ตอนที่ 851 เจ้าไม่ใช่เขา
“วงแหวนอาคมผนึกนภา…เสียพลังต้นกำเนิด ถูกทำลายแล้ว…เขตดารารักษาการณ์ของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ ผู้บุกรุกมาถึงแล้ว” เสียงเย็นชาจากดาวอินดังก้องกังวานในพริบตาที่วงแหวนอาคมผนึกนภาถล่มลง
เพียงแต่คนที่ได้ยินล้วนหน้าเปลี่ยนสี วงแหวนอาคมถูกทำลายเร็วเกินไป เร็วจนตั้งตัวไม่ทัน สิ่งที่ทำแบบนี้ได้จะต้องมีผู้ฝึกฌานระดับกุมชะตาเกิดดับหลายคน ทว่าในแดนรกร้างคนบาปไม่มีทางมีคนบรรลุถึงระดับกุมชะตาเกิดดับ เว้นแต่เผ่าประหลาดจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิตจะออกมา
ดังนั้นในความคิดแทบทุกคน เรื่องนี้จะต้องเป็นผู้ฝึกฌานภัยพิบัติจันทราหรือภัยพิบัติตะวันจำนวนมาก หรือบางที…อาจได้รับของวิเศษแก่กล้าอย่างยิ่งบางอย่าง
ภยันตรายและความตื่นตกใจอย่างรุนแรงลุกลามไปในเขตรักษาการณ์โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็ว
“ความคิดแห่งดาวอิน แสดงภาพทุกคนที่มาจากแดนรกร้างคนบาปตรงหน้าข้า” บนดาวอินไท่อา เต้าเหรินได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นและเสียงดังกึกก้องจากดาวอิน
เขามีสีหน้าทะมึน ทว่าไม่ได้ตื่นกลัวแม้แต่น้อย จนสามลมหายใจต่อมา ในที่สุดก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง
เพราะตรงหน้าเขาปรากฏภาพมายาขึ้น ในภาพนั้นมีสายฟ้าสีม่วงกลุ่มหนึ่งขนาดราวแสนลี้ ในสายฟ้าสีม่วง…มีเพียงคนเดียว!
อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมม่วง เส้นผมสีม่วง
นี่ต่างหากคือสาเหตุที่เต้าเหรินหน้าเปลี่ยนสี เขาไม่กลัวอีกฝ่ายมีคนเยอะ เพราะยิ่งคนเยอะก็ยิ่งอธิบายได้ว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดของอีกฝ่ายมีขั้นพลังไม่สูง
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คนที่ทำลายวงแหวนอาคม…กลับมีเพียงคนเดียว!
เด็กแปดคนรอบๆ ตอนนี้หน้าพลันซีดขาว นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวอย่างยิ่ง ในจิตใจพวกเขายังเกิดเสียงโครมคราม ภาพนี้อยู่เหนือการคาดเดาของพวกเขา
แทบเป็นช่วงที่เต้าเหรินมองเห็นชายหนุ่มผมม่วงในภาพ เขาก็เห็นอีกฝ่าเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา ประหนึ่งมองทะลุฟ้ากระจ่างดาวที่ไม่มีสิ้นสุด
ราวกับว่า…เห็นเต้าเหริน
โครม!
“เจ้าเป็นใคร!” เต้าเหรินร่างโซเซถอยไปหลายก้าว ขณะเดียวกันหน้าก็พลันซีดขาว และยังมีโลหิตไหลจากมุมปาก เขาเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตื่นกลัว
“เจ้า…” น้ำเสียงเฉยชาแว่วมาเนิบๆ จากในภาพ ถึงจะเป็นเพียงคำเดียว แต่กลับทำให้แผ่นดินสั่นไหวรุนแรง
รวมถึงเด็กแปดคนนั้นกับเต้าเหริน พวกเขาเห็นว่าชายหนุ่มผมม่วงในภาพมายาเดินหน้ามาหนึ่งก้าว สายฟ้าสีม่วงส่งเสียงครึกโครม ผู้ฝึกฌานตรงหน้าหลายพันคนที่กำลังเข้ามาขวางอย่างเร็วรี่ล้วนถูกสายฟ้าสีม่วงเข้าปกคลุม
“ไม่รู้จัก…” พริบตาที่สามคำนี้กึกก้องดาวไท่อา เต้าเหรินตัวสั่นงันงก เขาเห็นทันทีว่าหนึ่งก้าวของชายหนุ่มผมม่วงในภาพข้ามผ่านเขตดาราของผู้รักษาการณ์หยินศักดิ์สิทธิ์ไปครึ่งหนึ่ง รอบตัวเขาเต็มไปด้วยผู้ฝึกฌานนับไม่ถ้วน ทันทีที่อีกฝ่ายปรากฏตัวก็เกิดเสียงระเบิด วงโคจรที่ถูกเปลี่ยนล้วนถอยออกไปพร้อมกัน ราวกับว่าไม่อยากเข้าใกล้
ขั้นพลังระดับนี้ อภินิหารแบบนี้ มากพอจะทำให้ทุกคนที่เห็นเกิดความหวาดกลัว
“แซ่โม่แล้วอย่างนั้นรึ?” สิ้นเสียงประโยคนี้ เต้าเหรินพลันถอยไป เด็กแปดคนนั้นก็มีสีหน้าหวาดกลัวอย่างสุดขีดและถอยไปพร้อมกัน เพราะพวกเขาเห็นว่าเมื่อชายหนุ่มผมม่วงในภาพเดินหน้าหนึ่งก้าว ตรงหน้าชายหนุ่มผมม่วงก็พลันปรากฏดาวอินดวงหนึ่ง!
ดาวอินนั้นคล้ายบันไดบิดเบี้ยว หรือก็คือดาวอินไท่อาที่พวกเขาอยู่!
ฟ้าดินส่งเสียงครึกโครม แผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ดาวอินไท่อายังเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ท่ามกลางเสียงอึกทึก ทุกคนรวมถึงเต้าเหรินเห็นว่าชายหนุ่มผมม่วงในภาพตรงหน้าเดินออกมาจากในภาพราวกับมาเยือน!
หนึ่งก้าวเหยียบบนพื้นที่ราบ
ภาพนี้น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง ทำให้พวกเต้าเหรินเกิดภาพลวงตา ภาพลวงตานี้ก็คือภาพที่ซูหมิงเดินออกมาจากภาพ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเพราะซูหมิงรวดเร็วอย่างยิ่งต่างหาก ความเร็วระดับนี้กล่าวได้เพียงประโยคเดียวเท่านั้น เพียงสามก้าวเขาก็เดินทางจากวงแหวนคมผนึกนภา มาถึงเป้าหมายยังดาวไท่อา!
เพราะความเร็วของเขา จึงสร้างเป็นภาพลวงตาขึ้น
จนกระทั่งตอนที่ซูหมิงเหยียบบนพื้นที่ราบดาวไท่อา ประโยคที่เขากล่าวอย่างสมบูรณ์ก็ดังกังวานไปรอบๆ
“เจ้า ไม่รู้จักแซ่โม่แล้วอย่างนั้นรึ?”
ช่วงที่ซูหมิงเหยียบบนที่ราบ ใต้เท้าเขาก็มีสายฟ้าสีม่วงกระจายออก มันปกคลุมทั้งแผ่นดินใหญ่โดยมีเขาเป็นใจกลาง พริบตาเดียวที่ราบสีเขียวและหญ้าทั้งหมดก็กลายเป็นสีม่วง ระหว่างที่พวกมันแห้งเหี่ยวทั้งหมดก็เหมือนเผยธาตุแท้ออกมา พวกมันกลายเป็นหนามแหลมทั้งหมด!
มิหนำซ้ำภายใต้การปกคลุมของสายฟ้าสีม่วง สัตว์ที่เต็มไปด้วยความปราดเปรียวเมื่อครู่ต่างตัวสั่นและร่างกลายเป็นแผลเหวอะหวะ ระหว่างที่พวกมันร้องคำรามเสียงแหลมร่างกายก็แหลกสลายไป ก่อนจะมีสัตว์ร้ายถือกำเนิดออกมาจากในร่างพวกมัน
สัตว์ทุกตัวอัปลักษณ์อย่างยิ่ง ด้านหลังมีเงานกยูงอยู่รางๆ ทว่าขณะพวกมันคำรามกลับค่อยๆ ลงไปหมอบอยู่บนพื้น เพราะถูกดวงจิตซูหมิงกดทับเอาไว้จนไม่กล้าขยับ
ประหนึ่งว่าตอนนี้ซูหมิงคือเจ้าแห่งดาวดวงนี้ ทุกอย่างในพื้นที่สีม่วงอยู่ในการควบคุมของดวงจิตเขา รวมถึงฟ้าดิน รวมถึงฟ้ากระจ่างดาวและท้องฟ้าไม่มีที่สิ้นสุด
ภายใต้สายฟ้าสีม่วงลุกลามไป พลันเกิดเสียงระเบิดดังมาจากเด็กแปดคนนั้น ตรงระหว่างคิ้วทั้งแปดคนมีเส้นสีแดงโผล่ขึ้นมา หลังจากเชื่อมไปทั่วร่างแล้วก็แบ่งครึ่ง ก่อนจะละลายในพริบตา คล้ายกับว่าเป็นหนังเน่าเปื่อยหนึ่งชั้น และเผยเป็นใบหน้าภูตผีดุร้ายใต้ผิวหนัง
นี่ใช่เด็กเสียที่ไหนกัน พวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตคล้ายกับวิญญาณร้ายแปดตน ตอนนี้แปดคนเผยร่างตรงหน้าซูหมิง ร่างแต่ละคนสูงขึ้นสามจั้งกว่า อีกทั้งบนตัวยังมีโลหิตไหล ด้านหลังพวกเขาปรากฏเงานกยูงแปดตัวท่ามกลางความบิดเบี้ยวและเลือนราง หนำซ้ำตรงระหว่างคิ้วก็ยังมีสัญลักษณ์นกยูงเหมือนกับข่งหวน
ขั้นพลังพวกเขาแผ่กระจายแรงกดดันอยู่ในระดับเกือบจุดสูงสุดเจ้าปกครองโลกตอนกลาง แปดคนนี้ไม่ใช่คนและไม่ใช่ผี ตอนนี้ร่างกายพวกเขาสั่นไหวรุนแรงและร้องคำรามใส่ซูหมิงพร้อมกัน จากนั้นพุ่งไปหาซูหมิงด้วยความรวดเร็ว
แววตาพวกเขามีความคลุ้มคลั่ง นั่นคือความคลุ้มคลั่งที่ไม่มีเหนือไปกว่านั้นอีก ราวกับว่าจะฉีกศัตรูทุกคน
ทว่าตอนที่พวกเขาแปดคนเข้าไปใกล้ซูหมิง ซูหมิงกลับมีสีหน้าเรียบนิ่ง ยกมือขวาแล้วกดไปข้างหน้าแบบสบายๆ
ทันทีที่กดลงไป ฟ้าดินเกิดเสียงระเบิด ร่างแปดคนนั้นร่วงลงสู่พื้นทันที เหมือนกับมีพลังไร้รูปกดบนตัวพวกเขากับพื้นอย่างแน่นหนา
ผู้ฝึกฌานที่ไม่ใช่คนและผีแปดคนนี้เกิดความหวาดกลัวในใจทันที ถึงพวกเขาจะเสียสติปัญญาไป แต่ก็ยังมีสัญชาตญาณ จึงทำให้ตัวสั่นและเสียสติ
นอกจากนี้ตอนที่ซูหมิงยกมือขวาขึ้น ยังเกิดเสียงระเบิดดังในร่างแปดคนนี้ จากนั้นกลายเป็นควันดำเส้นหนึ่ง หลังจากพวกเขาสลายเป็นควันหมดแล้ว ก็รวมขึ้นเป็นขนนกสีดำสี่อันตกลงกลางฝ่ามือเขา
“ระดับกุมชะตาเกิดดับ!” เต้าเหรินจ้องซูหมิงตาเขม็ง เขาจำอีกฝ่ายได้ คนนี้ก็คือ…คนที่ถูกกองกำลังของเขาล่าสังหาร…โม่ซู! ทันทีที่จำโม่ซูได้ ในความคิดเขาเกิดความเหลือเชื่อและความหวาดกลัว
เขาทำให้สัญลักษณ์เปลวเพลิงตรงหว่างคิ้วขยับแสงวูบวาบอย่างไม่ลังเล แล้วให้มันปกคลุมร่างอยู่ภายใน มองไปเหมือนกำลังลุกไหม้โชติช่วง
ในเวลาเดียวกัน มีดวงจิตสามสายลากมาจากฟ้ากระจ่างดาว ระหว่างที่ดวงจิตพวกเขาเข้ามา ฟ้ากระจ่างดาวก็เหมือนเกิดเค้าลางว่าจะพังพินาศลง นี่คือ…กลิ่นอายพลังของผู้ฝึกฌานระดับภัยพิบัติตะวัน พวกเขากำลังห้อเหยียดมาไกลๆ ดูจากความเร็วแล้วเกรงว่าเพียงสิบกว่าลมหายใจก็คงมาถึง
ด้านหลังดวงจิตสามสายนั้น ยังมีดวงจิตแก่ชราซึ่งเหมือนแฝงไว้ด้วยความรู้สึกของกาลเวลาไม่มีสิ้นสุดอีกสองดวงเข้ามาใกล้ในพริบตา ความแกร่งของดวงจิตพวกเขาอยู่เหนือกว่าระดับภัยพิบัติตะวัน เกือบจะถึง…ระดับกุมชะตาเกิดดับ
พวกเขาต้องใช้เวลาเพียงห้าลมหายใจเท่านั้นก็จะมาถึง!
หากเพียงเท่านี้ก็ไม่เท่าไร เพราะด้านหลังดวงจิตห้าสายยังมีอีกหนึ่งเสียงถอนหายใจ ดังอยู่บนดาวไท่อา เสียงถอนหายใจเหมือนแฝงไว้ด้วยพลังควบคุมทุกสิ่งมีชีวิต ช่วงที่มันดังแว่วมา ถึงกับทำให้สายฟ้าสีม่วงซูหมิงหยุดชะงัก
‘มาได้เร็วจริงๆ’ ซูหมิงส่ายศีรษะ ดวงจิตพลันแผ่กระจายออกไป ขณะที่สายฟ้าสีม่วงส่งเสียงดังเปรี้ยงปร้าง มันก็ปกคลุมทั่วดาวไท่อาโดยพลัน ทำให้ดาวดวงนี้กลายเป็นสีม่วง
ทำให้ชายหนุ่มอาภรณ์สีแดงมาปรากฏตัวอยู่นอกดาวไท่อา เขามีใบหน้าเหล่อเหลา ทว่ามีเพียงตรงระหว่างคิ้วที่มีรอยย่น ดูแล้วพิลึกอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกาลเวลาในดวงตาที่แฝงไว้ด้วยความรู้สึกของทุกสิ่งมีชีวิต ไม่รู้ว่าอยู่มานานกี่ปีแล้ว
เขายืนอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว ข้อบังคับและกฎรอบๆ ก็บิดเบี้ยวตาม แล้วจึงมัวหมองพร้อมกัน ประหนึ่งว่าจะเปลี่ยนไปเพราะดวงจิตของเขา
“ข้าหงซางจื่อ เป็นหนึ่งในผู้เซ่นไหว้ในขุมอำนาจรักษาการณ์ของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์”
“สหายท่านนี้มาที่นี่เพราะเหตุใด ช่วยบอกด้วย โลกแห่งกุมชะตาเกิดดับของเจ้า…จะขวางข้าได้สักกี่ลมหายใจเชียว เหตุใดต้องทำเช่นนี้?”
ในดาวไท่อา ซูหมิงละสายตาจากฟ้าแล้วเดินหน้าไปทีละก้าว ไม่ได้สนใจเต้าเหรินที่ถูกเปลวเพลิงโอบล้อม แต่เดินไปยังกระโจม
ที่นี่ต่างหากคือเป้าหมายของเขา
เต้าเหรินถอยไป ยามนี้จิตใจเขาตื่นตะลึง ความแกร่งของซูหมิงแทบจะทำให้เขาเสียสติ ตอนนี้จะไปกล้าขวางทางได้หรือ
และเป็นตอนนี้เอง ม่านกระโจมถูกเปิดขึ้น หญิงสาวสวมเสื้อคลุมยาวสีเขียวเดินออกมา นางมองซูหมิงด้วยแววตาซับซ้อนและยังมีความแค้นน้อยๆ ทว่าหลังจากเห็นรูปลักษณ์ซูหมิงชัดเจนแล้ว นางกลับตะลึงงัน
“เจ้าไม่ใช่เขา!” หญิงสาวร้องเสียงแหลมเล็กและยังถอยไปโดยพลัน สองมือประสานสัญลักษณ์ ฉับพลันนั้นตรงหน้านางก็ปรากฏดวงตะวันสีเขียวขึ้นหนึ่งดวง ในดวงตะวันมีนกยูงสีเขียวตัวหนึ่ง เหมือนว่านกยูงจะเป็นคนใช้งานดวงตะวัน
“ข้าไม่ใช่เขา ทว่าข้ามาหาเจ้า” ซูหมิงกล่าวเสียงเย็นชาพลางเดินหน้าไปหนึ่งก้าว ร่างชนเข้ากับดวงตะวันสีเขียว พริบตาที่ดวงตะวันแตกเป็นเสี่ยงๆ เขามาปรากฏตัวอยู่หน้าหญิงสาว แล้วยกมือขวาขึ้นใช้พลังและความเร็วที่หญิงสาวไม่อาจต่อต้าน…บีบคอนางเอาไว้ก่อนยกขึ้น
“มอบขนนกกับกายเนื้อของเขาทั้งหมดที่เจ้ามีมา ถ้าไม่อย่างนั้น…ก็ตายเสีย ข้าจะให้เวลาเจ้าคิดสามลมหายใจ” ซูหมิงมองนางพลางกล่าวเสียงเรียบ
“หนึ่ง”
“สอง”