Skip to content

สู่วิถีอสุรา 780

ตอนที่ 780 วางแผนสังหาร

‘ม้วนคัมภีร์โบราณวางอยู่ตรงหน้าหลงลี่ ดูท่าคงจะสำคัญกับเขามาก ไม่รู้ว่าเป็นของวิเศษหรือบันทึกความลับอะไรเอาไว้’ ในใจซูหมิงสั่นไหว แต่ไม่นานก็ระงับเอาไว้ แล้ววางแผนจะปลุกกระเรียนขนร่วงให้มันไปเอาม้วนคัมภีร์นั้นมา

ทำแบบนี้ไม่ฉลาดนัก และยังอันตรายอย่างยิ่ง บวกกับเวลานี้ในแดนผนึกเกิดเหตุการณ์ประหลาดมากมาย เวลาเร่งด่วน กลิ่นอายพลังของผู้รักษาการณ์กำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว กลายเป็นแสงดำนั้นปกคลุมเข้ามา

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เขาหมุนตัวไปอย่างเด็ดขาดแล้ววูบไหวตัวมายังกระเรียนขนร่วงที่หมดสติอยู่ คว้าตัวมันใส่ในถุงเก็บวัตถุแล้วห้อวิ่งอยู่ในผนังหิน

‘มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดถึงมีผู้รักษาการณ์มา หรือว่าตอนข้าหมดสติจะผ่านไปหลายปีแล้ว จนผู้รักษาการณ์มาตรวจดาวแดงเพลิงอีกครั้ง?

หากไม่ใช่อย่างนั้น นี่จะต้องเป็นแผนการของเถียนหลินแน่!’ ซูหมิงอยู่ในผนังหิน ใช้พลังแห่งเลือดเนื้อเดินหน้าไป ทว่ายังไปได้ไม่ไกล ก็มีเสียงโครมดังสนั่นแว่วมาจากจุดที่มีหินโลกด้านหลัง

ในเสียงอึกทึกนั้น ซูหมิงได้ยินเสียงคำรามต่ำของหลงลี่

“นักโทษมดปลวก” ขณะเดียวกัน ในเสียงคำรามต่ำของหลงลี่ยังมีอีกเสียงหนึ่งดังก้องตามมา คนได้ยินจะเกิดความหนาวเหน็บในใจ กระทั่งในโพรงจมูกยังรู้สึกถึงกลิ่นคาวเลือด

ซูหมิงใจสั่นสะท้าน ดวงตาสองข้างหรี่ลงพร้อมกับเร่งความเร็วพุ่งทะยานไป เขารู้สึกได้ว่าหลงลี่กำลังหนีอยู่ในเส้นทางถ้ำรังผึ้งบางแห่งด้านหลัง และด้านหลังเขายังมีกลิ่นอายพลังอันน่าสะพรึงกลัวไล่ตามไปแบบไม่ช้าไม่เร็ว

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก โคจรพลังในร่างกาย ระมัดระวังตัวมากขึ้นอีก แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็มีเสียงดังสนั่นรุนแรงแว่วมาจากในแดนผนึกอีกครั้ง

เสียงนี้ห่างจากเขาไปไม่ไกลนัก ยังมีเสียงคำรามของเถียนหลินแว่วมา

“ซุนคุน ซูหมิง หากพวกเจ้าสองคนยังซ่อนตัวอีกจะต้องตายแน่ รีบมาช่วยกันฆ่าผู้รักษาการณ์คนนี้เร็ว!” เสียงเถียนหลินฟังดูแหบแห้ง เห็นได้ชัดว่าเสียงระเบิดเมื่อครู่นี้ทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส

“สหายซุน สหายซู ผู้รักษาการณ์คนนี้มีขั้นพลังเจ้าปกครองโลกตอนกลาง ต่อให้พวกเจ้าสองคนซ่อนตัวลึกกว่านี้อีกก็หนีไม่รอดหรอก มาร่วมมือกันสู้กับเขาไม่ดีกว่ารึ!” เสียงหลงลี่ซึ่งแฝงไว้ด้วยความอ่อนแรงดังกังวานตามมา

“อ้อ? ซุนคุน ซูหมิง ไม่อยากเชื่อว่าจะรอดมาสี่คน ทว่าจากการตรวจสอบ ข้าเจอจุดแสงเพียงสามคน…น่าสนใจ หรือว่านอกจากเผ่าประหลาดแล้ว ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตยังมีคนที่มีสายเลือดซึ่งไม่ถูกบันทึกลงในบัญชีอยู่อีก” จิงหนานจื่อเอ่ยตามด้วยเสียงเย็นเยียบ

ต่อจากนั้นเสียงโครมครามก็ดังกึกก้องต่อเนื่องกัน รวมถึงเสียงคำรามทุ้มต่ำ

เสียงปะทะกันของวิชาและเสียงเฉียบคม แม้จะแว่วมาไกลๆ ซูหมิงที่กำลังห้อวิ่งอยู่ก็ยังได้ยิน และคาดการณ์ได้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้คงจะดุเดือดยิ่งนัก

ซูหมิงรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้ที่ตนจะเข้าร่วมได้ง่ายๆ เวลานี้จึงห้อเหยียดไป ไม่มุ่งหน้าไปสู่ส่วนลึกของแดนผนึกอีก แต่มุ่งหน้าไปยังทางออกอย่างเร็วไว

ระหว่างที่ซูหมิงหนีออกไปข้างนอก ซุนคุนที่อยู่ตรงส่วนลึกใจกลางผนึกกำลังมีสีหน้าอ่านยาก เสียงระเบิดและเสียงคำรามแว่วมาข้างหูจนได้ยินอย่างชัดเจน เวลานี้เขาพลันกัดฟันยืนขึ้น แล้วมุ่งหน้าไปยังเส้นทางข้างๆ ทันใดนั้นร่างเงาเขาก็พลันเลือนรางครึ่งหนึ่ง

‘บัดซบ พวกเจ้าพูดชื่อข้าไปแล้ว แบบนี้ต่อให้ข้าหนีไปก็ต้องถูกล่าสังหารอยู่ดี หากไม่อยากถูกประกาศจับจนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกไปชั่วนิรันดร์…ก็มีแต่ต้องสู้!’ ใช่ว่าซุนคุนไม่คิดหนี แต่บนดาวแท้จริงที่เขาอาศัยอยู่มีคนสายเลือดตระกูลซุน หากเขาถูกประกาศจับ คนในตระกูลจะต้องถูกสังหารอย่างเหี้ยมโหดเป็นกลุ่มแรกแน่ๆ

ซุนคุนหายตัวไปในเส้นทาง ขณะที่เขามุ่งหน้าไปยังต้นเสียงครึกโครม ซูหมิงก็เข้าใกล้ทางออกมากแล้ว ซึ่งเป็นจุดที่มีเส้นสีแดงไร้พลังชีวิตนับไม่ถ้วนตอนพวกเขาเข้ามาแรกสุด

ทว่าเพิ่งมาถึงตรงนี้ ซูหมิงกลับหยุดชะงัก ตรงหน้ามีบุรุษผมยาวสีแดงนั่งขัดสมาธิอยู่ บุรุษผู้นี้นั่งอย่างสงบนิ่งยิ่งนัก หมวกวางอยู่ข้างๆ เผยใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาเรียวยาวหลับตาอยู่ แต่ซูหมิงกลับมีความรู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายโบราณก็ไม่ปาน

“เจ้าคือคนซึ่งมีสายเลือดที่ยังไม่ถูกบันทึกในบัญชีตอนข้าตรวจสอบรึ?” เสียงเย็นเยียบดังมาจากปากคนผู้นี้ บุรุษเส้นผมแดงลืมตาขึ้นช้าๆ วินาทีที่ลืมตาก็มีแสงสีแดงดุจโลหิตเปล่งวาบ

ซูหมิงไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อย ในจิตสัมผัสเมื่อครู่ไม่ตรวจพบบุคคลผู้นี้เลย แต่กลิ่นอายพลังจากตัวอีกฝ่ายเหมือนกับตอนที่เขารู้สึกถึงผู้รักษาการณ์ก่อนหน้านี้ทุกประการ

เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกเถียนหลินกำลังสู้กับผู้รักษาการณ์อยู่ เช่นนั้นคนที่อยู่ตรงนี้จะต้องเป็นร่างแยกหรือไม่ก็จิตแรกเท่านั้น

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายแวววาว เขาถอยหลังไปอย่างไม่ลังเลราวกับคิดจะหนีไป ซึ่งการกระทำนี้สอดคล้องกับการคาดเดาของบุรุษผมแดงผู้นี้พอดี

“กับแค่ขั้นพลังระดับดินเล็กจ้อย เปล่าประโยชน์ที่ข้าวางร่างแยกไว้ที่นี่จริงๆ” บุรุษผมแดงส่ายศีรษะ ก่อนยกมือขวาชี้ซูหมิงแบบสบายๆ

โครม!

ซูหมิงกระอักเลือด ทั่วร่างโรยราลงในทันที อาการบาดเจ็บดูสาหัสถึงขีดสุด เขาสะบัดแขนเสื้อมือขวาไปข้างหน้า ก่อนที่ร่างจะกระเด็นถอยไปราวกับว่าวสายป่านขาด เพียงแต่บุรุษผมแดงไม่รู้ว่าตอนที่ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ มีเงาดำบินออกมาจากแขนเสื้อ แล้วต่อยมวลอากาศอย่างแรง

เงาดำนั้นก็คือผึ้งพิษ แต่จุดที่มันต่อยกลับว่างเปล่า เป็นเพียงอากาศเท่านั้น

“อ่อนแอเสียยิ่งกว่ามดปลวก” บุรุษผมแดงยืนขึ้น ถือหมวกเกราะแล้วก้าวเดินไปหาซูหมิง ชั่วขณะที่เดินอยู่กลางอากาศ เขายกมือซ้ายขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ใช้ฝ่ามือกดอากาศไปทางซูหมิงที่กำลังกระเด็นถอย

ทว่าทันใดนั้นเอง ซูหมิงที่มีโลหิตไหลตรงมุมปากและกระเด็นถอยอยู่นี้ นัยน์ตากลับเปล่งประกายเย็นเยียบ เขาจ้องตรงจุดที่บุรุษผมแดงอยู่ สีหน้าห่อเหี่ยวถูกจิตสังหารเข้ามาแทนที่ในพริบตา จากนั้นยกมือขวาขึ้น ฝ่ามือชี้ขึ้นหลังมือชี้ลง พลังแห่งซู่มิ่งอบอวลอยู่ในตัวเขาโดยทันที

ยามนี้ซูหมิงใช้พรสวรรค์การเปลี่ยนวงโคจรเวลา ทว่าไม่ได้ใช้กับตัวบุรุษผมแดง แต่ใช้กับร่างกายของเขาเอง

ฉะนั้น บุรุษผมแดงยังคงเดินหน้ามาอยู่ ซูหมิงที่กำลังกระเด็นถอยกลับห้อเหยียดเข้ามาราวกับเวลาหวนคืน อีกทั้งยังปะทุความเร็วขึ้น และเพราะพลังแห่งเวลานี้ บุรุษผมแดงจึงอึ้งงันไป

แทบจะชั่วพริบตาเดียว ซูหมิงมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าบุรุษผมแดงแล้ว นี่ไม่ใช่ว่าซูหมิงตรงเข้ามาหาเอง แต่ภายใต้สภาวะกาลเวลาย้อนคืน จากกระเด็นถอยจึงกลายเป็นเดินหน้า บางทีอาจพูดได้ว่าเขาเคยปรากฏตัวในจุดเวลาบางแห่งก่อนหน้านี้

เพียงแต่ว่าตอนอยู่ในตำแหน่งนี้ เขาฝืนกระอักโลหิตออกมาเพื่อใช้โลหิตอำพรางไว้ จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อ ผึ้งพิษบินออกมาจากแล้วต่อยมวลอากาศข้างๆ อย่างแรง

และในเวลานี้เอง พร้อมกับที่ซูหมิงย้อนเวลา ผึ้งพิษก็ย้อนเวลาเช่นกัน ตอนนี้มันพลันปรากฏตัวอยู่ข้างเขา และในขณะเดียวกัน…ก็อยู่ข้างๆ บุรุษผมแดงที่ไล่ตามเขามา

ผึ้งพิษยื่นเหล็กในออกมาตรงหาง เหล็กในขยับแสงพิลึกวิบวับ ก่อนแทงเข้าไปกลางอากาศ ตอนแรกนั้นผึ้งพิษแทงอากาศจริงๆ ทว่าตอนนี้ ตรงจุดที่เดิมทีควรเป็นอากาศกลับเป็นร่างเงาบุรุษผมแดงแทน

ทุกอย่างเหมือนวางแผนไว้เป็นอย่างดี เหล็กในผึ้งพิษจึงแทงบนแขนบุรุษผมแดง

การใช้พลังของซู่มิ่งเปลี่ยนตัวเอง มิใช่คนอื่น จากตรงนี้จะเห็นได้ว่าซูหมิงใช้พลังแห่งซู่มิ่งต่างไปจากเมื่อก่อนมาก และยังชำนาญขึ้นด้วย กระทั่งมีประสบการณ์แฝงอยู่ภายใน

“เป็นแค่ร่างแยกเล็กจ้อย ก็คิดจะสังหารข้ารึ!” ซูหมิงยิ้มเยาะ การกระทำทุกอย่างก่อนหน้านี้ เขาทำเพื่อให้ผึ้งพิษต่อยบุรุษผมแดง เขารู้ว่าพิษของผึ้งพิษน่ากลัวเพียงใด แต่ต่อให้เป็นพิษที่ร้ายกาจกว่านี้อีก หากไม่ถูกตัวอีกฝ่ายมันก็ไม่มีประโยชน์

ซูหมิงก็ไม่มีความมั่นใจเลยว่าจะปิดบังผึ้งพิษจากสายตาอีกฝ่ายได้ แม้จะเป็นร่างแยกก็ตาม แต่ร่างจริงนี้ไม่ว่าจะเป็นจิตสัมผัสหรือขั้นพลังล้วนเหนือกว่าพวกเถียนหลินทั้งสิ้น ฉะนั้นเพื่อความมั่นใจ เขาจึงใช้อุบายกระอักเลือดและกระเด็นถอยไป แล้ววางหมากนี้ในเวลาอันสั้นยิ่ง

เวลานี้ บุรุษผมแดงตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ร้องคำรามเสียงแหลม แขนขวาพลันหลอมละลายไป อีกทั้งการเน่าเปื่อยยังลุกลามไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวขาสองข้างก็เริ่มเน่าเปื่อย

‘นี่มันพิษอะไรกัน!’ บุรุษผมแดงหน้าเปลี่ยนสี เขาไม่ใคร่จะฆ่าซูหมิงอีก แต่ขยับวูบไหวจะกลับร่างจริงให้เร็วที่สุด บางทีอาจยังมีโอกาสรักษาร่างแยก

“คิดหนีรึ?” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายชั่วร้าย แต่เขารู้ดีว่าแม้อีกฝ่ายจะเป็นร่างแยก ถึงอย่างไรก็เป็นผู้รักษาการณ์ ทั้งยังมีพลังขั้นเจ้าปกครองโลก ตอนนี้พอถูกพิษจึงเกิดความกลัวขึ้น มิเช่นนั้นแล้วหากฝ่ายตรงข้ามใช้พลังเจ้าปกครองโลก ตนคงยากจะรับมือไหว โดยเฉพาะดัชนีเมื่อครู่ของอีกฝ่าย หากมิใช่เพราะร่างกายกับขั้นพลังต่อต้านไว้ บวกกับใช้ผนึกห้าเหลี่ยมแล้ว ก็คงยากจะรับมือไหวจริงๆ

ซูหมิงล้วงมือขวาเข้าไปในอกเสื้ออย่างไม่ลังเล แล้วหยิบน้ำเต้าล้ำค่าออกมา บนน้ำเต้ายังมีดวงตาปรากฏดวงหนึ่ง มันจ้องบุรุษผมแดงที่กำลังห้อเหยียดหนีไป

ช่วงที่ร่างแยกของจิงหนานจื่อถูกดวงตาบนน้ำเต้าจับจ้อง เขาพลันใจสั่นไหว มีความรู้สึกว่าวิญญาณถูกพันธนาการไว้ และในเวลานี้เอง เขาได้ยินเสียงเย็นเยียบจากซูหมิง

“เชิญน้ำเต้าล้ำค่าสังหาร!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version