ตอนที่ 721 เรื่องงานแต่ง…
นี่เป็นภาพที่ยากจะลืมเลือนนัก ในภาพนั้น เด็กสาวงดงามหยาดเยิ้มเอามือไพล่หลัง เผยเรือนร่างงามจากบนฟ้า แล้วก้าวเบาๆ ลงมาด้วยความเขินอายเล็กน้อย
เอวนางบางยิ่งนัก อาภรณ์ยาวสีเขียวอ่อนปกคลุมร่างระหงอยู่ภายใน ตรงแขนเสื้อปักเป็นลายดาราสีแดงอ่อน ดิ้นสีเงินวาดเป็นเมฆมงคลหลายก้อน นัยน์ตาเฉียบคมดูเขินอายชายตามอง ราวกับแฝงไว้ด้วยสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ ไข่มุกพร่างพราวหลายเส้นใต้ปิ่นหงส์แกว่งเบาๆ
ไข่มุกสะท้อนแสงงดงามภายใต้แสงตะวัน ทว่าไม่อาจบดบังความงามของเด็กสาวผู้นี้แม้แต่น้อย แต่กลับช่วยเสริมให้เด็กสาวมอบความรู้สึกงดงามเป็นหนึ่งต่อผู้มองทุกคน
ลักยิ้มอ่อนหวานราวกับดอกไม้ ขณะเดินมาสายลมพัดผ่านเส้นผมดำขลับ นางจึงใช้มือขวาที่ไพล่หลังอยู่ม้วนเส้นผมด้วยนิ้วขาวเรียวยาวดุจต้นหอม และยังมีแววตาขวยเขินพร้อมด้วยรอยยิ้มน่าหลงใหล
“น้องเล็กอวี่เซวียนคารวะพี่ใหญ่ซู” เด็กสาวผู้งดงามค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ ตอนที่ห่างจากซูหมิงสิบกว่าจั้ง นางโค้งตัวเล็กน้อย กลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ลอยมา ชวนให้ผู้ดอมดมรู้สึกสบายใจ
ด้านหลังเด็กสาวเป็นสุนัขสีเหลืองตัวหนึ่ง มันรีบวิ่งตามมาอยู่ด้านหลัง แลบลิ้นใหญ่และมีน้ำลายไหล ด้านหลังสุนัขคือเฉียนเฉินซึ่งกำลังตื่นเต้น มองซูหมิงทั้งน้ำตาคลอเบ้า สีหน้าท่าทางคล้ายจะร้องไห้อยู่แล้ว
และยังมีด้านหลังสุด ชายชราร่างแปลงจากกระเรียนขนร่วงที่มีท่าทางการเดินสถุนถ่อยเล็กน้อย เขาถูสองมือ เห็นๆ อยู่ว่าไม่มีบุคลิกดีให้เอ่ยถึงด้วยซ้ำ แต่กลับแสร้งทำเป็นไม่อนาทรร้อนใจ ราวเซียนผู้สูงส่ง พอมาคู่กับการเดินแล้ว จึงกลายเป็นภาพที่ดู…ยากเกินกว่าคนทั่วไปจะเข้าถึง
แม้ซูหมิงเพิ่งเคยเห็นชายชราร่างแปลงของกระเรียนขนร่วงครั้งแรก ทว่าจากความถ่อยกับสีหน้าท่าทางเคร่งขรึมของชายชรา ซูหมิงไม่ต้องคาดเดาเลย คนที่เอาความรู้สึกซับซ้อนผสานรวมเป็นหนึ่งได้ และยังหลงระเริงใจ บนแผ่นดินหมานนี้ไม่มีใครอีกแล้ว
ส่วนสุนัข ตอนที่ซูหมิงมองไป นัยน์ตาเขาเป็นประกายน้อยๆ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น ก่อนเบนสายตาไปมองเด็กสาว ต้องบอกว่าเด็กสาวคนนี้คือคนที่งามเป็นหนึ่งในสตรีทั้งหมดที่เขาเคยพบมา ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า เอกลักษณ์เฉพาะ หรือท่าทางเขินอาย ล้วนไม่มีสตรีคนใดเทียบกับความงามของนางได้
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วินาทีที่มองเด็กสาว เขารู้สึกว่าในตัวอีกฝ่ายคล้ายกับซ่อนหนามคมกริบเอาไว้ หากสัมผัสก็จะถูกแทงทันที อีกทั้งหนามอันนี้ยังเหมือนอาบไว้ด้วยยาพิษที่สังหารคนได้
ขณะซูหมิงมองเด็กสาว เด็กสาวก็พิจารณาเขาเช่นกัน ช่วงที่สองคนสบตา เด็กสาวก็ยิ้มด้วยความเขินอาย แล้วก้มหน้าลงหลบสายตาซูหมิงอย่างเป็นธรรมชาติ
ศิษย์พี่รองด้านข้างกระแอมทีหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้น เอียงศีรษะให้แสงตะวันส่องใบหน้าโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็รู้สึกว่าไม่ควรเล็กน้อย จึงกระแอมอีกทีแล้วยิ้มให้เด็กสาวอย่างอบอุ่น
“แม่นางน้อย เจ้าตบแต่งกับศิษย์น้องเล็กของข้าตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
เขากล่าวอย่างกะทันหันยิ่งนัก ความหมายแฝงก็คาดไม่ถึงอย่างยิ่ง และยังเป็นวิธีการพูดที่ไม่เป็นไปตามหลัก ตอนที่เขาเอ่ยประโยคนี้ ไม่ใช่แค่ซูหมิงที่ตะลึงงัน เด็กสาวผู้แสร้งเขินอายยังเบิกตากว้าง ความเขินอายหายไปโดยพลัน
แม้แต่สุนัขด้านข้างยังอ้าปากแลบลิ้นค้าง น้ำลายไหลย้อยลงมาจำนวนมาก…
กระเรียนขนร่วงสูดลมหายใจเข้า จ้องศิษย์พี่รองของซูหมิงตาเขม็ง มันเกิดความรู้สึกเหมือนเจอกับยอดฝีมือผู้อาวุโส ส่วนเฉียนเฉินก็ตะลึงค้างอยู่ตรงนั้นโดยสมบูรณ์
โดยรอบพลันเงียบสงัดลง มีเพียงศิษย์พี่รองกำลังยิ้มอย่างอบอุ่นด้วยท่าทีไม่มีพิษมีภัย ท่าทางที่ให้แสงตะวันส่องแถบใบหน้า และยังเปลี่ยนทิศทางอยู่ตลอดเวลา ทำให้ที่นี่เงียบสงัดไปพักหนึ่ง
“ศิษย์พี่รอง ขะ…ข้าไม่รู้จักนาง” ซูหมิงยิ้มเจื่อน คลึงตรงระหว่างคิ้วโดยไม่รู้ตัว
“เหลวไหล เจ้าไม่รู้จักนาง เหตุใดนางถึงรู้จักแซ่เจ้า ศิษย์น้องเล็ก นี่เป็นเรื่องใหญ่ไปชั่วชีวิต หลังจากเจ้าออกจากยอดเขาลำดับเก้า อาจารย์ก็เรียกข้ากับหู่จื่อรวมทั้งศิษย์พี่ใหญ่มาหารือกันเรื่องคู่ชีวิตของเจ้าถึงสามวันสามคืน ตอนนี้สวรรค์มีตา ไม่นึกเลยว่าศิษย์น้องเล็กจะมีความสามารถถึงเพียงนี้ มีแม่นางน้อยงดงามขนาดนี้มาตามถึงที่
เฮ้อ น่าสงสารศิษย์พี่รองอย่างข้า บุคลิกโดดเด่นถึงเพียงนี้ รูปร่างอรชรถึงเพียงนี้…เอ่อ คำนี้ใช้พรรณนาถึงสตรีกระมัง?” ศิษย์พี่รองกะพริบตาปริบๆ
“ศะ….ศิษย์พี่รอง…ขะ…ข้าก็ไม่รู้จักเขาเหมือนกัน…” เด็กสาวโฉมงามเบิกตากว้าง เหม่อมองศิษย์พี่รองอยู่พักหนึ่ง ก่อนรีบกล่าวขึ้น และยังถอยหลังไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก นางรู้สึกว่าศิษย์พี่รองของซูหมิงคนนี้น่ากลัวเกินไปจริงๆ
ระดับความน่ากลัวกระทั่งมากกว่าหมิงหวง (จักรพรรดิยมโลก) ด้วยซ้ำ หมิงหวงเป็นเพียงพ่อสื่อให้ตนตบแต่งกับองค์ชายสามเท่านั้น ทว่าศิษย์พี่รองของซูหมิง เจอหน้ากันครั้งแรกก็เอ่ยเช่นนี้แล้ว ซ้ำยังมีท่าทางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก จึงทำให้ตอนนี้นางอ่านความคิดอีกฝ่ายไม่ออก
นี่ไม่ใช่การพูดตามหลักทั่วไป ทำให้ซูหมิงยิ้มเฝื่อน เด็กสาวถอยไปโดยไม่รู้ตัว แต่กระเรียนขนร่วงกลับตาเป็นประกาย มันมองศิษย์พี่รองด้วยความรู้สึกใกล้เคียงกับคำว่าเลื่อมใส พลางกล่าวพึมพำในใจไม่หยุด
‘ต้องเรียนรู้เอาไว้ท่านกระเรียน ที่แท้ก็พูดแบบนี้ได้ วันนี้ข้าได้เจอยอดฝีมือแล้ว ภายภาคหน้าคงต้องเรียนรู้วิธีการพูดแบบนี้ให้มากขึ้นอีก นี่ต่างหากคือยอดฝีมือ ต้องลึกล้ำยากจะคาดเดา นี่คือการสร้างความหวาดกลัวให้กับคนอื่นในระดับที่สูงกว่า’
“ที่แท้ก็ไม่รู้จักกันจริงๆ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ตอนนี้ไม่รู้จักกันแล้ว แม่นางน้อยดูสิว่าศิษย์น้องเล็กของข้ามีบุคลิกโดดเด่นมากเพียงใด รูปร่างน่าหลงใหลเพียงใด…สรุปคือ เจ้าดูเอาว่าเขาดีเลิศขนาดไหน เอาแบบนี้แล้วกัน วันนี้ข้าศิษย์พี่รองจะขอเป็นสักขีพยานการแต่งงานของพวกเจ้า จากนี้ไป เจ้าเป็นภรรยาของเขา” ศิษย์พี่รองกล่าวเสียงอบอุ่น แม้จะพูดเยอะทว่าก็เอ่ยแบบไม่ช้าไม่เร็ว นัยน์ตาคล้ายมีประกายแสงศักดิ์สิทธิ์
“เอาแบบนี้นะ แม่นางน้อย เจ้าคงจะชื่ออวี่เซวียน เจ้าไม่ต้องเอาสินเดิมอะไรมามากนักหรอก เอ่อ…ส่งสุนัขตัวนั้นมาก็พอ ข้าว่ามันใช้ได้เลย เอาไว้เฝ้าบ้านได้ด้วย นอกจากนี้หากเจ้ามีพี่สาวหรือน้องสาว อย่าลืมแนะนำให้ข้าด้วยล่ะ” ศิษย์พี่รองมองสุนัขตัวนั้นเหมือนมองของของตนเอง
พอเจอกับสายตาศิษย์พี่รอง มันก็ตัวสั่นงันงกไปทั้งตัว รีบถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนแยกเขี้ยวใส่ศิษย์พี่รองแล้วเห่าขู่
“เจ้าตามข้ามาตลอดทาง มีเรื่องอะไร” ซูหมิงยิ้มเฝื่อนในใจ ปล่อยให้ศิษย์พี่รองพูดโน้มน้าวอยู่อย่างนั้น ในใจเขารู้ดีว่าศิษย์พี่รองไม่ใช่คนไร้เหตุผล ที่ทำแบบนี้จะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน บางทีอาจเห็นอะไรบางอย่าง
ถึงอย่างไรวิธีซ่อนตัวของเด็กสาวคนนี้ก็พิลึกอย่างยิ่ง ซูหมิงไม่ได้สังเกตเห็นในช่วงแรก ทว่าเมื่อครู่ขณะปะทะกับร่างค่ายกล ก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติเล็กน้อยจากบนฟ้า และยังมีระลอกคลื่นพลังที่คุ้นเคยรางๆ
ระลอกคลื่นนั้นมาจากกระเรียนขนร่วงกับเฉียนเฉิน เขาเลยตรวจเจอ
พอได้ยินซูหมิงกล่าว เด็กสาวกลอกตา ความเขินอายกับท่วงท่าสูงส่งงดงามถูกคำพูดเป็นชุดของศิษย์พี่รองขจัดหายไป ตอนนี้สิ่งที่ออกมาจากตัวเด็กสาวคือความฉลาดเฉลียว ดวงตาโตแวววาว ราวกับว่าทุกครั้งที่กะพริบตาจะมีความคิดผุดขึ้นในใจ
เมื่อมองไป นางยังคงงดงามเป็นเลิศ ทว่าที่มากกว่าคือคล้ายจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่ง
ซูหมิงขมวดคิ้ว ความรู้สึกว่าอีกฝ่ายมีหนามคมกริบซ่อนอยู่เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำกลิ่นอายพลังจากเด็กสาวยังพิลึกอย่างยิ่ง ไม่ใช่พลังของเผ่าเซียน และไม่มีพลังโลหิตของเผ่าหมาน แต่คล้ายกับกลิ่นอายมรณะ แต่มีระลอกคลื่นต่างกัน
กระทั่งระลอกคลื่นนี้ยังเหนี่ยวนำวิญญาณของซูหมิง เหมือนอยากจะออกไปเล็กน้อยเพื่อเข้าใกล้เด็กสาว
เรื่องประหลาดแบบนี้ทำให้เขาตื่นตัวยิ่งนัก เขามองเด็กสาวอย่างมีความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ถามต่อว่าเหตุใดถึงรู้จักตน แต่มองยังเฉียนเฉินกับกระเรียนขนร่วง
“ยังไม่กลับมาอีก!” ซูหมิงแค่นเสียงเย็นชา
เฉียนเฉินตื่นเต้นขึ้นมาในทันที หลังจากลังเลครู่หนึ่งแล้วก็รีบกลายเป็นสายรุ้งยาวบินออกห่างจากเด็กสาวกับสุนัข กลับมาอยู่ข้างซูหมิง น้ำตาเขาเอ่อคลอ แทบอยากจะดึงแขนเสื้อซูหมิงเข้ามาซบสะอื้นไห้ จะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาเขาต้องทรมานมากเพียงใด ต้องอนาถามากเพียงใด เพราะเดิมทีเขาบินไม่ได้ ทว่าตอนนี้บินได้แล้ว…
กระเรียนขนร่วงเห็นเฉียนเฉินบินไปอย่างปลอดภัยแล้ว ตนจึงเดินไปอย่างเงียบๆ ก่อน แล้วพลันเร่งความเร็วจนมาถึงข้างซูหมิง มันถอนหายใจโล่งอกอยู่ภายใน ก่อนทำท่าทีลำพองใจและนึกว่าตนแน่ที่สุด
“ศิษย์พี่รอง พวกเราไปกันเถอะ” ซูหมิงมองศิษย์พี่รองแล้วค่อยๆ ถอยไป เด็กสาวคนนี้มอบความรู้สึกประหลาดให้มากเกินไป และยังมีสุนัขตัวนั้นอีก ต่อให้เขามีขั้นพลังอย่างตอนนี้ก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันแก่กล้าจากตัวมัน
ยามนี้ด้านหลังซูหมิงมีสายรุ้งหลายร้อยเส้นกำลังบินเข้ามา พวกเขาคือเผ่าชะตาชีวิตที่รอคอยอยู่ข้างนอก พอเห็นสำนักชุมนุมเซียนพังทลายลงก็เป็นห่วงซูหมิง จึงตามมา
“เจ้า…หึ ข้าจะมีเรื่องใดอีก ไม่ผิด ข้าตามเจ้ามาตลอด แต่หากไม่ใช่เพราะข้า ตอนที่เจ้าสู้กับตี้เทียนบนทะเลมรณะ เจ้าคิดหรือว่าจะหนีไปได้ง่ายๆ หากไม่ใช่เพราะข้าเจ้าคงตายไปนานแล้ว” ไม่รู้ว่าสุดท้ายเด็กสาวเกิดความคิดอะไรขึ้น น้ำเสียงนางกังวานมาก สายตามองซูหมิงพลางกล่าวด้วยความโมโห
“เจ้า…เจ้ามันอกตัญญู!”
ซูหมิงได้ยินดังนั้นจึงเพ่งสายตามอง
“ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เมื่อครู่ยังบอกอยู่เลยว่าไม่รู้จัก แม่นางน้อยอวี่เซวียน ศิษย์พี่รองมองออกแล้วว่าเจ้าชอบศิษย์น้องเล็กของข้ามานานแล้ว ช่างเถอะๆ เรื่องงานแต่งก็เอาแบบนี้แล้วกัน” ศิษย์พี่รองยิ้มน้อยๆ หยีตามองเด็กสาว
“เอาตามศิษย์พี่รองเลยเจ้าค่ะ” เด็กสาวมองซูหมิงแวบหนึ่ง ก่อนมีสีหน้าขวยเขินอีกครั้ง นางก้มหน้าลงกล่าวเสียงเบา ทว่าในใจพึมพำด้วยความลำพองใจ
‘หึ ตอนแรกข้าตั้งราคาซูหมิงขาดทุนไปแล้ว จะต้องตามอยู่ข้างเขา รอจนตาแก่สองคนนั้นมาถึงก่อน ข้าจะขูดรีดพวกเขาให้หนักเลย ข้าอวี่เซวียนทำการค้าขาย จะไปขาดทุนได้อย่างไร’
“ศิษย์พี่รอง…..” ซูหมิงยิ้มฝืดเฝื่อน
“ศิษย์น้องเล็ก สตรีผู้นี้ใช้ได้เลย ไม่เลวจริงๆ” ศิษย์พี่รองยิ้มน้อยๆ พอมองสุนัขแล้ว ก็พยักหน้าให้ซูหมิงเหมือนมีความหมายลึกซึ้ง