Skip to content

สู่วิถีอสุรา 663

ตอนที่ 663 ดวงชะตาของเผ่าหมาน

ความแค้นแบบใดกันถึงทำให้คนๆ หนึ่งสาปผู้อื่นเช่นนี้ ความแค้นแบบใดกันถึงทำให้คำสาปของคนๆ หนึ่งเหนี่ยวนำเสียงรวมเป็นหนึ่งของโลกทั้งใบ…

ตี้เทียนชุดคลุมม่วงในยามนี้ต้องรับความเจ็บปวดจากหนามกระดูกทิ่มแทงในร่างกาย นี่ก็คือคำสาปประโยคที่ห้าของซูหมิง!

อีกทั้งวินาทีที่คำสาปทำงาน พลันมีสายฟ้าผ่าและสายฟ้าแลบจำนวนมาก เข้าขวางตี้เทียนชุดคลุมทองที่กำลังตรงเข้ามาอีกครั้ง!

นี่ไม่ใช่สายฟ้าธรรมดา มิเช่นนั้นคงไม่อาจขวางตี้เทียนชุดคลุมทอง มันคือสายฟ้าที่เกิดจากการขับไล่ของโลกทั้งใบกระทั่งเทียบเคียงได้กับภัยพิบัติสวรรค์ เป็นเหมือนของศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าหมาน

ท่ามกลางสายฟ้ากระหน่ำ ตี้เทียนชุดคลุมม่วงถูกมือไร้รูปฉีกขาสองข้างออกเหมือนกับที่ซูหมิงฉีกขาตุ๊กตาปมหญ้าก่อนหน้านี้ ทำให้ยามนี้ตี้เทียนชุดคลุมม่วงไม่มีขาสองข้าง

เหตุการณ์นี้สอดรับกับคำสาปประโยคที่หกของซูหมิง……

‘ข้าขอสาป……ให้สายเลือดของเจ้าตี้เทียนตัดขาด วิญญาณออกจากร่าง ร่างกายเน่าเปื่อย เนื้อและกระดูกแหลกเป็นชิ้นๆ ต้องถูกวิญญาณร้ายกลืนกินไปตราบชั่วนิรันดร์ไป!’

พอร่างตี้เทียนฉีกขาดหมด คำสาปประโยคที่เจ็ดของซูหมิงก็มาถึง!

ควันดำจำนวนมากปกคลุมร่างตี้เทียน ส่งผลให้ร่างกายสลายไปเป็นวงกว้าง ใบหน้าเขาบิดเบี้ยว เส้นผมเป็นสีขาว ใบหน้าเปลี่ยนไปไม่ใช่ตี้เทียนอีก แต่เป็นคนแปลกหน้า

คนแปลกหน้าผู้นี้ กลิ่นอายพลังของตี้เทียนในตัวเขากำลังหายไปอย่างรวดเร็ว……

ทันใดนั้นเอง คำสาปประโยคที่แปดของซูหมิงก็มาถึง!

สายฟ้าด้านบนส่งเสียงครึกโครม น้ำวนโลหิตบนพื้นดินทั้งหมดระเบิดกระจายพร้อมกัน แม่น้ำเดือดพล่าน ยอดเขาระเบิด ที่ราบถล่มทลาย ทุกสิ่งมีชีวิตล้วนอึ้งงัน…แผ่นดินสั่นกำลังสะเทือน ท้องฟ้ากำลังร้องคำราม

คำสาปสุดท้ายนี้ทำให้เสียงรวมเป็นหนึ่งจากทั้งโลกหมานทะยานถึงระดับสูงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ภายใต้เสียงรวมเป็นหนึ่ง แรงขับไล่จากทั้งโลกพลันรวมอยู่ในสามจุด!

จุดแรกคือตี้เทียนชุดคลุมม่วงตรงหน้าซูหมิง จุดสองคือตี้เทียนชุดคลุมทองที่ห่างจากตรงนี้ไปร้อยจั้ง และกำลังเดินมาอย่างช้าๆ เนื่องด้วยถูกสายฟ้าและอากาศชะลอความเร็วลง…

และอีกจุดหนึ่งคือทางสำนักเต๋าเทียนหลันท่ามกลางเซียนหลายหมื่นคนบนพื้นดิน เดิมทีตรงนั้นเป็นอากาศว่างเปล่า วินาทีนี้มันกลับบิดเบี้ยวแล้วปรากฏเป็นโลงศพสีดำ!

โลงศพตั้งอยู่ตรงนั้น ก่อนหน้านี้ถูกอำพรางมาโดยตลอด กระทั่งซูหมิงยังไม่สังเกตเห็น ทว่ายามนี้ภายใต้แรงขับไล่ของทั้งโลกหมานมันจึงปรากฏออกมา

นอกโลงศพมีอักขระซับซ้อนอยู่จำนวนมาก อักขระเหล่านั้นขยับวูบวาบดูพิลึกอย่างยิ่ง

เสียงโครมครามสะเทือนฟ้าดังขึ้น ขณะที่ร่างตี้เทียนชุดคลุมม่วงตรงหน้าซูหมิงกำลังสลายไป ศีรษะเขาถูกมือใหญ่ไร้รูปฉีกออกอย่างแรงเหมือนกับมือและเท้า!

การฉีกศีรษะตี้เทียนชุดคลุมม่วงเช่นนี้สอดรับกับคำสาปประโยคที่แปดของซูหมิง!

‘ด้วยชีวิตข้า ด้วยขั้นพลังข้า ด้วยคำสาปทุกอย่างของข้า ร่างแยกตี้เทียนทั้งหมดจงสูญสิ้นไปบนแผ่นดินหมาน จากนี้ไปห้ามตี้เทียนเข้ามายังแดนแห่งนี้อีก!’

ร่างตี้เทียนชุดคลุมม่วงสลายกลายเป็นเถ้าธุลี ตอนนี้ศีรษะที่ลอยอยู่กลางอากาศกลายเป็นสีดำและกำลังเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว ระหว่างกำลังเน่าเปื่อย กลิ่นอายพลังของตี้เทียนในศีรษะถูกแรงขับไล่จากฟ้าดินมอดดับไป!

เมื่อกลิ่นอายพลังตี้เทียนหายไป นัยน์ตาบนศีรษะขณะกำลังเน่าเปื่อยอยู่ก็เพิ่งชัดเจนขึ้นเป็นครั้งแรก หน้าตาเขาไม่ใช่ตี้เทียนอีก เหมือนกับว่า…..เดิมทีเขาไม่ใช่ตี้เทียนอยู่แล้ว!

ร่างแยกเหล่านั้น หลังจากตี้เทียนควบคุมแล้วจะลบสติปัญญาแล้วเปลี่ยนให้เป็นหุ่นเชิด จากนั้นก็จะหลอมขึ้นมาให้กลายเป็นร่างแยกของเขา แล้วส่งมายังแดนหมาน

ทว่าขณะนี้ หลังจากดวงจิตของตี้เทียนถูกลบหายไป วินาทีแห่งความตายมาเยือน บุคคลนี้…กลับนึกถึงฐานะของตนออก นึกออกว่าตนเป็นใคร นึกถึง…..ความทรงจำของตน

เวลานี้ศีรษะเขาเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว ดูแล้วน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก ทว่าความสงบนิ่งในแววตากับความอึ้งงันตอนก้มหน้ามองซูหมิง กลับกลายเป็นความไม่แน่ใจและรอยยิ้มหลังจากอึ้งงัน ชั่ววินาทีนี้เองจิตใจซูหมิงสั่นสะท้าน

“เจ้าเติบใหญ่แล้ว……” นี่คือสิ่งเดียวที่เอ่ยจากใบหน้าแปลกตาผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ตี้เทียนเป็นคนกล่าว แต่เป็นบุคคลนี้ เป็นประโยคสุดท้ายก่อนตายของคนแปลกหน้าที่ซูหมิงคิดว่าไม่เคยเจอมาก่อน

คำพูดประโยคนี้แฝงไว้ด้วยกาลเวลาโชกโชนและยังมีการปลอบใจน้อยๆ จากนั้นศีรษะก็ค่อยๆ หายไปกับอากาศ…..

ร่างแยกที่สองของตี้เทียนสูญสลาย!

วินาทีที่เขาตาย ก็มีหินสีม่วงอมดำก้อนหนึ่งบินมาจากในศีรษะ ในหินก้อนนั้นมีกลิ่นอายมรณะหยินเข้มข้นถึงขีดสุดอยู่ มิหนำซ้ำในกลิ่นอายพลังนี้ยังมีระลอกคลื่นที่สร้างความตื่นตะลึงกับซูหมิง

เป็นระลอกคลื่นนี้ที่ให้ซูหมิงลืมตาด้วยความเหนื่อยล้า

ความจริงหลังจากชี้นิ้วไป เขาก็ค่อยๆ หลับตาลง ร่างกายเหนื่อยล้ายิ่งนัก เพราะต้องใช้ชีวิต ใช้พลัง ใช้ทุกอย่างเซ่นไหว้เพื่อแลกมาเป็นคำสาปเสียงรวมเป็นหนึ่งของโลกหมาน จนในที่สุดก็สังหารร่างแยกตี้เทียนชุดคลุมม่วงลงได้

สังหารเพียงร่างแยก ซูหมิงกลับต้องจ่าย…..มากเกินไป

เขาในยามนี้ไม่มีเรี่ยวแรงเหลือแล้ว ทันทีที่ลืมตาเห็นหินสีม่วงอมดำ ตรงมุมปากเขามีโลหิตไหล ก่อนดิ่งลงสู่พื้น

ขณะดิ่งลงไป โลกในดวงตาจากชัดจนค่อยๆ เลอะเลือน จนกระทั่งมองไม่เห็นอะไร…แต่เขารู้สึกว่าระลอกคลื่นจากหินสีม่วงอมดำด้านบนนั้นช่างคุ้นเคยนัก นั่น……เป็นกลิ่นอายพลังของเขาเอง

ร่างซูหมิงดิ่งลง สายตาของเซียนหลายหมื่นคนโดยรอบจับจ้องอยู่ตลอด ในสายตาพวกเขามีความซับซ้อน มีปลงอนิจจัง มีหวาดกลัวและมีผ่อนคลาย

จนถึงตอนนี้ยังไม่รู้ชื่อกับฐานะซูหมิง รู้เพียงว่าเขาเป็นเผ่าหมาน รู้ว่าเขา…ใช้วิชาพิลึกไม่อาจบรรยายสังหารร่างแยกตี้เทียนต่อหน้าคนสำนักเซียนและสำนักอสูร!

พวกเขารู้เพียงว่าบุคคลไม่รู้นามและเป็นเหมือนเด็กหนุ่มคนนี้ใช้กลอุบายชั่วช้าทุกอย่างเพื่อสังหารตี้เทียน ยอมจ่ายทุกอย่าง ใช้ความตายของคนหลายหมื่นเพียงเพื่อสังหารตี้เทียน!

และตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว แม้สังหารเพียงร่างแยก แต่เขา…..ก็ทำสำเร็จแล้ว!

พวกเขามองซูหมิงดิ่งลงมาจากฟ้า ระหว่างดิ่งลงมาก็ยังพยายามยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศเหมือนจะคว้าอะไรบางอย่าง…

ซูหมิงอยากคว้าอะไรจริงๆ ยามนี้จิตใต้สำนึกพร่าเลือนแล้ว แต่ก็ยังยกมือขึ้นจะคว้าหินที่ตนรู้สึกคุ้นเคยอย่างยิ่งก้อนนั้น หินสีม่วงอมดำกลางอากาศก้อนนั้นสั่นไหว ก่อนกลายเป็นสายรุ้งสีดำตรงมาหาซูหมิง ช่วงที่ร่างเขากำลังจะตกถึงพื้น มันก็ผสานรวมเข้าไปตรงระหว่างคิ้วแล้วหายเข้าไปในร่าง

จิตใจเขาสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จนกระทั่งเขารู้สึกว่าตนกระแทกกับพื้นดิน แต่กลับไม่มีแรงปะทะส่งกลับมามากนัก

เขาไม่รู้เพราะเขาไม่เห็นร่างตัวเอง ในดวงตาเลือนรางแล้ว แต่เซียนหลายหมื่นคนรอบๆ ตอนนี้กลับเห็นอย่างชัดเจนว่าช่วงที่ซูหมิงกำลังตกลงมานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เสียงเกรียวกราวดังกังวาน น้ำเสียงเหล่านั้นมีความตื่นตกใจ น่าเสียดายที่ซูหมิงได้ยินเสียงเหล่านี้ไม่ชัด

จี๋อั้นบนฟ้าเหม่อมองซูหมิง หน้าเปลี่ยนสี บ้างเผยจิตสังหาร บ้างลังเลใจ เหตุที่ทำให้หนึ่งในสามราชันแห่งสำนักอสูรผู้เด็ดเดี่ยวและเหี้ยมโหดมาตลอดอย่างเขาต้องมีสีหน้าลังเลเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะเขาเห็นคำสาปของซูหมิง เห็นเสียงรวมเป็นหนึ่งจากโลกหมาน และเห็น……ปรากฏการณ์ประหลาดน่าตะลึงในช่วงที่ซูหมิงตกลงมา

“ดวงชะตาเผ่าหมานผสานรวมอยู่ในหนึ่งร่าง…” จี๋อั้นกล่าวพึมพำเบาๆ

ชั่วขณะที่ซูหมิงดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว มีชั้นเมฆหนาปรากฏขึ้นกลางอากาศเพื่อรองร่างเขาเอาไว้ มีนกบินมาจากที่ใดไม่รู้จำนวนหนึ่งยอมใช้ร่างกายรองรับ

ทั้งยังมีสายลมพัดเข้ามาเบาๆ ซูหมิงจึงดิ่งช้าลง ราวกับว่าทุกอย่างในโลกใบนี้กำลังสงสารซูหมิง ทนเห็นเขาบาดเจ็บไม่ได้

รอยแยกมวลอากาศจำนวนหนึ่งที่เกิดอยู่ด้านล่างซูหมิงก็หายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนมาขยับวูบวาบอยู่รอบตัวเขาคล้ายกับจะปกป้อง นอกจากนี้ยังมีสายฟ้าผ่าลงมาเป็นเสียงเตือนทุกคนรอบๆ ว่าห้ามเข้าใกล้แม้ครึ่งก้าว

กระทั่งวิญญาณชั่วร้ายนับไม่ถ้วนยังบินวนบนฟ้าพลางส่งเสียงร้องคำรามอย่างร้อนรน ประหนึ่งอยากจะปลุกซูหมิง และยังมีที่ราบกว้างโล่งบนพื้นดิน ตอนนี้มีหญ้าสีเขียวเติบโตขึ้นอย่างบ้าคลั่ง

หญ้าเหล่านี้เติบโตเพียงหย่อมเล็กๆ ความเร็วในการเจริญเติบโตของมันน่าทึ่งยิ่งนัก ส่งผลให้ร่างซูหมิงที่กำลังดิ่งลงมาช้าลงเรื่อยๆ นี้ตกลงบนหญ้าสีเขียวในที่สุด ร่างกายเขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย

เป็นที่โปรดปรานของโลกใบนี้….ผสานรวมดวงชะตาเผ่าหมานในร่างกาย

จี๋อั้นมีสีหน้าลังเลและซับซ้อน วินาทีที่ซูหมิงกำลังทอดตัวลงบนหญ้า นัยน์ตาของเขาเลือนรางเหมือนจะหมดสติ ตี้เทียนชุดคลุมทองเงยหน้าคำรามด้วยความโกรธแค้น ขณะนี้ร่างเขาถูกควันดำจำนวนมากโอบล้อม ลักษณะของควันดำนั้นก็ยังเป็นคำสาป!

เห็นได้ชัดว่าคำสาปจากโลกหมานนี้ตรงตามจริง หลังทำลายร่างแยกตี้เทียนชุดคลุมม่วงแล้ว ก็มารวมอยู่ในตัวตี้เทียนชุดคลุมทอง หมายมั่นจะทำลายล้างร่างแยกนี้ให้สิ้นไป!

เขาพลันมองพื้นดิน มองซูหมิงที่ทอดกายอยู่บนหญ้าด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว ก่อนเดินเข้าไปโดยไม่สนพลังคำสาปในร่างกาย ขั้นพลังเขาอยู่เหนือกว่าร่างแยกชุดคลุมม่วง บวกกับไม่โดนคำสาปโดยตรง ฉะนั้นเลยขยับตัวได้!

เขาตรงไปหาซูหมิงด้วยความเร็วสูงยิ่ง ยามนี้จี๋อั้นไม่ขวาง เซียนทั้งหมดโดยรอบล้วนจ้องมอง ในใจทุกคนแทบจะรู้ผลตอนจบแล้ว

ทว่าทันใดนั้นซูหมิงกลับลืมตาขึ้น จากนั้น….ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version