าจะเป็น’ จิงหนานหายใจกระชั้น พลันมองไปทางเฉินชง ก็เห็นว่าเฉินชงที่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บมีสีหน้าสับสน หัวใจเขาจึงเต้นระรัว

“หรือว่าจะเป็นเขาจริงๆ!” สือไห่หนึ่งในสามจุดสูงสุดแห่งสำนักธุลีอสูรหน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว ในชีวิตเขามีอยู่เรื่องหนึ่งที่เปลี่ยนวงโคจรชีวิต เรื่องนี้อยู่ในใจเขามาตลอด ยามนี้เขามองร่างซูหมิงด้วยใจสั่นสะท้าน ความรู้สึกคุ้นเคยทำให้โลหิตในร่างกายคล้ายจะสั่นไหว

และยังมีซานเหิ่นแห่งสำนักวิญญาณอสูร เขามีสีหน้าสับสน ความรู้สึกคุ้นเคยจากซูหมิงทำให้เขาปวดศีรษะ…ความเจ็บปวดนี้เหมือนกับว่าความทรงจำที่ถูกผนึกบางอย่างกำลังจะทะลักออกมา

ส่วนเฉินหลงแห่งสำนักชุมนุมเซียนและยังมีผู้นำกองรักษาการณ์เขาทมิฬในความทรงจำซูหมิงข้างๆ สองคนนี้มีสีหน้าสับสน ทว่าไม่นานใจก็สั่นสะท้าน ต่างมองหน้ากันและกัน แล้วเกิดความตื่นตกใจท่ามกลางความไม่แน่ใจ

และยังมีอู่เล่อแห่งสำนักเต๋าเทียนหลัน เวลานี้สตรีใบหน้าธรรมดาผู้นี้มีสีหน้าไม่มั่นใจ นางเหม่อมองซูหมิงพลางใคร่ครวญถึงความรู้สึกคุ้นเคยนี้อยู่นานมาก

เพียงแต่ว่าทุกอย่างเลือนราง มีคนลังเล มีคนสับสน เสียงระฆังจากระฆังเขาหานสร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนและถูกดึงดูดเข้าไป

ระฆังเขาหานขยายใหญ่ขึ้นเป็นร้อยจั้งและขวางหน้าตี้เทียนเอาไว้ พร้อมกันนั้นซูหมิงก็ยกมือขวากดลงบนพื้น

ทั้งพื้นดินพลันสั่นสะเทือน ศิษย์สำนักเซียนจำนวนมากตัวสั่นอย่างรุนแรงแล้วต่างร้องตะโกน ร่างกายพวกเขาพลันมีจุดดำเผยขึ้นมาจำนวนมาก พริบตาเดียวก็ละลายคล้ายเน่าเปื่อยไปทีละคน…

หลังศิษย์สำนักเซียนตายไปจำนวนมาก ซูหมิงที่อยู่กลางอากาศมือขวาเป็นสีดำทึบไปแล้ว มันมีความมันวาวอยู่รางๆ และยังขยับแสงประหลาด

ทันใดนั้นมีเสียงโครมครามก้องไปรอบๆ เป็นตี้เทียนในชุดคลุมม่วงที่ใช้อภินิหารลงทัณฑ์ฟ้าดิน เขากำราบระฆังเขาหานได้ในทันที แล้วกลายเป็นสายรุ้งยาวแหลมคมยิ่ง ฉีกแยกมวลอากาศพุ่งไปหาซูหมิง

วินาทีที่เข้ามาใกล้ ซูหมิงล้วงมือซ้ายเข้าไปในอกเสื้อก่อนหยิบตุ๊กตาปมหญ้าออกมาตัวหนึ่ง ตุ๊กตาตัวนี้เป็นสีเทา ภายในมีกลิ่นอายมรณะเข้มข้นวนเวียนอยู่ หนำซ้ำตอนที่เอามันออกมา ภายในไร้เสียงใดๆ ทว่าจิตสัมผัสกลับได้ยินเสียงกรีดร้องเบาๆ

นัยน์ตาซูหมิงเผยจิตสังหาร จากนั้นกดมือขวาที่มีควันดำคำสาปลงบนตัวตุ๊กตา ทำให้มันถูกย้อมเป็นสีดำ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version