ตอนที่ 930 หัตถ์แห่งเทพหมาน
“….บุรุษในนาม….”
คำพูดนี้เหมือนถูกยืดยาวออกไปพันปี ดังก้องอยู่ข้างหูสวี่ฮุ่ย ยาวนานและเนิบช้า ทุกตัวอักษรเหมือนค่อยๆ แยกไปอยู่อีกมิติหนึ่ง
ท่ามกลางความเงียบสงัดทีละน้อยนี้ ใจสวี่ฮุ่ยกลับถูกประโยคนี้ก่อให้เกิดคลื่นกระเพื่อม….คลื่นกระเพื่อมนั้นเหมือนกับดอกไม้บาน ขยายออกเป็นวงกว้างไม่หยุดกลางบึงหัวใจ…..จนกระทั่งกลายเป็นพละกำลังให้ลืมตาขึ้น ทำให้ตอนนี้นางแง้มดวงตาออกเป็นเส้นหนึ่ง
ดวงตานางในรอยแยกนั้นมัวหมอง ไร้ประกาย ไม่มีชีวิตชีวา แต่ในโลกที่นางเห็นผ่านรอยแยกนั้น ร่างบุรุษในนามของนางยืนอยู่นอกปราการที่กำลังพังลง เศษปราการเหมือนกลายเป็นตัวเสริมให้เขาเด่นขึ้น ขับร่างเงาเขาให้กลายเป็นที่จับจ้องในโลกใบนี้
คำพูดซูหมิงดังก้องกังวานฟ้าดิน ทำให้ชายชราร่างมายาจิตใจหนักอึ้ง ขณะเดียวกัน ผู้ถือคันศรข้างๆ เขาซึ่งเป็นคนยักษ์ขนาดหลายร้อยจั้งยกคันศรในมือซ้ายขึ้นอย่างไม่ลังเล ส่วนมือขวาพลันดึงสายธนู เสียงหึ่งๆ ดังกระจายออกไปทันที พริบตาเดียวก็เปลี่ยนเป็นเสียงทำลายอากาศแหลมเล็ก
นั่นคือเสียงเมื่อผู้ถือคันศรง้างธนูและลูกธนูทะลวงผ่านอากาศ ลูกธนูคมกริบที่รวมขึ้นจากทรายพุ่งไปหาซูหมิงด้วยความเร็วดุจสายฟ้า แวบเดียวก็มาอยู่ตรงหน้าซูหมิงที่กำลังเดินผ่านปราการถล่มทลาย
ความเร็วของลูกธนูยากจะบรรยาย ประหนึ่งก่อนกะพริบตายังอยู่ไกล แต่หลังกะพริบตากลับมาอยู่ตรงระหว่างดวงตาและกลางคิ้ว!
ซูหมิงเงยหน้ามองไปอย่างเย็นชา ตอนนี้ขั้นพลังเขาเข้าใกล้ระดับภัยพิบัติตะวันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด สิ่งนี้เกิดจากร่างแยกเอ้อชางส่งพลังมาให้ ไม่ใช่สภาพที่แกร่งที่สุดภายใต้เงื่อนไขว่าร่างแยกเอ้อชางไม่ได้มาด้วยตัวเอง
เขายัง…แกร่งได้มากกว่านี้!
แทบเป็นช่วงที่เขาเงยหน้าขึ้น ซูหมิงพลันยกมือขวา ขาสองข้างไม่ถอยหลัง แต่กลับเดินหน้าอีกหนึ่งก้าว ทันทีที่เหยียบลง มือขวาพลันคว้าไปข้างหน้า พลังมหาศาลส่งออกมาจากมือขวาทันที
พลังมหาศาลนี้เหมือนกับใช้เทือกเขาจู่โจม ส่งผลให้แขนสองข้างเกิดการชา ทว่าภายใต้ร่างกายที่แบ่งเบาภาระกับแผ่กระจายออก จึงทำให้พลังมหาศาลละลายในร่างกาย พร้อมกันนั้นเขาก็เดินก้าวที่หก เหยียบลงบนพื้น
โครม!
แผ่นดินสั่นสะเทือนเพราะซูหมิงเหยียบลง ดินทรายสั่นไหวเพราะเขาก้าวเดิน ทั้งท้องฟ้าในตอนนี้เกิดปรากฏการณ์รุนแรงขึ้น พายุไม่มีสิ้นสุดลากยาวเข้ามา ม้วนเส้นผมยาวของซูหมิงขึ้น ทำให้สีหน้าเขาดูเย็นชาและอึมครึม ทั้งยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายเหลือล้น
เขายกมือขวาคว้าลูกธนูดินทรายที่ยิงมาจากผู้ถือคันศรคนนั้น!
ลูกธนูส่งเสียงอื้ออึงจากในมือ แต่กลับไม่อาจดิ้นหลุดจากมือได้แม้แต่น้อย เขาก้มหน้าลงมองมันในมือแวบหนึ่ง นัยน์ตาค่อยๆ ฉายแววประหลาดใจ ประกายประหลาดใจนี้กลายเป็นดวงตะวันจันทราและดาราม้วนอยู่ในดวงตาเขา ประหนึ่งกาลเวลากำลังย้อนคืนในดวงตา
ครั้นผู้ถือคันศรกับชายชราร่างมายาเห็นประกายประหลาดใจในดวงตาเขาแล้ว สองคนนี้ต่างหน้าเปลี่ยนสี โดยเฉพาะชายชราร่างมายา เขาถอยไปหลายก้าวโดยจิตใต้สำนึก ก่อนเอ่ยเสียงเล็ก
“พลังแห่งกาลเวลา จะ…เจ้า…เจ้าคือทูตวิญญาณแห่งกาลเวลา!”
“ก็คือคันศรนี้…ลูกธนูดอกนี้…” ซูหมิงเหมือนไม่ได้ยินเสียงเล็กของชายชราร่างมายา เขามองลูกธนูในมือ ในดวงตามีภาพต่างๆ วูบผ่าน ในภาพนั้นปรากฏเป็นบุคลิกองอาจของสวี่ฮุ่ยก่อนหน้านี้รวมถึงการต่อต้านและตอบโต้ด้วยลูกธนูนี้
จนกระทั่งซูหมิงเห็นวิชาสิบแปดหัตถ์หงส์ทะเลสาบ เห็นลูกธนูดอกที่สามของผู้ถือคันศรและแสงสว่างจ้าแสบตา มันเหมือนกับดอกไม้ไฟสุดท้ายที่เผาดวงตาเขา ทำให้ภาพเหล่านั้นหายไปกลางเปลวเพลิง ดวงตากลับมาเป็นปกติ
“…ทำร้ายนาง” ซูหมิงเงยหน้าขึ้นแล้วบีบมือขวา ลูกธนูดินทรายพลันแตกหักเป็นดินทรายละเอียดไหลผ่านซอกนิ้ว มีสายลมพัดมา พัดเอาเศษทรายเหล่านั้นกลายเป็นผ้าโปร่งบางปลิวว่อนอยู่ตรงหน้า
“สังหารเขา!” ชายชราร่างมายาถอยหลังไปอย่างเร็วไว เอ่ยเสียงเล็กดังกังวาน ยักษ์ดินทรายที่เหลืออยู่รอบๆ ต่างร้องคำรามด้วยความโกรธพลางพุ่งไปหาซูหมิง และยังมีผู้ถือคันศร เขามีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง จังหวะเดียวกับที่พุ่งไป เขาก็ง้างคันศรอีกครั้ง ครั้งนี้มีลูกธนูอยู่สามดอกบนคันศร
ช่วงที่ชายชราร่างมายาร่นถอย กริชดินทรายในมือหายไป กระดูกมายาสีดำปรากฏในมือ เขาลูบมันไม่หยุดพลางบริกรรมคาถาซับซ้อนเข้าใจยาก
เมื่อเริ่มบริกรรมคาถา ท้องฟ้าเกิดเสียงโครมดังขึ้น ประหนึ่งว่าท้องฟ้ากลายเป็นปราการ และมีคนกำลังจะเปิดฟ้าเข้ามาจากหลังปราการ
ซูหมิงยิ้มเยาะมุมปาก เขาขยับวูบไหวไปข้างหน้า มาปรากฏอยู่ตรงหน้ายักษ์ดินทรายในพริบตา ก่อนยกมือขวาขึ้นกดตรงระหว่างคิ้วยักษ์ดินทราย
แม้ตัวเขาจะเล็กจ้อยดั่งมดปลวกเมื่อเทียบกับคนยักษ์ ทว่าเมื่อกดมือลงไป ยักษ์ดินทรายกลับตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง มันมีสีหน้าสิ้นหวัง มีรอยแยกหลายเส้นโผล่ตรงระหว่างคิ้ว เสี้ยวพริบตาเดียวก็ลุกลามไปทั่วร่าง หัตถ์นี้ของซูหมิงแฝงไว้ด้วยกำลังรบที่ใกล้กับภัยพิบัติตะวันอย่างไม่มีสิ้นสุด ไม่ใช่สิ่งที่อสูรดินทรายที่มีขั้นพลังเทียบเท่า เจ้าปกครองโลกตอนกลางหรือตอนปลายจะรับไหว
โครม!
ยักษ์ดินทรายร่างระเบิดออก แตกกระจายเป็นชั้นๆ ตอนที่ซูหมิงจากไป มันก็กลายเป็นภูเขาเล็กดินทรายลูกหนึ่ง สูญเสียวิญญาณและพลังชีวิต
ในเวลาเดียวกัน ยักษ์ดินทรายอีกตนเหวี่ยงหมัดยักษ์เข้ามา สายลมม้วนอาภรณ์ซูหมิงราวกับเกิดพายุทราย ระหว่างที่มันร้องคำรามด้วยความโกรธพร้อมกับเข้ามาใกล้นั้น ซูหมิงหันกลับไป เขาไม่ได้ลงมือและไม่ได้หลบ แต่เพียงในดวงตาปรากฏเงาตะวันและจันทราขึ้น!
นั่นคือ…ภาพมายาดวงตะวันจันทราและดารา นั่นคือพลังที่มีความเชื่ออยู่ นั่นคือพลังประหลาดที่เขาเรียนรู้มาเล็กน้อยตอนอยู่ดาวหมึกดำ
พลังนี้หลอมรวมเข้าสู่วิชาภาพมายาตะวันจันทราและดารา เวลานี้มันปะทุออกมา ยักษ์ดินทรายที่ตรงเข้ามาพลันตัวสั่นสะท้าน หมัดที่เหวี่ยงมาค้างอยู่ตรงหน้า ซูหมิง นัยน์ตาฉายแววสับสนและยังมีการต่อสู้ดิ้นรน
ซูหมิงไม่สนใจยักษ์ดินทรายตนนี้อีก แต่กระโดดเหยียบมันลอยขึ้นฟ้า ระหว่างนั้นเส้นผมยาวสะบัดพลิ้ว อาภรณ์ปลิวไสว และดวงตาเย็นชาก็เป็นเป้าหมายอยู่ในสายตาของผู้ถือคันศร
เป็นตอนนี้เองเกิดเสียงอื้ออึงดังก้อง ยักษ์ดินทรายอีกแปดตนตรงเข้ามา ลูกธนูสามดอกของผู้ถือคันศรทะลวงผ่านอากาศไปหาซูหมิงที่อยู่กลางอากาศ
ยังไม่ทันเข้าใกล้ ผู้ถือคันศรพลันตะโกนเสียงต่ำ
“ระเบิด!” เสียงเขายังคงดังกังวาน เสียงดังสนั่นพลันดังมาจากลูกธนูสามดอกนั้น ลูกธนูสามดอกระเบิดกลางอากาศ ไม่ได้ใช้ลูกธนูสร้างบาดแผล แต่ใช้แรงปะทะจากการระเบิดโจมตีศัตรูกลางอากาศ นี่คือความคิดของผู้ถือคันศร
ท่ามกลางเสียงครึกโครม ผู้ถือคันศรหยุดชะงักบนพื้นครู่หนึ่ง คันศรในมือปักลงในดินทราย ตัวเขาสั่นไหว มือคว้าคันศรยาวแล้วโก่งมัน ก่อนจะตะโกนเสียงต่ำดังสะเทือนฟ้า
“ร้อยธนูสังหาร!” ระหว่างที่เขาตะโกนเสียงต่ำ ดินทรายโดยรอบพลันลอยขึ้นแล้วกลายเป็นลูกธนูร้อยดอกในพริบตา ยามเขาง้างสายธนูออก เสียงจากลูกธนูร้อยดอกดังสนั่นฟ้าดิน มันถูกยิงออกไปพร้อมกัน พุ่งตรงไปหาซูหมิงกลางอากาศ
“การโจมตีระยะไกลได้ผลจริงๆ คิดว่าแซ่ซูไม่มีทักษะนี้รึ” ซูหมิงกล่าวเสียงเบาพลางใช้มือขวาตบถุงเก็บวัตถุ จากนั้นก็มีน้ำเต้าอันหนึ่งโผล่ขึ้นมาในมือ!
มือซ้ายลูบน้ำเต้าแล้วปล่อยออกไปข้างหน้า ทั้งตัวโค้งคำนับน้ำเต้า
“อัญเชิญน้ำเต้าล้ำค่าสังหาร!”
สิ้นเสียง น้ำเต้าพลันเปล่งแสงสว่างจ้ากลางอากาศ แสงสว่างมีหกสี ภายใต้การเปลี่ยนแปลง นอกน้ำเต้าปรากฏดวงตาดวงหนึ่ง
หลังจากมันจ้องผู้ถือคันศรแล้วก็มีคนตัวเล็กคนหนึ่งบินออกมาจากในน้ำเต้า ในมือคนเล็กถือกริชคมกริบเล่มหนึ่ง มันไม่ลืมตา แต่กลับพุ่งไปหาผู้ถือคันศรในทันใด
มันบินออกไปพร้อมกับลูกธนูร้อยดอกพุ่งเข้ามา ภาพนี้ดูชัดเจนยิ่งนัก ธนูร้อยดอกเข้าไปใกล้ซูหมิง ส่วนน้ำเต้าล้ำค่าโจมตีผู้ถือคันศร!
“พันธนูสังหาร!” ผู้ถือคันศรบนพื้นหน้าเปลี่ยนสี รูม่านตาหดเล็กลง ช่วงที่ซูหมิงเอาน้ำเต้าล้ำค่าออกมา เขาเกิดความรู้สึกถึงอันตรายขึ้น โดยเฉพาะยามดวงตาบนน้ำเต้าจับจ้องเขาแล้ว ความรู้สึกอันตรายพลันเด่นชัดขึ้น กระทั่งในความทรงจำที่สืบทอดมาของเขายังรู้สึกรางๆ ว่ามีสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่ทำให้เขาตัวสั่น ซึ่งคล้ายกับน้ำเต้านี้อย่างยิ่ง
ภายใต้อันตราย เขาจึงใช้วิชาที่แกร่งที่สุดอย่างไม่ลังเล สิ้นเสียงที่เอ่ยออกไป บนพื้นดินก็เกิดน้ำวนยักษ์ขึ้นโดยมีเขาเป็นใจกลาง
ภายในน้ำวนมีชาวเผ่าดินทรายที่หลบไม่ทันอยู่เล็กน้อย พวกเขาต่างกรีดร้องเสียงแหลม ร่างกายเป็นเลือดเนื้อในน้ำวน ภายใต้อันตราย ผู้ถือคันศรในยามนี้จึงคำนึงถึงชาวเผ่าดินทรายไม่ได้ การปกป้องชีวิตตัวเองเป็นสิ่งสำคัญกว่า
ลูกธนูลอยขึ้นมาจากในน้ำวนยักษ์ทีละดอก รวมๆ แล้วหนึ่งพันดอก เกิดเสียงทำลายอากาศดังสนั่นฟ้า พวกมันยิงออกไปพร้อมกัน เหตุการณ์นี้เหมือนประกอบขึ้นเป็นภาพที่สืบทอดมาแต่โบราณ!
เห็นลูกธนูเหล่านั้นเข้ามาใกล้ด้วยความเร็วสูงยิ่ง นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เขาก้มหน้ามองอยู่กลางอากาศ ไม่ได้มองลูกธนูเหล่านั้น แต่มองฝ่ามือขวาตัวเอง
มองกลางฝ่ามือตัวเอง มองลายมือตัวเอง ขณะที่ลูกธนูเหล่านั้นตรงเข้ามา เขากดฝ่ามือขวาไปข้างหน้า
“หัตถ์แห่ง…เทพหมาน!” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา นอกตัวเขาปรากฏภาพมายาขึ้นในระยะหลายพันจั้ง ภาพมายาล้อมเขาไว้เป็นใจกลางและยังขยายออกไม่หยุด สร้างขึ้นเป็นฝ่ามือยักษ์ข้างหนึ่ง!
ฝ่ามือนี้เหมือนกับฝ่ามือขวาซูหมิงทุกประการ ในดวงตาเขายังมีเงาตะวันและจันทราขยับวูบวาบอย่างรวดเร็ว
ฝ่ามือนี้ตั้งขึ้น ปรากฏกลางฟ้าดิน เมื่อซูหมิงกดมือขวาไปข้างหน้าก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ฝ่ามือทะลวงผ่านกายเขาพุ่งไปข้างหน้า มวลอากาศเกิดรอยปริร้าวเป็นเส้นสาย ท้องฟ้าฉีกออก เสียงโครมครามจากฝ่ามือดังสนั่นแก้วหู เหมือนกับกำแพงด้านหนึ่งปะทะเข้ากับลูกธนูพันดอก
นี่คือวิชาแห่งเทพหมานหลังจากที่ขั้นพลังเขาใกล้ถึงภัยพิบัติตะวันอย่างที่สุด!