Skip to content

สู่วิถีอสุรา 898

ตอนที่ 898 เต้าคง

ผู้เฒ่าวายุมองซูหมิงแวบหนึ่ง แล้วหันหน้าไปมองผู้เฒ่าสายฝนข้างกาย

“ได้ แต่ต้องใช้เวลาราวๆ หนึ่งเดือน” ผู้เฒ่าสายฝนกล่าวราบเรียบ เมื่อสิ้นเสียง ไอน้ำรอบๆ พลันปกคลุม มองไปดูขมุกขมัว

“คนตระกูลเลี่ยซานทั้งหมด ขุมอำนาจทั้งหมดของพวกเจ้าบนดาวทมิฬ นับจากนี้ไป ด้วยนามของข้าเทพหมานรุ่นสี่แห่งเผ่าหมาน พวกเจ้าต้องฟังคำสั่งแซ่ซู”

ซูหมิงอยู่ข้างรูปปั้นเลี่ยซานซิว สายตากวาดมองไปยังทุกคนพลางกล่าวเสียงเรียบ ตอนที่เอ่ยออกไป การยอมรับจากแผ่นดินหมานในจิตวิญญาณและการก้มกราบจากชาวเผ่าหมานแผ่กระจายออกมา

นี่คือความน่าเกรงขามของเทพหมาน เป็นพลังไร้รูปที่ทำให้เลือดลมของเผ่าหมานทุกคนเดือดพล่าน

ชาวเผ่าหมานเกือบร้อยคนตัวสั่นสะท้านแล้วก้มหน้าให้ซูหมิง ผู้เฒ่าวายุกับผู้เฒ่าสายฝนต่างเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนประสานมือคารวะเขา

คนเกือบร้อยคารวะพร้อมกันกลายเป็นเสียงหนึ่ง

“พวกเรา ขอคารวะเทพหมาน”

……

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในหนึ่งเดือนนี้บนดาวทมิฬคึกคักอย่างยิ่ง มีผู้ฝึกฌานลงมาจากนอกดาวไม่หยุดหย่อน

ผู้มาเยือนส่วนใหญ่เป็นผู้แข็งแกร่งจากแดนรกร้างคนบาป ที่มาดาวทมิฬก็เพื่องานประมูลหมึกดำในทุกๆ หลายร้อยปี

ลานประมูลดาวทมิฬนี้มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในทั้งแดนรกร้างคนบาป มันคืองานประมูลขนาดใหญ่ในความหมายแท้จริง ทุกครั้งจะมีสมบัติน่าตะลึงไม่น้อย

โดยเฉพาะทุกเผ่าประหลาดแห่งทะเลดาราต้นกำเนิดจิตจะส่งคนมางานประมูลครั้งนี้ด้วย ทั้งยังนำวัตถุประหลาดจากทะเลดารามาจำนวนมาก เพื่อให้เพียงพอต่อการแลกสมบัติล้ำค่ากับวิชาที่ต้องการหรือของที่ปรากฏเพียงสี่มหาโลกแท้จริงเท่านั้น

ในเวลาเดียวกัน สี่มหาโลกแท้จริงก็จะให้ความสนใจกับงานประมูลหมึกดำอย่างยิ่งเช่นกัน ทุกครั้งจะมีรักษาการณ์แท้จริงมากันไม่น้อย กระทั่งมีตัวแทนของแต่ละโลกแท้จริงมาทำการค้าขายด้วย

เพราะมีผู้ฝึกฌานมาเยอะมาก ดังนั้นงานประมูลดาวทมิฬทุกครั้ง การห้ามความวุ่นวายคืองานที่ค่อนข้างสำคัญ จะมีผู้แข็งแกร่งของแต่ละตระกูลรวมกันเป็นทหารรักษาการณ์ คอยห้ามไม่ให้เกิดการเข่นฆ่ากัน

กระทั่งวงแหวนอาคมคุ้มกันบนดาวทมิฬยังเปิดทั้งหมดระหว่างงาน หากเกิดการเคลื่อนไหว มันก็จะลงมือสังหารทันที

ดีที่งานประมูลแบบนี้จัดขึ้นหลายครั้งแล้วในประวัติศาสตร์ ดังนั้นทุกอย่างจึงมีระเบียบขั้นตอน และดำเนินไปอย่างราบรื่น

ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่กลางเมืองวารีดำ ภายในวิหารแห่งหนึ่งที่ตระกูลอวี้สร้างขึ้นหลังจากเป็นเจ้าเมือง เขานั่งอยู่ตรงนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างในเมืองวารีดำ ด้านหลังเขามีบรรพบุรุษตระกูลอวี้สิบสามคนยืนอยู่ด้วยความเคารพ

ส่วนตรงหน้ามีแผ่นหยกวางอยู่ม้วนหนึ่ง

เลี่ยซานคังจิ่วยืนอยู่ข้างเขาด้วยความเคารพ ความเคารพนี้มาจากใจจริง และกำลังรอคำสั่งจากซูหมิงอยู่

เลี่ยซานคังจิ่วนำแผ่นหยกนี้มาให้ ด้านในบันทึกนามของโอรสสวรรค์แห่งขุมอำนาจรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงทั้งหมด กระทั่งด้านในยังบันทึกไว้อย่างละเอียดยิบ ระบุบุคคลเหล่านี้ไว้อย่างชัดเจนว่ามีโอกาสที่จะมาดาวทมิฬเพื่อเข้าร่วมงานประมูล

ซูหมิงถือแผ่นหยกด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่เกิดคลื่นอารมณ์ใดๆ ถึงเขาจะเห็นว่าคนแรกมีนามว่า….เยี่ยวั่งก็ตาม!

‘เยี่ยวั่ง คนที่มีพรสวรรค์สูงสุดในรอบไม่รู้กี่หมื่นปีจากเผ่าเซียนในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม เขาเป็นที่สนใจของสำนักดาราสัจธรรม ขนานนามว่าเป็นผู้มีโอกาสก้าวสู่ระดับภัยพิบัติมากที่สุดในผู้ฝึกฌานรุ่นนี้ มิหนำซ้ำหนึ่งในสามผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักดาราสัจธรรมเหิงคงจื่อยังรับเป็นศิษย์สายตรง จากนั้นก็ติดตามเต้าคง คนในตระกูลสายตรงของเต้าเฉินมายังแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต มีโอกาสแปดส่วนที่คนนี้จะมาดาวทมิฬ’

‘เต้าคง คนในตระกูลสายตรงของสำนักดาราสัจธรรมแห่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรม เป็นผู้มีสติปัญญาน่าทึ่งอย่างยิ่ง อยู่อันดับสิบในด้านการพัฒนาขุมอำนาจของคนในตระกูลสายตรงแห่งสำนักดาราสัจธรรม

คนนี้ทำทุกอย่างแบบรอบคอบ มีนิสัยเปรียบเสมือนสิงห์ร้าย ผู้ฝึกฌานที่เขาเชิญชวนล้วนมีขั้นพลังไม่อ่อนแอ และยังคิดจะเชิญเยี่ยวั่ง ที่เยี่ยวั่งมาแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตก็เป็นเพราะคนนี้คอยชักใยอยู่

ในแดนรกร้างเหวลึกข้างกายเต้าคงมีผู้ติดตามจำนวนมากที่ตามมาด้วยไม่ได้ ดังนั้นในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตจึงเป็นช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุดของเขา แต่ข้างกายจะต้องมีผู้แข็งแกร่งคอยคุ้มกันอย่างแน่นอน อีกอย่างหากไม่ใช่เพราะเขามีเวลาในการฝึกฝนน้อยมาก ก็คงมีโอกาสติดอันดับสามในสายเลือดตรงของเต้าเฉินแล้ว ก่อนหน้าที่เยี่ยวั่งจะปรากฏตัว เขาได้รับขนานนามว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์สูงสุดแห่งสำนักดาราสัจธรรม

คนนี้จะต้องมาดาวทมิฬอย่างแน่นอน!’

ซูหมิงใช้จิตสัมผัสอ่านรายชื่อทีละคน จนกระทั่งอ่านครบรอบแล้ว เขาก็ให้ความสำคัญไปที่เยี่ยวั่งกับเต้าคง ผ่านไปพักใหญ่ก็เพ่งสายตามองไปยังข้อมูลของคนที่มีนามว่าเต้าคง

‘เต้าคง…’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ก่อนดึงจิตสัมผัสกลับมา แล้วหรี่ตาลงทีละน้อย

ตอนที่ตัดสินใจจะไปตามหาเทพหมานรุ่นหนึ่งเลี่ยซานซิวที่ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เขาก็ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วว่าจะต้องรีบหาร่างแยกที่สามของตนให้เร็วที่สุด

หนึ่งร่างแยกนี้ใช้รวมขั้นพลัง ทำให้ขั้นพลังเขาไม่หยุดนิ่งอีก

กระทั่งเขามีความมั่นใจว่าหากหาร่างแยกนี้พบก็จะให้ขั้นพลังปะทุขึ้นได้ ก่อนทะลวงจากธรณีประตูระดับฟ้าสู่เจ้าปกครองโลกในทีเดียว

กระทั่งจากการตอบสนองกันของสามร่างแยก เขามีโอกาสจะให้ร่างแยกขั้นพลังบรรลุถึงระดับเจ้าปกครองโลกตอนกลาง ถึงตอนนั้น ศักยภาพแท้จริงของเขาจะมีอำนาจอยู่เหนือกว่าเจ้าปกครองโลกตอนกลางอย่างยิ่งโดยที่ไม่ต้องเรียกใช้ร่างแยกเอ้อชาง

ถึงอย่างไรตอนนั้น พลังโลหิตของกายหยาบร่างแยกกลืนนภาก็คงบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกตอนปลายแล้ว ส่วนขั้นพลังเขาคือเจ้าปกครองโลกตอนกลาง เขาในตอนนั้นจะมีคุณสมบัติเข้าไปในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต

‘หากทุกอย่างลุล่วง มีสมบัติแห่งช้างเครื่องชั่งอยู่ ต่อให้เจอกับระดับภัยพิบัติจันทรา ข้าก็มีพลังไว้ปกป้องตัวเอง’ นัยน์ตาซูหมิงฉายประกายเย็นเยียบ

ที่เลือกเต้าคงก็เป็นเพราะซูหมิงมองสำนักดาราสัจธรรมเป็นศัตรู ที่ปล่อยเยี่ยวั่งไปก็เพราะในความทรงจำเขายังมีสายตายึดมั่นและแน่วแน่ที่ไม่ยอมศิโรราบบนภูเขาร่องลมตอนอยู่ภูเขาทมิฬตลอด

“ขุมอำนาจตระกูลเลี่ยซานทั้งหมดบนดาวทมิฬสังเกตเต้าคงอย่างใกล้ชิด หากเขามาดาวทมิฬ ข้าต้องการข้อมูลทุกอย่างของเขาอย่างละเอียด” ซูหมิงมองเลี่ยซานคังจิ่วแล้วกล่าวเสียงต่ำ

เลี่ยซานคังจิ่วมีสีหน้าเคร่งขรึม หลังขานรับด้วยความนบนอบแล้วก็เอ่ยลาไป

คล้อยหลังเลี่ยซานคังจิ่ว คำสั่งของซูหมิงถูกส่งต่อแบบลับๆ เข้าไปในจิตใจของทุกคนที่อยู่ลัทธิเต๋าหมึกดำ ตาข่ายใหญ่ไร้รูปแผ่คลุมบนดาวทมิฬ รอเพียง…เต้าคงมาถึง

เวลานี้กลางฟ้ากระจ่างดาวนอกดาวทมิฬ มีเรือยักษ์จำนวนมากลากผ่านทะเลดารามาอย่างเงียบเชียบ กำลังมุ่งหน้ามายังดาวทมิฬอย่างรวดเร็ว ดูจากความเร็วมันแล้ว ราวๆ อีกไม่กี่วันก็จะเข้ามาในเขตดาวทมิฬ

เต้าคงสวมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ใหญ่สีดำตัวหนึ่ง ในมือถือสุราหนึ่งแก้ว สายตามองดวงดาวพลางดื่มสุราอยู่ตลอดเวลา สีหน้าดูสงบนิ่งนัก มีเพียงนัยน์ตาที่จะมีประกายวาววูบผ่านเป็นบางครั้ง จะเห็นได้ถึงความหยิ่งทะนงของเขา

ใบหน้าเขาหล่อเหลาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะมีเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราคอยเสริม จึงเหมือนมังกรในหมู่คน

ข้างหลังมีชายชรายืนอยู่เงียบๆ เก้าคน พวกเขาต่างหลับตา แต่กลับมีระลอกคลื่นน่ากลัวกระจายอยู่ทั้งในและนอกตัวพวกเขา

“พูดแบบนี้ หมายความว่าโอรสสวรรค์เยี่ยวั่งของพวกเราจากไปเองอย่างนั้นรึ?” เต้าคงยิ้มน้อยๆ วางแก้วสุราในมือลง แก้วสุราพลันร่วงลงพื้น ทว่าระหว่างที่ร่วงลงไปกลับมีมืองามข้างหนึ่งยื่นออกมาจากมวลอากาศแล้วรับเอาไว้

ต่อจากนั้นก็มีร่างเงาคนน่าหลงใหลผู้หนึ่งเผยตัวออกมา คนนั้นคือหญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามอย่างมาก นางคุกเข่าอยู่ข้างเต้าคง หลังรับแก้วสุราเอาไว้แล้วก็ยิ้มยั่วยวนให้กับเขา

“เขาจากไปด้วยตัวคนเดียวเมื่อสามวันก่อน” เสียงเย็นเยียบดังเรียบๆ มาจากตรงหน้าเต้าคงกับหญิงสาว สิ้นเสียงนี้ ก็เห็นเป็นร่างเงามายาร่างหนึ่งขยับวูบวาบอยู่ตรงนั้น

มองไม่เห็นหน้าตา มองจากรูปร่างรู้ว่าเป็นเพียงสตรีคนหนึ่ง

“ดีมาก พันกว่าปีมานี้ เขาก็ยังไม่ยอมเป็นผู้ติดตามข้า ครั้งนี้ใกล้จะถึงเวลากลับแล้ว ถ้าอย่างนั้น…ก็ไม่ต้องเป็นผู้ติดตามข้าแล้ว และก็ไม่ต้องเป็นตัวเลือกให้กับคนอื่นในตระกูลข้าด้วย ให้เขา…เกิดเหตุสุดวิสัยบางอย่างบนดาวทมิฬแล้วกัน” เต้าคงกล่าวเสียงเบา แล้วยกมือขวาขึ้นลูบคางหญิงสาวผู้มีหน้าตางดงามข้างกาย

“ข้าเพียงแค่ปกป้องความปลอดภัยของเจ้า ไม่ใช่ทำงานให้เจ้า” ร่างมายานั้นเอ่ยเสียงเรียบ ในน้ำเสียงแฝงไว้ด้วยการดูถูกและเหยียดหยาม ไม่มีความเคารพเลยแม้แต่น้อย

ชายหนุ่มคนนั้นเหมือนจะชินกับน้ำเสียงของร่างเงานี้แล้ว จึงยิ้มเล็กน้อย สายตามองไปตรงจุดที่ร่างเงาอยู่

“อย่าลืม เจ้าเป็นคนของนิกายหงส์ เป็นคู่ชีวิตข้าที่บรรพบุรุษเลือกเอาไว้”

“เจ้าเองก็อย่าลืมเหมือนกัน นั่นคือประเพณีที่นิกายหงส์จะปฏิบัติหลังจากเจ้าก้าวสู่ระดับภัยพิบัติแล้วเท่านั้น” ร่างมายาเอ่ยเสียงเบาออกไป จุดที่นางอยู่บิดเบี้ยว ก่อนหมุนตัวจากไปโดยไม่สนใจเต้าคงอีก

เต้าคงหัวเราะเงียบๆ เขาจับคางหญิงสาวข้างกายเอาไว้ สายตามองใบหน้าของหญิงงาม โดยเฉพาะสายตามองปลายแหลมของหูสองข้าง ก่อนจะบีบเบาๆ

หญิงสาวเจ็บปวด แต่กลับไม่กล้าเผยให้เห็น พอเต้าคงบีบหูไว้แล้วก็ออกแรงเยอะขึ้นเรื่อยๆ มีน้ำตาไหลรินมาจากดวงตาหญิงสาว

“เจ้าเองก็มาจากนิกายหงส์ เคยเห็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายหงส์ไป๋เฟิ่งหรือไม่?” เต้าคงเอ่ยเสียงเบา

หญิงสาวกัดริมฝีปากล่างพลางส่ายศีรษะ

“ก็ถูก ตอนที่เจ้าหักหลังนิกายหงส์ ไป๋เฟิ่งเข้าร่วมแผนการลับนั้นด้วย เจ้าก็ต้องไม่เคยเห็นอยู่แล้ว” เต้าคงยิ้มเล็กน้อย

“ข้าก็ไม่เคยเห็น ในนิกายหงส์มีสตรีศักดิ์สิทธิ์สองคน หนึ่งคือไป๋เฟิ่ง อีกคนคือคู่ชีวิตข้าสวี่ฮุ่ย น่าเสียดายสวี่ฮุ่ยปิดบังใบหน้ามาตลอด แต่ไม่ช้าก็เร็วสักวันหนึ่งข้าต้องได้เห็น”

“มรดกโบราณแห่งนิกายหงส์ก็ต้องเป็นของข้า” เต้าคงปล่อยมือจากหูหญิงสาว แล้วตบหน้านางไปทีหนึ่ง ทำให้นางลอยไปไกลสิบกว่าจั้ง

“ไสหัวไป!”

หญิงสาวก้มหน้าลง ก่อนค่อยๆ เดินไกลออกไป

โดยรอบเงียบสงบทันที ชายชราเก้าคนด้านหลังเต้าคงมีสีหน้าปกติ กระทั่งยังไม่ลืมตา ประหนึ่งชินกับนิสัยคุ้มดีคุ้มร้ายของเต้าคงแล้ว

‘เยี่ยวั่ง…ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี เช่นนั้น…ก็อย่าหาว่าแซ่เต้าไร้ความปราณี’ เต้าคงหลับตาลงด้วยสีหน้ามืดทะมึน

‘งานประมูลดาวทมิฬครั้งนี้ ข้าต้องบรรลุความต้องการของบรรพบุรุษให้สำเร็จ ใช้อันดับรายชื่อไปโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแลกกับสิ่งที่เพียงพอต่อความต้องการ ฉะนั้นแล้ว เยี่ยวั่งตายไปคนหนึ่งก็จะไม่เป็นอะไร’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version