ตอนที่ 863 มาเป็นแขกดีหรือไม่?
นี่เป็นวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายสองทาง เชื่อมจุดสองจุด สามารถเข้าออกได้
หากก่อนหน้านี้ซูหมิงขึ้นไปบนหินผุพัง เช่นนั้นภายใต้การเตรียมการของวงแหวนอาคมนี้ เขาจะถูกส่งไปยังเขตพิเศษบางแห่ง ที่นั่นจะมีผู้แข็งแกร่งตระกูลอวี้ลงมือพร้อมกัน
ถึงซูหมิงจะมองไม่ออกว่าในหินผุพังมีอาคมเคลื่อนย้ายอยู่ ทว่าจากพฤติกรรมเล็กน้อยของชายชรา เขาก็มองออกว่ามีเงื่อนงำอะไรบางอย่าง
ในสายตาซูหมิง การอำพรางของชายชราดูไม่สมจริงเกินไป
การอำพรางแบบนี้ แม้จะมีจุดที่แปลกอยู่ และจิตสัมผัสของเขากวาดไปก็ไม่พบอาคมเคลื่อนย้ายจริงๆ ทว่าหลังจากที่เขาใช้อักขระทำลายหินผุพัง ชายชราคนนี้ก็เหมือนถูกบีบออกมา ความจริงแล้วหากอีกฝ่ายจะหนีจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็ออกไปจากเขตหินผุพังได้
ทว่าชายชราไม่ทำ กลับแสร้งปกปิดและยังทำเป็นออกไปข้างนอก ทุกอย่างก็เพื่อล่อให้ซูหมิงลงมือทำลายหินผุพังกลุ่มนี้ไปเล็กน้อย
การทำลายเป็นเหมือนคลื่นสัญญาณ และก็เพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่าง
ที่นี่คือจุดสำคัญส่วนนอกของตระกูลอวี้ในดาวทมิฬ ในประโยคแรกที่ชายชรากล่าวก็รีบร้อนบอกฐานะตนแล้ว และยังบอกว่าที่นี่เป็นของใคร ทุกอย่างดูเหมือนปกติ ทว่าความจริงเขาจงใจ ดังนั้น ก็พอจะคาดเดาเป้าหมายของคนนี้ได้อย่างคร่าวๆ แล้ว นั่นคือจะให้ซูหมิงล่วงเกินดาวทมิฬ ล่วงเกินตระกูลอวี้
หากเรื่องนี้ต้องการการยืนยัน เช่นนั้นต่อไปนี้จะอธิบายการกระทำของชายชราได้ดีกว่า การล่าสังหารมังกรยมโลกเป็นความตั้งใจของเขาคนเดียว ต่อให้เกิดปัญญาเพราะเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับตระกูลอวี้ เพราะเป็นการกระทำของเขาคนเดียว
ทว่า…..หากซูหมิงทำลายหินผุพัง เช่นนั้นชายชราก็แอบเบี่ยงเบนเรื่องนี้ ทำให้เรื่องส่วนตัวของเขากลายเป็นความขัดแย้งระหว่างตระกูลกับซูหมิง
ถึงอย่างไรทุกจุดสำคัญที่มีอาคมเคลื่อนย้ายส่วนนอกของตระกูลแกร่งกล้าที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งดาวทมิฬแห่งแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตก็หมายถึงหน้าตา หากถูกใครทำลายมันก็เหมือนกับการถูกตบหน้า ย่อมไม่มีทางยอมง่ายๆ แน่
น่าเสียดายที่ซูหมิงมองออกถึงเงื่อนงำ เขาไม่ได้ขึ้นไปบนหินผุพัง แต่หมุนตัวจากไป นี่ทำให้ชายชราตั้งตัวไม่ทันเล็กน้อย หากซูหมิงจากไป และเพราะหินผุพังถูกทำลายแล้ว คนจากตระกูลจะต้องมาตรวจสอบอย่างแน่นอน ด้วยความเข้มงวดต่อคนในตระกูลจะต้องหาพิรุธเจออย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นเขาจะถูกลงโทษอย่างหนัก
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มีขั้นพลังเป็นรองเพียงจุดสูงสุดเจ้าปกครองโลกตอนกลาง กระทั่งมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นผู้ฝึกฌานเจ้าปกครองโลกตอนปลาย
คนแบบนี้ หากไม่จำเป็นจริงๆ ตระกูลจะไม่ล่วงเกินเป็นอันขาด
ฉะนั้นเขาจึงใช้แผนที่เป็นตัวล่อ อยากจะหลอกให้ซูหมิงเข้ามา พอไม่สำเร็จเขาก็ใช้หินผลึกเป็นเหยื่ออย่างไม่เสียดาย ทว่าทุกอย่างนี้ ตอนที่ซูหมิงเหมือนอ่านใจเขาออกในแวบเดียว ชายชราก็เข้าใจแล้วว่าแผนการผิดพลาด
ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนแผนอย่างไม่ลังเล ในเมื่ออีกฝ่ายไม่เข้ามาเลยส่งไปยังตระกูลไม่ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต้องให้อีกฝ่ายไป แต่จะเรียกให้คนในตระกูลมาที่นี่แทน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว…หากพวกเขาเกิดการต่อสู้กัน เรื่องนี้ก็จะไม่เกี่ยวกับเขามากนัก ต่อให้ภายภาคหน้าถูกตรวจพบสาเหตุ ทว่าด้วยความที่ตระกูลมีความแค้นกับอีกฝ่าย เรื่องนี้ก็จะไม่มีทางเลือก
วงแหวนอาคมส่งเสียงครึกโครม แสงสีขาวสว่างจ้าแสบตาเปล่งเป็นวงกว้างจากหินผุพัง พริบตาเดียวเมื่อวงแหวนอาคมหมุนโคจร ก็มีร่างเงาสามคนเดินออกมาจากวงแหวนอาคม
สามคนนี้เป็นชายสองหญิงหนึ่ง หนึ่งในนั้นเป็นชายวัยกลางคน เขามีสีหน้าทะมึน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งด้านหลังเป็นวัยหนุ่มสาว ทว่าจากสามคนนี้มีคลื่นพลังเจ้าปกครองโลกตอนกลางแผ่ออกมา
โดยเฉพาะชายวัยกลางคน ขั้นพลังบรรลุถึงเกือบจุดสูงสุดเจ้าปกครองโลกตอนกลาง ระดับนี้ต่อสู้กับบรรพบุรุษตระกูลจ้าวได้แล้ว ถึงขั้นพลังยังขาดอีกเล็กน้อย แต่ก็มากพอจะเป็นเจ้าปกครองหนึ่งดินแดน
วินาทีที่เห็นสามคนนี้ ซูหมิงก็เกิดภาพทางอ้อมกับดาวทมิฬทันที
ตระกูลอวี้แห่งดาวทมิฬ ตอนนี้เขาเห็นเจ้าปกครองโลกตอนกลางสองคน เจ้าปกครองโลกตอนต้นห้าคน ระดับฟ้าอีกนับไม่ถ้วน
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตระกูลอวี้!
ถึงไม่รู้ว่าตระกูลอวี้อยู่ระดับใดในดาวทมิฬ แต่จากส่วนหนึ่งนี้เขาก็คาดเดาได้ว่าดาวทมิฬเป็นดาวเก่าแก่และคงอยู่มาก่อนหน้าที่โลกแท้จริงที่ห้าจะถูกทำลายเสียอีก จนกระทั่งถึงตอนนี้ก็ยังคงอยู่ มันเป็นดาวที่อยู่มานานตั้งแต่ซูหมิงยังไม่มาถึง และเป็นดวงเดียวที่เปิดวงแหวนอาคมภายในดาว ทำให้สิ่งมีชีวิตออกไปข้างนอกได้ มิหนำซ้ำยังหลุดจากการควบคุมโดยผนึกของสี่มหาโลกแท้จริง
ทำให้ดาวดวงนี้กลายเป็นดาวแท้จริงที่ไม่ถูกสี่มหาโลกแท้จริงควบคุม! และยังเป็นดาวอิสระในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตดวงเดียวที่จะทำเลวอย่างไรก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นศูนย์รวมของผู้แข็งแกร่งจำนวนมาก
ในดาวทมิฬ ผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้า ไม่มีการเฝ้าดูของสี่มหาโลกแท้จริง ไม่มีผู้รักษาการณ์กล้าเข้ามาง่ายๆ ทำให้ที่นี่ดูเหมือนวุ่นวาย แต่ความจริงแล้วมันกลับเป็นดาวที่น่าจับตามองมากที่สุดในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต
ที่นี่มีผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตมารวมกัน ที่นี่…ผู้ฝึกฌานระดับเจ้าปกครองโลกตอนปลาย กระทั่งสมบูรณ์รวมถึงระดับภัยพิบัติจันทราและตะวันก็ยังมีโอกาสอยู่ที่นี่ด้วย
หากเปรียบแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตเป็นนรก เช่นนั้นดาวทมิฬก็คือนรกที่มืดมิดที่สุด ทว่าขณะเดียวกันก็เป็นจุดที่มีแสงแรกอรุณเพียงหนึ่งเดียว
ตำแหน่งภูมิศาสตร์ทำให้สี่มหาโลกแท้จริงไม่อาจเดินทัพมาไกลเพื่อกำราบดาวนี้ เพราะอีกด้านหนึ่งของดาวทมิฬคือ…ทะเลดาราต้นกำเนิดจิตที่สี่มหาโลกแท้จริงหวาดกลัว และเป็นจุดที่เฝ้ารักษาการณ์อย่างแท้จริง!
เพราะภายในทะเลดารามีเผ่าประหลาดอยู่ เผ่าประหลาดเหล่านี้บ้างเป็นผู้เหลือรอดจากโลกแท้จริงที่ห้าในตอนนั้น ทว่าที่มากกว่าคือเผ่าประหลาดต้นกำเนิดจิตที่ต่อให้เป็นตอนที่โลกแท้จริงที่ห้ายังอยู่ มันก็ยังลึกลับและเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว
ไม่มีใครรู้ที่มาของเผ่าประหลาดต้นกำเนิดจิต และก็มีคนน้อยมากที่จะรู้ว่าในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตมีเผ่าประหลาดเท่าไรกันแน่ ที่นี่เหมือนมีระบบของมันเอง จะติดต่อกับโลกภายนอกน้อยมาก ทว่าจากการคุยกับชื่อหั่วโหว ตอนนั้นซูหมิงก็คาดการณ์เอาไว้แล้ว ชื่อหั่วโหวกล่าวไว้ว่า ตอนนั้นนอกจากตำนานที่ว่าเจ้าภัยพิบัติกับบรรพบุรุษแท้จริงแห่งโลกแท้จริงที่ห้ายังอยู่แล้ว ผู้แข็งแกร่งที่ไม่ถูกมองว่าเป็นคนโลกแท้จริงที่ห้าเหล่านั้น พวกเขา…มาจากฟ้าข้างนอก จะเรียกว่าโลกภายนอกก็ได้ หรือก็คือ…ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต
ระหว่างทะเลดาราต้นกำเนิดจิตกับสี่เขตดาราใหญ่แดนรกร้างกรรมชั่วมีจุดตรงกลางเพียงหนึ่งเดียวคือดาวทมิฬ จะไม่ให้มันเป็นที่จับตามองก็คงไม่ได้
หนำซ้ำซูหมิงยังเห็นความทรงจำของคนอื่นอีกว่า ดาวทมิฬเชื่อมต่อกับทะเลดาราและสี่เขตดาราใหญ่ ฉะนั้นมันจึงเป็นจุดศูนย์กลางของคนที่จะเสี่ยงเข้าไปในทะเลดารา ไม่รู้กี่ปีมานี้ วัตถุหรือสมบัติล้ำค่าแทบทั้งหมดในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตจำนวนมากล้วนปรากฏบนดาวทมิฬ
กระทั่งบนดาวทมิฬยังมีเผ่าประหลาดปรากฏตัว เผ่าประหลาดเหล่านี้เข้าออกดาวทมิฬได้ตามอำเภอใจ ทำให้ดาวทมิฬเป็นจุดค้าขายเพียงหนึ่งเดียว ดังนั้นจึงเกิดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติบนดาวทมิฬที่สั่นสะเทือนทั้งแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตมาไม่รู้กี่ปี กระทั่งผู้รักษาการณ์ยังเปลี่ยนฐานะมาที่นี่
ธรรมเนียมนี้คืองานประมูล
งานประมูลเล็กใหญ่เป็นสิ่งที่อลังการอย่างยิ่งบนดาวทมิฬ อีกทั้งทุกงานประมูลจะมีซุ้มของแต่ละตระกูลด้วย และใช้ขนาดของลานประมูลตัดสินฐานะและขุมอำนาจระหว่างตระกูลที่สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาไม่รู้กี่ปีบนดาวทมิฬ
เพราะลานประมูลต้องใช้ความซื่อสัตย์และเคร่งครัดสร้างชื่อเสียง ฉะนั้นแต่ละตระกูลที่จัดงานประมูลจึงค่อยๆ สร้างกฎตระกูลของตัวเองขึ้นมาในระหว่างที่กำลังรุ่งเรืองขึ้นตั้งแต่ไม่รู้กี่ปีมาแล้ว กฎตระกูลเหล่านี้ส่วนใหญ่ใช้เพื่อบริการในงานประมูล และต่างก็มีการเข้าข้างรวมถึงการลงโทษต่างกันสำหรับคนในตระกูลที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ละลานคนอื่น
ช่วงที่ความทรงจำที่ได้มาจากวิชาเงากลืนนภาแล่นผ่านความคิดซูหมิง เขามองสามคนที่เดินออกมาจากอาคมเคลื่อนย้ายด้วยสีหน้าปกติ
“ข้าอวี้เฉินไห่ ยินดีที่ได้พบสหาย ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอะไร?” ชายวัยกลางคนเดินออกมาจากวงแหวนอาคม แล้วมองซูหมิงด้วยสีหน้าทะมึนแวบหนึ่ง ถึงเขาจะมองขั้นพลังซูหมิงไม่ออก และยังรู้สึกถึงกลิ่นอายชั่วร้ายและแรงกดดันจากตัวอีกฝ่าย ทว่าเขาก็ไม่ได้หน้าเปลี่ยนสี แต่ประสานมือคารวะพลางกล่าวขึ้น
“ซูหมิง” ซูหมิงกล่าวเนิบช้า เขาไม่ได้ใช้นามโม่ซู เพราะนามนี้ค่อนข้างมีชื่อเสียงในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต เขาไม่รู้เรื่องดาวทมิฬเลย จึงไม่ดีหากจะกระพือข่าวให้มากนัก
“ที่แท้ก็สหายซู ไม่ทราบว่าตระกูลอวี้ไปล่วงเกินสหายเรื่องอะไร?” ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยความอึมครึม
ตอนนี้ในใจชายชราที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่ที่นี่ตึงเครียดอย่างรุนแรง เขารู้ถึงความเข้มงวดของกฎตระกูล เดิมทีคิดว่าพอตระกูลมาถึงและเห็นหินผุพังเสียหายไปมากกว่าครึ่งแล้วจะลงมือทันที ขอเพียงลงมือทุกอย่างก็จะง่าย
ทว่าพอตระกูลมาถึงกลับไม่ลงมือในทันที แต่สนทนากับอีกฝ่าย
‘จะให้พวกเขาคุยกันไม่ได้!’ ชายชรากัดฟันแล้วมองไปยังหญิงสาวนามอวี้หลัว เขาพลันตะโกนออกไปพลางเดินไปอยู่ข้างอวี้หลัว ตอนที่เงยหน้าขึ้นดวงตาสองข้างแดงก่ำ สายตาจ้องซูหมิงด้วยความโกรธแค้นเหลือล้น
“เจ้าสังหารศิษย์ในตระกูลไปเกือบร้อยคน และยังทำให้อวี้หลัวเป็นตายอย่างไรไม่รู้ ทำลายหินผุพังไปมากกว่าครึ่ง หนำซ้ำยังจะมาสังหารข้า เรื่องนี้ข้าไม่ยอม หากเจ้าจะสู้ เช่นนั้นก็สู้เถอะ” ชายชรากล่าวพลางขยับวูบตรงไปหาซูหมิง
การเคลื่อนไหวของชายชราทำให้ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาอ่านขั้นพลังซูหมิงไม่ออก ทว่าพอเขามาถึงที่นี่และใช้จิตสัมผัสกวาดไปรอบๆ แล้ว ก็เห็นหินผุพังรวมถึงปฏิกิริยาของชายชรา ในใจจึงเกิดการคาดเดา
เดิมทีลังเลอยู่ ทว่าตอนนี้คนในตระกูลลงมือแล้ว ขณะกำลังจะลงมือตามเพื่อหยั่งเชิงซูหมิงนั้น นัยน์ตาเขากลับเป็นประกายโดยพลัน ท้าวที่ก้าวไปหยุดชะงักครู่หนึ่ง
เขาเห็นว่าซูหมิงยืนอยู่และเพียงสะบัดมือ ก็มีอักขระขยับวิบวับจำนวนมากปรากฏขึ้น ระหว่างที่มันหมุนโคจรอยู่นี้ก็ไปโอบล้อมร่างชายชราที่กำลังพุ่งมาหา หลังสร้างเป็นวงแหวนแล้วก็บีบเข้าไป ขังชายชราเอาไว้ข้างในคล้ายกับผนึก ทำให้ร่างชายชราลอยอยู่กลางอากาศ ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย
‘ผนึกที่ทำให้เจ้าปกครองโลกตอนกลางดิ้นไม่หลุด!’ ชายวัยกลางคนตาเปล่งประกาย เขาเพ่งสายตามองอักขระบนตัวชายชราแวบหนึ่งก่อนหัวเราะเสียงดัง แล้วประสานมือคารวะซูหมิง
“ด้วยขั้นพลังของสหายซู จะต้องเป็นคนในตระกูลสาขาย่อยของเราล่วงเกินก่อนอย่างแน่นอน หวังว่าสหายซูจะไม่ถือสา แซ่อวี้จะรายงานตระกูลและลงโทษคนนี้แทนสหายเอง”
ครั้งนี้เขาไม่ได้มีสีหน้าทะมึนทึบเลย แต่ส่งเสียงหัวเราะอย่างเริงร่าพร้อมกล่าวด้วยไมตรีจิตอย่างเหมาะเจาะพอดีเป็นอย่างยิ่ง
“สหายซูมาดาวทมิฬครั้งนี้มีที่พักรึยัง? หากไม่รังเกียจ มาเป็นแขกของตระกูลอวี้เราดีหรือไม่?” อวี้เฉินไห่มีสีหน้าจริงใจ อมยิ้มพลางเอ่ยขึ้น