Skip to content

สู่วิถีอสุรา 888

ตอนที่ 888 ความเบิกบานใจของผู้เฒ่าวายุ

เมื่อเสียงซูหมิงแว่วผ่านม่านแสงเข้ามา คนตระกูลเลี่ยซานในห้องลับทุกคนมีท่าทีต่างกัน บ้างหรี่ตาลง บ้างก็เกิดการคาดเดา บ้างก็มีสีหน้าไม่แยแส

เลี่ยซานซิวคือบรรพบุรุษที่มีฐานะสูงส่งที่สุดในตระกูลเลี่ยซาน อย่าว่าแต่คนนอกเลย แม้แต่คนในตระกูลเลี่ยซานเองส่วนใหญ่ก็ไม่เคยเจอบรรพบุรุษมาก่อน ต่อให้เคยเจอ ส่วนใหญ่จะมองเห็นแต่ไกลๆ มีน้อยคนนักที่จะถูกเรียกไปเข้าพบเพียงลำพัง

ตอนนี้คนที่มีฐานะไม่แน่ชัดร้องขอมาเช่นนี้ ในมุมมองของคนในตระกูลจำนวนมากแล้ว คำพูดนี้หลงระเริงอวดดีเกินไปสักหน่อย

ทว่ายามที่ในใจคนเหล่านี้ต่างกันออกไป แค่ไม่เผยชัดทางสีหน้า ผู้เฒ่าวายุตรงหน้าพวกเขากลับส่ายศีรษะ

‘เป็นเจ้าเด็กที่บ้าระห่ำดีจริงๆ’ ผู้เฒ่าวายุค่อยๆ คลายปมคิ้ว ถึงนัยน์ตายังมีความลังเลอยู่ แต่กลับใบหน้าเผยรอยยิ้มบางๆ

เขามองซูหมิง รอยยิ้มบนใบหน้าดูเบิกบานมีความสุขนัก เป็นความรู้สึกจากใจเหมือนตอนที่ผู้อาวุโสเห็นคนรุ่นเยาว์เจริญก้าวหน้า ส่วนการส่ายศีรษะก็เป็นเหมือนกับความจนใจด้วยเจตนาอันดีต่อรุ่นเยาว์ภายใต้ความรักและเมตตา

กระทั่งรอยยิ้มนั้นกว้างมากขึ้นจนถึงที่สุด ผู้เฒ่าวายุหัวเราะเสียงดัง ท่าทีมีความสุขแบบนี้ไม่ได้เห็นจากตัวเขามาหลายหมื่นปีแล้ว เสียงหัวเราะเบิกบานยิ่งทำให้คนตระกูลเลี่ยซานต่างมองหน้ากันและกัน

“เจ้าเด็กคนนี้ค่อนข้างซุกซน แต่ก็เป็นผู้สืบทอดหมานวายุของข้า คนตระกูลไท่ฉือเล็กจ้อยยังกล้ามาล่วงเกิน!” ขณะผู้เฒ่าวายุกล่าวพึมพำเบาๆ ความบ้าอำนาจที่โอหังต่อทุกสิ่งกระจายมาจากในตัวเขา

คนตระกูลเลี่ยซานด้านหลังต่างพากันตื่นตกใจ ก้มหน้าลงเงียบงัน พวกเขาไม่เคยเห็นผู้เฒ่าวายุผู้มีฐานะสูงส่งในตระกูลเลี่ยซานยิ้มอย่างเบิกบานใจเช่นนี้มาก่อน ในความทรงจำพวกเขา ถึงผู้เฒ่าวายุจะไม่ใช่แซ่เลี่ยซาน แต่ก็เป็นหนึ่งในสี่แม่ทัพใหญ่ข้างกายบรรพบุรุษเลี่ยซานซิว

เขาติดตามบรรพบุรุษเลี่ยซานซิวมาหลายปี สนิทกันดั่งพี่น้อง ผู้เฒ่าวายุเป็นคนเข้มงวดมาก และยังมีนิสัยโอหังและถือดีอยู่ในใจ เขาอยู่ตระกูลเลี่ยซานมานานปี มีฐานะสูงส่ง แต่กลับไม่เคยมีคู่ครองและก็ไม่มีทายาท ปกติจะปิดด่านนั่งฌานเงียบๆ คนเดียว กระทั่งลูกศิษย์ก็ยังไม่มี

เคยมีผู้อาวุโสในตระกูลขอพบผู้เฒ่าวายุ และอ้อนวอนให้อีกฝ่ายรับผู้มีพรสวรรค์โดดเด่นในตระกูลเป็นศิษย์ ทว่าผู้เฒ่าวายุกลับปฏิเสธ ตอนปฏิเสธเขาเคยพูดไว้ประโยคหนึ่ง ประโยคนี้ค่อยๆ แพร่สะพัดในตระกูลเลี่ยซาน จากนั้นก็ไม่มีใครมาขอให้ผู้เฒ่าวายุรับเป็นศิษย์อีกเลย

‘ข้ามีลูกศิษย์แล้ว ถึงข้าจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ถึงไม่เคยเจอมาก่อน แต่ข้ามีศิษย์แล้วจริงๆ มีผู้สืบทอดแล้ว คนผู้นี้เป็นศิษย์เพียงคนเดียวของข้า บางทีชาตินี้ข้าอาจไม่ได้เจอศิษย์คนนี้ แต่ว่า…ชีวิตนี้ข้าจะรับเขาเป็นศิษย์เพียงคนเดียว’

ขณะเขากำลังหัวเราะเสียงดัง คนตระกูลเลี่ยซานข้างหลังย่อมไม่อาจได้ยินคำพูดพึมพำเหล่านี้ สายตามองความวุ่นวายในงานประมูลตอนนี้ผ่านม่านแสง

เมื่อสิ้นเสียงซูหมิง อวี้โหรว ชื่อหั่วโหว และอวี้เฉินไห่กำลังต่อสู้กับผู้ฝึกฌานตระกูลไท่ฉือ ส่งเสียงครึกโครมดังก้อง

ถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นลานประมูลของตระกูลเลี่ยซาน หนำซ้ำยังพัฒนามาหลายหมื่นปี คนตระกูลเลี่ยซานไม่ได้เหมือนกับเลี่ยซานคังจิ่วทุกคน แต่ละคนมีเส้นสายและสมัครพรรคพวกของตนเอง ตอนนี้ในกลุ่มคนด้านหลังผู้เฒ่าวายุมีชายชราคนหนึ่งที่สนิทสนมกับตระกูลไท่ฉือเป็นอย่างดี

ชายชราคนนี้ลังเลอยู่สักครู่ ก่อนจะเดินหน้าไปหนึ่งก้าว ประสานมือกล่าวด้วยความเคารพ

“ผู้เฒ่าวายุ เอ่อ…ท่านว่าพวกเราควรจะลงมือห้ามทั้งสองฝ่ายหรือไม่?”

“หืม?” รอยยิ้มบนใบหน้าผู้เฒ่าวายุหายวับไป แล้วกลับมาเย็นชาอีกครั้งทันใด ซ้ำยังไม่ตอบคำถาม

หนึ่งคำนั้นกลับเหมือนมีลมหนาวพัดผ่านร่าง ทำให้ชายชราคนนี้ตัวสั่น เกิดความรู้สึกหนาวเยือกไปทั่วร่าง ใบหน้าซีดขาวทันที

“เหตุใดต้องห้าม” ผู้เฒ่าวายุกล่าวเรียบๆ ห้องลับเงียบงันโดยพลัน ผู้เฒ่าวายุในท่าทีแบบนี้ต่างหากคือแบบที่อยู่ในความทรงจำของคนตระกูลเลี่ยซาน

“ผะ….ผู้เฒ่าวายุ….ตระกูลไท่ฉือเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่สุด เมืองวารีดำพวกเขาก็ควบคุมอยู่ หากคนในตระกูลพวกเขาเป็นอะไรขึ้นมาที่นี่ ตระกูลเลี่ยซานของเราต้องทำให้ตระกูลไท่ฉือโกรธอย่างแน่นอน คือว่า….” ชายชราตัวสั่น รีบกล่าวอธิบาย เขามีความรู้สึกว่าหากตนไม่อธิบายให้กระจ่างแจ้ง เลือดเนื้อก็จะแข็งตัวจนตายไปทันที

กฎของตระกูลเลี่ยซานเข้มงวดอย่างยิ่ง นอกจากนี้อีกฐานะหนึ่งของผู้เฒ่าวายุคือคอยตรวจตราคนตระกูลเลี่ยซาน มีอำนาจในการสังหาร อีกทั้งใช่ว่าผู้เฒ่าวายุจะไม่เคยใช้อำนาจนี้เลย แต่เคยใช้อยู่หลายครั้ง ทุกครั้งจะมีสายเลือดตระกูลเลี่ยซานต้องตาย

ยิ่งไปกว่านั้นบรรพบุรุษเลี่ยซานซิวแห่งตระกูลเลี่ยซานยังไม่สนใจอะไรด้วย ดังนั้นคนตระกูลเลี่ยซานบนดาวทมิฬจึงเคารพยำเกรงผู้เฒ่าวายุมาก

“พูดมาก็มีเหตุผล” ผู้เฒ่าวายุกล่าวราบเรียบ

ชายชราตระกูลเลี่ยซานได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจโล่งอกอยู่ภายใน ตอนนี้เขามีเหงื่อชุ่มเต็มหลังไปหมด เหงื่อเย็นๆ ซึมออกมาไม่หยุด ทว่าทันทีที่เขาผ่อนคลายลง ผู้เฒ่าวายุก็กล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชาอีกครั้ง

“ปิดทางเข้าออกในและนอกลานประมูลทั้งหมด เปิดวงแหวนอาคมใหญ่ตัดขาดโลกภายนอก นอกจากคนตระกูลอวี้แล้ว ห้ามให้ใครออกไป มิเช่นนั้น…จะสังหารโดยไม่พิจารณา!” ผู้เฒ่าวายุกล่าวเรียบนิ่ง ทว่าน้ำเสียงเรียบๆ กลับแฝงไว้ด้วยความหนาวเยือกและกลิ่นอายชั่วร้ายที่สร้างความตื่นตกใจกับคนตระกูลเลี่ยซานที่นี่

แม้พวกเขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้เฒ่าวายุถึงเอ่ยเช่นนี้ แต่จากความน่าเกรงขามที่สั่งสมมาตลอดปี จึงไม่มีใครกล้าคัดค้าน ต่างก้มหน้าลงขานรับทันที

ช่วงที่คนตระกูลเลี่ยซานต่างแยกย้ายกันไปทำตามคำสั่งผู้เฒ่าวายุ ความหนาวเยือกในตัวผู้เฒ่าวายุค่อยๆ หายไป ความสำราญกลายเป็นรอยยิ้มเมตตาบนใบหน้า สายตามองซูหมิงที่คล้ายกำลังมองเขาอยู่ในม่านแสง ยิ่งมองยิ่งรู้สึกชอบ

“ฮ่าๆ เจ้าหนุ่มคนนี้ไม่เลว ไม่เลวจริงๆ!” ผู้เฒ่าวายุหัวเราะพลางยกมือขวาสะบัดไปยังม่านแสง ทันใดนั้นมีสายลมพัดผ่านม่านแสงจนเป็นคลื่นกระเพื่อม มีผลให้ม่านแสงบิดเบี้ยว

“บรรพบุรุษเลี่ยซานไม่อยู่ที่นี่ เจ้าหนุ่ม” ผู้เฒ่าวายุยิ้มกล่าวขึ้น ครั้งนี้เสียงเขาข้ามผ่านม่านแสงเข้าไปดังก้องอยู่ในลานประมูล

ซูหมิงขมวดคิ้ว

ข้างกายเขาตอนนี้มีเสียงระเบิดดังก้อง ชายชราที่ประมือกับอวี้โหรวเป็นรองนาง ทว่าเขาก็มีร่างกายแข็งแกร่งและทรหดอย่างยิ่ง ราวกับว่าหล่อหลอมร่างกายมา วิชาอภินิหารที่โจมตีใส่ตัวเขาส่วนใหญ่มีผลเบาลงไม่น้อย

ส่วนชื่อหั่วโหวกับชายชราผู้มาเยือนตระกูลไท่ชื่อก็ปะทะกันอย่างสูสี

ทว่าอวี้เฉินไห่ตกที่นั่งลำบาก เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ชายชราอีกคนเลย ท่ามกลางเสียงโครมคราม เขาถอยไปอย่างต่อเนื่อง หากไม่ใช่เพราะข้างชายชรามีสุนัขเหลืองและดำสองตัวคอยลอบโจมตีอย่างสกปรกเพื่อดึงความสนใจละก็ อวี้เฉินไห่คงจะบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว

“พวกเจ้ากล้าไร้ศีลธรรมแบบนี้เชียวรึ! ที่นี่คือเมืองวารีดำ ที่นี่คือเมืองของตระกูลไท่ฉือ ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะกล้าลงมือกับคนตระกูลไท่ฉือ พวกเจ้าออกไปจากเมืองวารีดำไม่ได้แล้ว พวกเจ้าต้องเสียใจที่ล่วงเกินพวกเรา จะต้องรับเพลิงโทสะจากตระกูลไท่ฉือ!” ชายหนุ่มถือพัดคนนั้นกล่าวเสียงเล็ก เขาไม่มีสีหน้าตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ถึงจะถอยไป แต่คำพูดกลับกลายเป็นเสียงแหลมดังกังวาน

เขามีความมั่นใจก็เพราะว่าที่นี่คือเมืองวารีดำ เพราะว่าที่นี่คือที่ตั้งตระกูลไท่ฉือ ที่นี่ เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนกล้าสังหารตน หากตระกูลอวี้เล็กจ้อยกล้าทำแบบนั้น ก็คงต้องจ่ายด้วยการถูกทำลายตระกูลบนดาวทมิฬ

ซูหมิงละสายตาจากด้านบน แต่ก็ไม่มองชายหนุ่มคนนั้นแม้แต่หางตา เพียงหมุนตัวกลับเดินหน้าหนึ่งก้าว ท่ามกลางสายตาของหลายพันคนรอบๆ ร่างกายเขาบิดเบี้ยวแล้วมาปรากฏตัวอีกครั้งอยู่หน้าอวี้เฉินไห่

ยามนี้อวี้เฉินไห่มีสภาพย่ำแย่ทั้งตัว เขากำลังเร่งร้อนถอยไป ชายชราใบหน้าไร้อารมณ์ตรงหน้าชินกับการกัดจากสุนัขสองตัวที่ไม่มีพลังโจมตีอะไรแล้ว ตอนนี้จึงไม่สนใจและเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว

การปรากฏตัวของซูหมิงทำให้อวี้เฉินไห่ตื่นเต้นขึ้นมา และก็ทำให้ชายชราที่เข้ามาใกล้หยุดชะงัก ทว่าพริบตาที่เขาหยุด ซูหมิงยกมือขวาขึ้นชกใส่ชายชรา!

หมัดนี้แฝงไว้ด้วยพลังโลหิตทั้งตัวของซูหมิง แฝงไว้ด้วยพลังทั้งหมดของร่างแยกกลืนนภา ทั้งยังมีพลังต้นกำเนิดจิต ตอนที่ชกออกไปเกิดเสียงเปรี๊ยะๆ ดังมาจากในร่างกายเขา หนึ่งหมัดชกออกไป เมฆลมกับกระแสอากาศทั้งหมดในลานประมูลล้วนถูกรวมเข้ามาในพริบตา แล้วหลอมรวมเข้าไปในหมัดของซูหมิง เสียงระเบิดทำลายอากาศลากยาวดังขึ้นกว่าเดิม กระทั่งอากาศยังเกิดเสียงกึกๆ และพังทลายลง

หนึ่งหมัดชกลงตรงหน้าอกชายชรา

โครม!

ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว การป้องกันกับกลอุบายทั้งหมดของชายชราไม่อาจขวางได้อีก ชายชรากระอักเลือดท่ามกลางเสียงครึกโครม ร่างเขากระเด็นถอยไป ระหว่างนั้นร่างกายก็เกิดเค้าลางจะแหลกสลายโดยเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ขณะที่กำลังแหลกสลายไป ร่างกายเขาก็เหมือนมีพลังย้อนกลับอะไรบางอย่าง แหลกสลายไปพลางฟื้นฟูไปพลาง ทว่าต้นกำเนิดจิตจากในหมัดซูหมิงขวางการฟื้นฟูนั้นทันที มิหนำซ้ำช่วงที่ชายชรากระเด็นถอยไป สุนัขสองตัวที่เขาไม่ได้ระวังพลันเผยรอยยิ้มหยาบโลน

พวกมันเพิ่งจะยิ้ม สุนัขใหญ่สีเหลืองก็สะบัดหัว หัวสุนัขฉีกแยกออกโดยพลัน ข้างในมีหัวมังกรดุร้ายใหญ่ยักษ์ยื่นออกมา หัวมังกรใหญ่เกินไปจึงดูต่างกับร่างกายสุนัขโดยสิ้นเชิง ครั้นยื่นออกมาแล้วก็กัดเข้าที่ชายชราที่มีสีหน้าเหลือเชื่ออย่างแรง

หนึ่งคำกัดไปครึ่งตัว!

สุนัขใหญ่ตัวสีดำข้างๆ ก็ร้องเอ็ดตะโร ก่อนจะสะบัดหัวเลียนแบบสุนัขเหลือง กลายเป็นหัวไร้ขนของกระเรียนขนร่วง บางทีตอนแรกมันอาจไม่ได้คิดจะเข้าไปกัดชายชรา ทว่าพอเห็นมังกรยมโลกทำแล้วก็รู้สึกว่าแบบนี้ดูทรงพลังนัก ดังนั้นจึงกลอกตา หัวเราะเสียงเล็กชั่วร้าย พร้อมกับใช้ปากกระเรียนแหลมทิ่มไปตรงส่วนล่างของชายชรา

จากนั้นมันก็กลายเป็นสายลมสีดำ ฉีกทึ้งทั้งในและนอกตัวชายชรา

ชายชราคนนี้ตายอย่างคับอกคับใจยิ่ง เขาไม่ได้ตายเพราะหมัดซูหมิง แค่ตายอยู่ในปากมังกรยมโลก วิญญาณและจิตแรกถูกมังกรยมโลกสูบกินไป หลังจากสิ้นใจแล้ว สมบัติติดตัวทั้งหมดก็ถูกกระเรียนขนร่วงเอาไป

เขาไม่นึกเลยว่าสุนัขใหญ่สองตัวนี้จะเป็น…มังกร!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version