ตอนที่ 744 ผนึกสามส่วน
จนกระทั่งสามคนด้านหลังเหวี่ยงซูหมิงกับอวี่เซวียนไปทางยอดเขาลำดับเก้า สามคนนั้นก็พุ่งตรงไปหาทาสเต๋ายี่สิบเอ็ด ท่ามกลางเสียงระเบิดแห่งความตาย ซูหมิงเปล่งเสียงคำรามที่ดังที่สุดในชีวิต
ขณะเขากำลังร้องคำราม ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดเดินผ่านหมอกโลหิตจาการระเบิดตัวเองของสามคนมาด้วยสีหน้าเย็นชา ส่วนเต้าหยวนข้างๆ ก็ตามมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น
ยังห่างจากยอดเขาลำดับเก้าอีกห้าร้อยจั้ง ทว่าระยะทางไม่มีประโยชน์ ต่อให้ถึงยอดเขาลำดับเก้าก็ไม่มีประโยชน์อะไร…ข้างหูอวี่เซวียนเหมือนมีเสียงมารดาดังก้อง ภายใต้เสียงนี้ นัยน์ตานางไม่เหม่อลอยอีก แต่มองมายังซูหมิง
“รู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าถึงมีนามว่าอวี่เซวียน…เซวียนคือพืชลืมความทุกข์ ข้าคือพืชลืมความทุกข์ท่ามกลางสายฝน มารดาข้าเป็นคนตั้งให้ นางอยากให้ข้าลืมความทุกข์ไปชั่วชีวิต ให้ชีวิตนี้ข้ามีแต่ความสุข….ท่านแม่กำลังเรียกข้าอยู่ ข้าจะไปอยู่กับท่านแม่…ก่อนไป ข้าอยากมอบของขวัญให้เจ้าชิ้นหนึ่ง” นางเผยยิ้มบาง รอยยิ้มนั้นจริงใจและงดงามอย่างยิ่ง นางมองซูหมิงพลางโอบกอดเขาเบาๆ แล้วจุมพิตลงบนริมฝีปากที่เต็มไปด้วยโลหิต
ในวินาทีนั้น กลิ่นอายมรณะยมโลกหลั่งไหลจากปากนางเข้าสู่ร่างซูหมิง ผสานรวมอยู่ในจิตวิญญาณเขา กลายเป็นเสียงดังกึกก้อง ขณะเดียวกันยังทำให้จิตวิญญาณซูหมิงเหมือนคึกคักขึ้นมา
ทว่าพอจิตวิญญาณซูหมิงกระปรี้กระเปร่าขึ้น ริมฝีปากอวี่เซวียนกลับเย็นเยียบมากขึ้นเรื่อยๆ ความเฉียบคมในแววตาค่อยๆ หายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความมัวหมอง
“ครั้งนี้ข้าขาดทุนแล้ว…แต่ข้าดีใจมาก….ที่ได้รู้จักเจ้า” อวี่เซวียนคลายมือออก ร่างดิ่งลงสู่พื้น จิตวิญญาณซูหมิงเหมือนกำลังถูกเผาไหม้ ชั่วขณะที่เกิดความเจ็บปวด เขารู้สึกได้ว่าจิตวิญญาณกำลังขยายตัวอย่างบ้าคลั่ง ความรู้สึกนี้มากพอทำให้เขาคลุ้มคลั่ง เหมือนกับสายเลือดตื่นขึ้น เหมือนกับจิตวิญญาณเกิดการผลัดเปลี่ยน ยามนี้ความเจ็บปวดกับความแข็งแกร่งกำลังทะยานขึ้นอย่างบ้าระห่ำ
เขาไม่รู้ว่าสุดท้ายอวี่เซวียนมอบอะไรให้ แต่รู้ว่ากลิ่นอายพลังนี้คือสิ่งที่จิตวิญญาณของตนขาดหาย เป็นกลิ่นอายพลังที่เขารู้สึกคุ้นเคย และทำให้จิตวิญญาณคล้ายจะสมบูรณ์แบบ!
ในเวลาเดียวกัน การกระตุ้นให้ตื่นขึ้นของยมโลกก็ปะทุอยู่ท่ามกลางจิตวิญญาณ แต่ความเจ็บปวดที่ตามมากลับไหลบ่าท่วมซูหมิง ทำให้เขาเปล่งเสียงคำรามแหลม แล้วยื่นมือออกไปอย่างไม่ลังเลเพื่อคว้าอวี่เซวียนที่หมดสติไม่รู้ว่าเป็นตายอย่างไร เหมือนอยากจะคว้าร่างนางเอาไว้ ไม่ให้ตกลงไปข้างล่าง
ทว่าทันใดนั้น ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดเดินเข้ามาแล้ว มือขวาที่ชูขึ้นมีแสงดาราขยับวูบวาบ แต่วินาทีที่กำลังจะลดฝ่ามือลง ก็มีร่างเงาหนึ่งเดินออกมาจากมวลอากาศบิดเบี้ยวห้าร้อยจั้งด้านหลังเขา บุคคลนั้นคือ…ไป๋ซู่
นางสวมอาภรณ์สีขาว ดูงดงามมาก บนใบหน้ายังมีรอยยิ้มบางประดับ ภายในรอยยิ้มและดวงตามีความงามแบบดื้อรั้นอยู่ นางเดินผ่านข้างซูหมิง พุ่งตรงไปหาทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
กลิ่นอายการระเบิดตัวเองแผ่กระจายมาจากตัวนาง กลิ่นอายพลังนี้เหมือนน้ำจากแม่น้ำสวรรค์ ตกลงสู่ผืนดิน ไม่ต่างกับชีวิตนาง…
“ข้าก็…” นี่คือประโยคสุดท้ายก่อนที่ไป๋ซู่จะระเบิดตัวเอง เมื่อสิ้นเสียงก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้องตรงหน้าซูหมิง
ภายในเสียงระเบิดนั้น ซูหมิงเห็นไป๋ซู่หายไป เขาคลุ้มคลั่งแล้ว
เส้นสีขาวลอยมาตามระลอกคลื่นหลังเกิดการระเบิด เขาอยากคว้าเอาไว้…แต่กลับเอื้อมไม่ถึง เส้นสีขาวลอยออกไปไกลเรื่อยๆ หากอยากจะคว้ามันไว้ก็มีเพียง…ปล่อยมือจากอวี่เซวียน
เขาอยากคว้าเอาไว้ ทว่า…เส้นสีขาวลอยไปไกลเรื่อยๆ มือที่จับอวี่เซวียนไว้ก็เริ่มหมดแรง ความเจ็บปวดในจิตวิญญาณตอนนี้ ทำให้เขาไม่อาจทนรับไหว นั่นเป็นความรู้สึกว่าจิตวิญญาณกำลังจะระเบิด คือความบ้าคลั่งที่กำลังจะตื่นขึ้น
จนถึงตอนนี้ มือที่จับอวี่เซวียนคลายออกเนื่องด้วยหมดแรง อวี่เซวียนที่กำลังหลับตาอยู่ ดิ่งลงสู่พื้นตามคลื่นกระเพื่อม นัยน์ตาซูหมิงพลันฉายแววบ้าคลั่งภายใต้น้ำตา
เขาบีบศีรษะตัวเอง ดวงตาแดงก่ำ ร้องคำรามคล้ายเสียงร้องด้วยความสิ้นหวังของสัตว์ป่า และตอนนี้เอง มังกรเหลืองบนฟ้าก็ส่งเสียงคำรามก่อนพุ่งลงไปยังพื้นดิน มันในตอนนี้ไม่สนใจทาสเต๋าสามคนนั้นอีก ในหัวมีอยู่ความคิดเดียวคือต้องรับอวี่เซวียนเอาไว้
ร่างมังกรเหลืองพุ่งลงมายังพื้นดิน ชั่วขณะที่อวี่เซวียนกำลังจะตกลงบนทะเล มันก็รับนางเอาไว้บนหลังก่อนอ้าปากร้องคำราม กลิ่นอายพลังมรณะยมโลกจำนวนมากปะทุมาจากตัวมัน ขณะเดียวกันก็หลั่งทะลักเข้าไปในร่างอวี่เซวียน มวลอากาศตรงหน้ามังกรเหลืองสั่นไหวเหมือนมีประตูทางเข้าไปอีกโลกหนึ่งกำลังถูกฝืนเปิดออกด้วยพลังพรสวรรค์ของมังกรยมโลกข้ามโลกา
มันจะพานายหญิงน้อยจากไป สีหน้ามันดูเศร้าหมอง มันรู้สึกว่าไม่ว่าจะส่งกลิ่นอายพลังยมโลกเข้าไปอย่างไร นายหญิงน้อยก็ยังคงค่อยๆ เดินไปสู่ความตาย
ทาสเต๋าสามคนบนฟ้าตรงเข้ามา ทำให้เต้าหยวนลำพองใจยิ่งกว่าเดิม
ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดแค่นเสียงเย็นชา ข้ามผ่านจุดที่ไป๋ซู่ระเบิดตัวเองมาอยู่ตรงหน้าซูหมิง แล้วยกมือขวาชี้ไปด้วยสีหน้าเย็นชา ฉับพลันนั้นแสงดาราจำนวนมากสว่างวาบมาจากมือ แล้วเข้าปกคลุมร่างซูหมิงเอาไว้ ทำให้ร่างเขามีแสงดาววนเวียนอยู่รอบๆ
ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม ร่างซูหมิงแหลกเป็นเสี่ยงๆ แขนขวาเหลือเพียงฝ่ามือ ตอนที่กระเด็นออกไป ฝ่ามือนั้นตรงเข้าไปคว้าเส้นสีขาวที่กำลังลอยไกลออกไปภายใต้แรงปะทะจากการระเบิด
ส่วนแขนซ้ายสลายไปเหลือเพียงนิ้วมือเดียว มันตกลงบนตัวมังกรเหลืองบนทะเลด้านล่าง หล่นอยู่ข้างๆ อวี่เซวียน
ซูหมิงคิดว่าตนตายแล้ว เพราะเขาในตอนนี้รู้สึกว่าวิญญาณของตนกำลังหายไป เขารู้สึกได้ถึงมือขวาที่คว้าเส้นสีขาว เห็นว่านิ้วมือซ้ายของตนตกลงข้างอวี่เซวียน
เห็นภายในถ้ำของอาจารย์บนยอดเขาลำดับเก้ามีรูปปั้นศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รองที่กำลังนั่งณาน และยังมีหู่จื่อซึ่งนอนกรนอยู่
รวมถึงทาสเต๋าสี่คนกับเต้าหยวน
นอกจากนี้แล้ว เขารู้สึกเป็นครั้งแรกว่าในวิญญาณของตนมีจุดสีดำซึ่งต่างกับวิญญาณเขาสามจุด จุดดำสามจุดนั้นมีจิตต่างกันสามชนิด ประหนึ่งว่าในวิญญาณเขามีวิญญาณของคนอื่นอยู่สามคน
วิญญาณสามคนนี้เหมือนถูกผสานรวมเป็นหนึ่งกับวิญญาณเขา สร้างขึ้นเป็น…ผนึกสามส่วนสุดท้ายในวิญญาณ
ผนึกสามส่วนนั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งกับวิญญาณเขาแล้ว เดิมทียากจะแยกออก ทว่า…กลิ่นอายพลังมรณะยมโลกจากปากอวี่เซวียนทำให้วิญญาณเขาตื่นตัว บางทีอาจสมบูรณ์ บางที…อาจเกิดการแปรเปลี่ยน
สิ่งนี้ส่งผลให้วิญญาณเขารู้สึกถึงผนึกสามส่วนนี้ ช่วงที่จิตสำนึกรู้สึกถึงผนึกสามส่วน ก็มีเสียงแก่ชราแหบแห้งดังอยู่ในหัวของซูหมิง
“เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มีวันรู้สึกถึงพวกข้าไปชั่วชีวิต เดิมทีข้าคิดว่าหงหลัวคือเหตุบังเอิญเสียอีก”
“ปลดปล่อยจิตใจพวกเราออกไป พวกข้าจะไม่เป็นผนึกของเจ้า และเจ้าจะไม่เป็นเครื่องพันธนาการพวกข้าสามคนอีก”
“ให้พวกข้าสามคนออกไป แล้วจะช่วยเจ้าผ่านเคราะห์ภัยครั้งนี้ไปได้ ให้พวกข้าสามคนออกไป วิญญาณเจ้าจะไม่ถูกผนึกอีกนับจากนี้ไป”
“ปลดปล่อยจิตใจ เจ้าไม่อยากแก้แค้นรึ เจ้าไม่อยากสังหารพวกมันด้วยตัวเอง ไม่อยากปกป้องยอดเขาลำดับเก้าของเจ้าหรอกรึ….”
“ปลดปล่อยจิตใจ พวกข้าสามคนช่วยเจ้าสมความปรารถนาได้”
“ปลดปล่อยจิตใจ แม้เด็กสาวนามไป๋ซู่คนนั้นจะตายไป ทว่าร่างกายนางพิเศษ นางน่าจะไม่ใช่คนเผ่าหมาน วิญญาณนางเป็นเพียงเงาสะท้อน หากเจ้าปล่อยจิตใจ ข้าจะให้เจ้าเห็นว่า…จริงๆ แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ใด”
“ปลดปล่อยจิตใจเถอะ เพื่อเจ้า เพื่อพวกข้า…พวกข้าถูกผนึกมานานมากแล้ว เจ้าเองก็ถูกผนึกมานานมากเช่นกัน จงปลดปล่อย…ออกมาเถิด”
เสียงแก่ชราสามคนดังกึกก้องในจิตสำนึกซูหมิงอยู่นานไม่เลือนหาย
ขณะเดียวกัน ท่ามกลางเสียงครึกโครม อาคมห้าร้อยจั้งนอกยอดเขาลำดับเก้าพังทลายลงทั้งหมด ยอดเขาลำดับเก้าจึงปรากฏอยู่ตรงหน้าทาสเต๋าสี่คนกับเต้าหยวนอย่างสมบูรณ์
บนยอดเขาลำดับเก้า ตอนนี้เหลือเพียงเฉียนเฉินที่กำลังตัวสั่นกับกระเรียนขนร่วงซึ่งตัวสั่นงันงกอยู่ข้างๆ
“คิดว่าที่นี่จะมีอะไรดีเสียอีก ก็แค่ขยะตัวหนึ่งกับกระเรียนขนร่วง ทาสเต๋าสามสิบเอ็ด สี่สิบเอ็ด ห้าสิบเอ็ด พวกเจ้าสามคนทำลายภูเขานี้ให้ราบเสีย บนเขามีถ้ำอยู่ ไปเปิดมันให้ข้าด้วย แล้วดูว่าในนั้นมีของล้ำค่าอะไรหรือไม่ ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ด ลงไปจับแม่นางน้อยข้างล่างนั่นมาให้ข้า ต่อให้ใกล้ตายข้าก็อยากลิ้มลองสักหน่อย อย่าให้พวกมันหนีไปได้” เต้าหยวนยิ้มเยาะ ตอนที่ชี้นิ้วไปยังยอดเขาลำดับเก้าพลางเอ่ยขึ้น ทาสเต๋าสามคนก็กลายเป็นสายรุ้งสามเส้นตรงไปยังยอดเขาลำดับเก้าแล้ว
ส่วนทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดบินลงไปทางมังกรเหลืองผู้ไร้ซึ่งการป้องกัน และกำลังส่งกลิ่นอายมรณะยมโลกให้อวี่เซวียนเพื่อช่วยนางโดยไม่สนสิ่งใด
มวลอากาศบิดเบี้ยวตรงหน้ามังกรยมโลก ตอนนี้กำลังฉีกแยกออกอย่างช้าๆ เผยเป็นรอยแยกเส้นหนึ่ง แต่ด้วยความเร็วของทาสเต๋ายี่สิบเอ็ด จึงมาขวางเอาไว้ก่อนที่มังกรยมโลกจะหนีเข้าไปในรอยแยกได้
ทว่าจังหวะที่ทาสเต๋าสี่คนแยกย้ายกันไป กลับมีแรงกดดันจากโดยรอบรวมตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แรงกดดันนี้มาอย่างกะทันหันยิ่งนัก แทบทันทีที่มันปรากฏ ทาสเต๋าสี่คนหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน ขณะเดียวกันก็พบว่าอากาศตรงหน้าทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดเกิดการบิดเบี้ยวแล้วมีร่างเงามายาเดินออกมา
ร่างนี้เลือนรางไม่ชัดเจน ดูแล้วคล้ายชายชราคนหนึ่ง ทว่าหากมองดีๆ กลับเห็นเป็นชายหนุ่มแทน ร่างเงาสองคนนี้ซ้อนทับกัน ให้ความรู้สึกพิลึกอย่างยิ่ง
“จะ…เจ้ายังไม่ตาย!” ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดพลันเบิกตากว้าง
ร่างชายหนุ่มผู้นี้ก็คือซูหมิงที่ถูกเขาสังหารไปเมื่อครู่
ทันทีที่เห็นซูหมิง ทาสเต๋ายี่สิบเอ็ดหน้าเปลี่ยนสี ทั้งยังหวาดกลัวในใจ เพราะตอนนี้แรงกดดันจากตัวซูหมิงทำให้เขาตื่นกลัวจนไม่เป็นสุข