Skip to content

สู่วิถีอสุรา 767

ตอนที่ 767 การเปลี่ยนแปลงของดาวแดงเพลิง

แผ่นหยกขยับแสงวิบวับแล้วมาปรากฏอยู่ทางตะวันตกของดาวแดงเพลิง มันเพิ่งข้ามผ่านเขตพื้นที่หนึ่งมา มวลอากาศตรงหน้าก็บิดเบี้ยวโดยพลัน เถียนหลินเดินออกมาคว้าแผ่นหยกเอาไว้ พอใช้จิตสัมผัสตรวจสอบแล้วใบหน้าก็เผยรอยยิ้ม นัยน์ตาฉายแววตื่นเต้นแบบปกปิดไม่มิด เขาหัวเราะพลางกลายเป็นอุกกาบาตพุ่งขึ้นฟ้า เห็นได้ชัดว่าจะไปหาสหายของเขาเพื่อวางแผนนี้ร่วมกัน

ผ่านไปหนึ่งปี ซูหมิงอยู่บนดาวแดงเพลิงมาสี่ปีเต็มแล้ว สองปีหลังอยู่แต่ในถ้ำไม่เคยออกมา คอยสูบพลังแห่งเลือดเนื้อจากหินสีครามอยู่ตลอดเวลา

วันนี้ซูหมิงลืมตาจากฌานสมาธิ หินสีครามจำนวนมากตรงหน้าแหลกละเอียดพร้อมกัน ช่วงที่พลังแห่งเลือดเนื้อหลายสายหลั่งไหลเข้าสู่ร่าง เขาสังเกตเห็นว่านอกถ้ำมีสายรุ้งยาวสี่สายกำลังเข้ามาใกล้

สี่คนในสายรุ้งยาวมีกลิ่นอายพลังคนหนึ่งที่ซูหมิงคุ้นเคย นั่นคือเถียนหลิน ส่วนสามคนที่เหลือแม้จะแปลกตา แต่ล้วนเป็นเจ้าปกครองโลก!

ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ เศษหินสีครามทั้งหมดตรงหน้าพลันหายไป เขายืนขึ้นแล้วขยับกายวูบไหว เดินออกมานอกถ้ำ เส้นผมสีเทาพลิ้วไหวท่ามกลางสายลม เสื้อคลุมขาวทั้งตัวนี้ก็คือเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา มันปลิวไสวไปตามสายลม

ซูหมิงยังควบคุมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราตัวนี้ไม่ได้อย่างสมบูรณ์ ทว่าด้านการป้องกันกลับน่าทึ่ง อีกอย่างไม่ว่าจะเสียหายอย่างไร ครู่เดียวก็จะฟื้นกลับมาเป็นปกติ ตอนนั้นที่สู้กับหญิงชราเหมยหลัน ไม่มีใครมองเห็นเงื่อนงำอะไรจากเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราเลย แม้แต่หญิงชราเหมยหลันยังคิดว่าเป็นความแกร่งของร่างกายซูหมิง

สุนัขตัวใหญ่ร่างแปลงกระเรียนขนร่วงวิ่งตามซูหมิงออกมาจากถ้ำอย่างเร็วรี่ แล้วมองฟ้าอยู่ข้างๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเฉยชา

ส่วนหงส์งูเพลิงตอนนี้อยู่ตรงตีนเขาและมองฟ้าอย่างเย็นชา มันตัวใหญ่เกินไป ฉะนั้นแม้จะนอนขดตัวก็ยังเหมือนกับภูเขาลูกเล็ก

สายรุ้งสี่สายบินอยู่บนเส้นขอบฟ้า พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ คนนำหน้าสุดคือเถียนหลิน เขามองแวบเดียวก็เห็นซูหมิง จากนั้นจึงเผยรอยยิ้ม

“ขอบคุณที่ให้สหายซูยังรออยู่ที่นี่ ถือเป็นเกียรติของแซ่เถียนยิ่งนัก”

เถียนหลินยิ้มพลางขยับวูบไหวมาอยู่ตรงหน้าซูหมิง สายรุ้งสามสายด้านหลังก็เข้ามาใกล้ในพริบตา แล้วยืนอยู่บนยอดเขาพร้อมกัน พลังจิตสัมผัสแก่กล้าสามสายพุ่งตรงไปหาซูหมิงอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย

ถึงจิตสัมผัสสามสายจะไม่มีจิตสังหาร แต่เป็นการตรวจแบบเปิดเผย เห็นชัดถึงความวางอำนาจบาตรใหญ่

“สหายท่านนี้คงจะเป็นสหายซูที่สหายเถียนพูดถึง เป็นแค่ผู้ฝึกฌานระดับดินเล็กจ้อย ข้าว่าแผนการของสหายเถียนคงไร้ความหวังแล้ว” สามคนนี้เป็นชายวัยกลางคนหนึ่งกับชายชราหนึ่ง ส่วนคนสุดท้ายเป็นคนแคระสูงครึ่งคน

ชายชราคนนั้นมีผมขาวโพลนแต่ดูกระฉับกระเฉง หลังค่อมเล็กน้อย ดวงตามัวหมองไร้ประกาย ทว่าหากสังเกตดวงตาเขาดีๆ จะเห็นว่าดวงตาขวาตั้งขึ้น

เขายืนด้วยสีหน้าเย็นชา อ่านอารมณ์ไม่ออก ทว่าจิตสัมผัสที่ใช้ตรวจสอบซูหมิงกลับแฝงไว้ด้วยความหนาวเหน็บ

ส่วนชายวัยกลางคนมีใบหน้ากลางๆ ผิวหนังค่อนข้างคล้ำ และยังมีรอยแผลเป็นจากมุมปากซ้ายลากผ่านใบหน้า ทำให้ตอนพูดจะเห็นฟันสีเหลืองโผล่ออกมา ให้ความรู้สึกน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง นอกจากนี้ร่างกายเขาก็ไม่ได้ซูบผอมเหมือนกับคนแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต แต่กำยำอย่างยิ่ง ยืนอยู่ตรงนั้นดุงดั่งกำแพง

เขาไม่มีเส้นผม กระทั่งขนคิ้วยังไม่มี เปลือยกายท่อนบน กระทั่งตรงหน้าอกยังมีโซ่ทะลวงผ่าน ราวกับมันเติบโตอยู่ในร่างกาย

และก็เป็นบุคคลนี้ที่เอ่ยเมื่อครู่

ส่วนคนแคระสูงครึ่งคนข้างๆ ยิ้มตาหยี ดูเป็นมิตรมาก มือเท้าเล็กๆ คล้ายกับไม่มีอันตรายใดๆ เส้นผมยังถักเป็นเปียเส้นหนึ่งปล่อยไว้ด้านหลัง ยามนี้สองมือกุมเข้าด้วยกันและยื่นออกมาจากแขนเสื้อสองข้าง ท่าทางเหมือนกับเถ้าแก่ร้านในอำเภอเล็กๆ

สิ้นเสียงชายวัยกลางคนร่างกำยำที่หัวล้านและไม่มีขนคิ้ว เถียนหลินก็ขมวดคิ้วแล้วมองซูหมิงด้วยแววตาขอโทษ ก่อนจะหมุนตัวมายืนอยู่ระหว่างชายร่างกำยำกับซูหมิง ยิ้มเจื่อนขณะมองชายร่างกำยำ

“สหายเยียอย่าพูดเช่นนั้น ระหว่างทางแซ่เถียนคุยกับทุกคนอย่างละเอียดดีแล้ว รวมถึงเรื่องสหายซูด้วย ข้าได้อธิบายให้สหายเยียฟังไปแล้ว เราต้องร่วมมือกัน ห้ามทะเลาะกัน”

“หึ” ชายวัยกลางคนร่างกำยำแค่นเสียงหึเย็นชาแล้วไม่สนใจซูหมิงอีก แต่ก็ยอมรับความเห็นของเถียนหลิน

“สหายซู แซ่เถียนขอแนะนำให้รู้จัก ท่านนี้คือสหายหลงลี่แห่งดาววัฏจักรสวรรค์ สหายหลงมีขั้นพลังน่าทึ่ง ทั้งยังเชี่ยวชาญวิชาอภินิหารจำนวนมาก มีพรสวรรค์แก่กล้า” สิ้นเสียงเถียนหลิน ชายชราหนึ่งในสามคนก็มองซูหมิงอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ไม่กล่าวอะไร เพียงพยักหน้ารับน้อยๆ

ซูหมิงก็มองชายชราแวบเดียวเช่นกัน ดวงตาขวาของคนผู้นี้นี้ตั้งขึ้น ทำให้ซูหมิงเกิดความรู้สึกถึงอันตรายอย่างยิ่ง

“ท่านนี้คือสหายเยียเซินถงแห่งดาวปฐพีสงบ สหายเยียมีพลังปาฏิหาริย์ ขั้นพลังก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ทั้งยังตระหนักรู้ในพลังต้นกำเนิดปฐพี หากอยู่ในส่วนลึกของพื้นดินจะระเบิดพลังที่แกร่งยิ่งกว่าได้ ตอนนั้นเขาเคยสู้กับผู้รักษาการณ์คนหนึ่งแล้วรอดมาได้ ตอนนี้อาการบาดเจ็บหายดีแล้ว อีกทั้งขั้นพลังยังก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม”

ขณะเถียนหลินกล่าว ชายวัยกลางคนร่างกำยำที่หัวล้านไม่มีคิ้วก็ยิ้มน่าสยดสยองให้ซูหมิง เขาดูเหมือนคนบุ่มบ่าม ทว่าคำพูดเมื่อครู่ได้อธิบายความหมายในตัวมันเองแล้ว

“ท่านสุดท้ายคือสหายซุนคุนแห่งดาวเงาโชติช่วง สหายซุนเชี่ยวชาญเรื่องวิชาอาคม ทั้งยังได้รับนามว่ามีของวิเศษมากมาย มีชื่อเสียงเลื่องลือแปดทิศในด้านการใช้พิษจู่โจม” เถียนหลินกล่าวจบ

คนแคระผู้คล้ายกับเถ้าแก่ร้านประสานมือคารวะซูหมิงอย่างเป็นมิตร แล้วหัวเราะเสียงดังอย่างสบายใจ

“สหายเถียนชมเกินไปแล้ว สหายซูอย่าไปฟังเขามาก มีชื่อเสียงเลื่องลือแปดทิศอะไรกัน ข้าเพียงเดินทางจากตะวันออกสู่ตะวันตกในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตเพื่อขออาหารกินก็เท่านั้น

นี่เป็นเพียงคำเรียกที่คนส่วนใหญ่ให้เกียรติข้า ไม่ใช่ความจริงหรอก” ซุนคุนหัวเราะพลางส่ายศีรษะหลายที ไม่ได้มีท่าทีเป็นอันตรายแม้แต่น้อย กลับทำให้เกิดความรู้สึกดี

“ส่วนสหายซู ระหว่างทางข้าแนะนำกับสหายทั้งสามท่านแล้ว สหายซูมีขั้นพลังไม่ธรรมดา มีพลังแห่งเลือดเนื้อแก่กล้า ทั้งยังมีวิชาอภินิหารแห่งกฎ ต่อให้เป็นแซ่เถียนยังเคารพยำเกรงยิ่ง” เถียนหลินมองสามคน ตอนที่เอ่ย ซูหมิงก็พยักหน้าอย่างเย็นชา

ก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นจิตสัมผัสที่เข้ามาตรวจสอบของสามคนหรือการยั่วยุของเยียเซินถง เขายังคงมีสีหน้าดังเดิม ตอนนี้เย็นเยียบโดยสมบูรณ์ ไม่กล่าวแม้สักคำ

ความสงบนิ่งของเขาทำให้นัยน์ตาเยียเซินถงชายร่างกำยำมีประกายที่ไม่อาจตรวจจับได้ แม้แต่คนแคระซุนคุนยังยิ้มหยีตามองซูหมิงหลายครั้ง มีเพียงชายชราหลังค่อมที่ไม่สนใจ

“เอาละ คนมาครบกันแล้ว อีกหกปีผู้รักษาการณ์จะมาลาดตระเวนอีกครั้ง พวกเราต้องรีบแล้ว” เถียนหลินมองฟ้าก่อนเอ่ยขึ้นทันที

“เหตุใดถึงไม่เจอสหายเหมยหลันเลย?” คนแคระซุนคุนยิ้มพลางกล่าว

“สหายเหมยหลันมีปณิธานต่างกับพวกเรา นางไม่มาหรอก” เถียนหลินส่ายศีรษะ เลี่ยงข้อสนทนานี้ไป จากนั้นก็มองซูหมิงด้วยสีหน้าจริงจัง

“ไม่ทราบว่าสหายซูจะปล่อยสัตว์ร้ายทั้งหมดบนดาวแดงเพลิงต้องใช้เวลากี่วัน?”

“หนึ่งเดือน” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ

“ดี หนึ่งเดือนจากนี้ หลังจากสหายซูปล่อยสัตว์ร้ายออกมาหมดแล้ว พลังชีวิตของยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดจะไม่ถูกสูบกินอีก ถึงตอนนั้นขอให้สหายสามท่านช่วยข้า พวกเราจะเปิดทางเข้าผนึกตามวิธีที่แซ่เถียนบอกไป แล้วเข้าไปตรงใจกลางแกนดาว

พอไปถึงแกนดาวแล้วต้องให้สหายซูกับสหายซุนใช้พรสวรรค์ด้านอาคมให้พวกเราเดินทางไปยังส่วนลึกยิ่งกว่า ถึงตอนนั้นสหายเยียที่มีร่างกายแข็งแกร่งจะเป็นคนนำหน้าเปิดเส้นทาง สหายหลงมีอภินิหารน่าทึ่งและมีจิตสัมผัสแกร่งกว่าพวกเรา ขอให้ท่านเป็นคนชี้ทาง ส่วนข้า เรื่องนี้ข้าเป็นตัวสำคัญ ข้าจะใช้จิตแรกสลับกับร่างกาย ใช้ร่างจิตแรกช่วยสหายหลงนำทาง ช่วยสหายเยียเปิดเส้นทาง และช่วยสหายซูกับสหายซุนตัดทอนพลังผนึก” เถียนหลินเอ่ยอย่างเด็ดขาด เพิ่งกล่าว สามคนข้างๆ ต่างมีสีหน้าสนใจ แม้แต่ชายชราหลงลี่ผู้เย็นชามาโดยตลอดยังชำเลืองตามอง

“จิตแรกสลับกาย ใช้จิตแรกมาแทนร่างกาย สหายเถียนคงรู้ว่าผลเสียในภายภาคหน้าของวิชาต้องห้ามนี้เป็นเช่นไร” หลงลี่กล่าวครั้งแรกด้วยเสียงแหบแห้ง

“ย่อมรู้แน่นอน หากพลาดแม้แต่นิดเดียว ร่างกายจะแห้งเหี่ยว จิตแรกจะไม่เติบโตและต้องตายอย่างแน่นอน แต่ก็มีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะเพิ่มโอกาสให้แผนนี้ และทำให้พลังแซ่เถียนสูงขึ้น มิเช่นนั้นแล้ว หากพวกเราใช้เพียงกายเนื้อคงยากจะเข้าไปส่วนลึกยิ่งกว่า ทุกท่าน เรื่องนี้แซ่เถียนจ่ายไปมหาศาล หวังเพียงว่ามันจะสำเร็จ ขอให้ทุกท่านอย่าทะเลาะกันเองเลย มิเช่นนั้นแล้ว…ก็อย่ามาถือโทษข้าแล้วกัน!”

น้ำเสียงเถียนหลินหนาวเยือกในทันที ความรู้สึกอบอุ่นที่มีมาตลอดกลับเย็นเยียบ เมื่อรวมกับคำว่าจิตแรกสลับร่างกายที่เขาว่าไว้เมื่อครู่นี้ ทำให้ความหนาวเยือกมีความน่าเกรงขามอย่างรุนแรงด้วย

“สหายซู ขอไหว้วานทุกอย่างด้วย” เถียนหลินสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วประสานมือคารวะซูหมิง

ซูหมิงมองเถียนหลิน พลางนึกถึงทุกอย่างตอนที่อีกฝ่ายเข้าสู่วิชามายาเมื่อสองปีก่อน ครู่ต่อมาเขาก็ประสานมือคารวะเช่นกัน ก่อนขยับกายวูบไหวบินขึ้นฟ้าไป หงส์งูเพลิงร้องคำรามพร้อมกับบินขึ้น ส่วนสุนัขร่างแปลงกระเรียนขนร่วงก็ส่งเสียงเห่าตามอยู่ด้านหลัง

สามวันต่อมา ดาวแดงพลิงพลันสั่นสะเทือน มีเสียงคำรามสะเทือนฟ้าแว่วมาจากในผนึกของสัตว์ร้ายเผ่าประหลาด สัตว์ร้ายคล้ายพยัคฆ์ตัวหนึ่งพุ่งออกมาจากผนึกด้วยความตื่นเต้น

เจ็ดวันต่อมา มีเสียงคำรามบนดาวแดงเพลิงดังต่อเนื่องกัน สัตว์เทพเผ่าประหลาดต่างพุ่งออกมาจากผนึกในทุกพื้นที่กันไม่หยุดหย่อน เสียงคำรามสั่นสะเทือนรอบดาวแดงเพลิง ส่งผลให้ผู้ฝึกฌานต่างพากันหวาดกลัว

ครึ่งเดือนต่อมา ดาวแดงเพลิงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้น สัตว์ร้ายมากกว่าครึ่งถูกปล่อยออกมากันมืดฟ้ามัวดิน เสียงครึกโครมสนั่นดินฟ้า ภายในห้องหินบนยอดเขาทางตะวันออก หญิงชราเหมยหลันนั่งอยู่เงียบๆ ด้วยสีหน้าอ่านยาก

หนึ่งเดือนต่อมา สัตว์ร้ายแทบทั้งหมดบนดาวแดงเพลิงส่งเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหว หลังจากสัตว์ร้ายแทบทั้งหมดพุ่งออกมาจากผนึกแล้ว ก็ส่งเสียงร้องแห่งความกระหายในอิสระ

หลังการเปลี่ยนแปลงของดาวทมิฬมาหมื่นปี ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งที่สองขึ้น เรียกว่า…การเปลี่ยนแปลงของดาวแดงเพลิง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version