Skip to content

สู่วิถีอสุรา 939

ตอนที่ 939 ชะตาของเจ้า

“สมบัติต้นกำเนิดจิต…” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย แล้วพลันลุกพรวดยืนขึ้น

เขารู้แน่ชัดว่าตนไม่มีวิชาอภินิหารที่ทำให้โลกเปลี่ยนเป็นภาพหยุดนิ่งถึงขนาดเมื่อครู่นี้ อีกทั้งยังทำให้สายตาตนขยายภาพนั้น หลังจากขยายไปไม่รู้เท่าไรแล้ว ก็มองเห็นรอยแยกเล็กที่ปกติมองไม่เห็น

ต่อให้ดวงตารวมต้นกำเนิดจิตไว้ ก็มั่นใจว่าทำแบบนั้นไม่ได้

ความจริงแล้วภาพนั้นในสายตาซูหมิงเมื่อครู่ แม้แต่ตัวเขาเองยังตะลึงงัน ตอนนี้มาคิดเชื่อมโยงกันแล้ว นี่ไม่ใช่วิชาของเขา แต่เป็นต้นกำเนิดจิตในดวงตา มันเกิดการเชื่อมต่อบางอย่างที่เขาเองก็ยังไม่รู้กับลูกตานั้น เป็นการเชื่อมต่อนี้เองที่ทำให้เขาใช้วิชาซึ่งเมื่อย้อนนึกถึงในตอนนี้แล้วรู้สึกว่าทรงพลังอย่างยิ่ง

นัยน์ตาเขาเป็นประกาย ทันทีที่ลุกขึ้นยืนก็เดินหน้าหนึ่งก้าวทันที ด้วยความเร็วของเขา วูบเดียวก็มาอยู่ข้างตี้จิ่วโม่ซา และมาอยู่ตรงหน้าชายร่างกำยำเผ่าลือนามคนนั้น

แทบเป็นช่วงที่มาถึง มีเสียงคำรามดังก้องในจิตใจซูหมิงแว่วมาจากอากาศด้านหลังชายร่างกำยำเผ่าลือนาม ทำให้ซูหมิงหยุดชะงักเล็กน้อย ทว่าเมื่ออักขระต้นกำเนิดจิตใดวงตาขยับวูบวาบ เขาก็กลับมาเป็นปกติในพริบตา ประกายในแววตาเด่นชัดขึ้น เขาไม่มองชายร่างกำยำคนนั้น แต่เดินผ่านข้างกายไป แล้วใช้ห้านิ้วมือขวาคว้าความว่างเปล่าตรงนั้น

เมื่อคว้าไปพลันเกิดเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น มวลอากาศเกิดระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนทันที คนอื่นมองไม่เห็น ทว่าซูหมิงสังเกตเห็นรางๆ ว่ารอยแยกกำลังผสานรวมกันอย่างรวดเร็ว

ต่อมาก็มีเสียงคำรามที่ดังยิ่งกว่าเดิมกึกก้องในใจ และเข้าต่อต้านกับพลังต้นกำเนิดจิตของเขาอยู่รางๆ เชื่อมต่อกับเสียงคำรามกึกก้องจิตใจตอนที่เขามาถึงเมื่อครู่ เสียงที่ดังแว่วมาในตอนนี้เห็นชัดว่าจะขวางการกระทำซูหมิง เมื่อมองรอยแยกที่กำลังผสานรวมกันอย่างรวดเร็วนั้นอีกที เห็นได้ชัดมากว่า…ลูกตาที่เผ่าลือนามกราบไหว้บูชาดวงนั้น…สังเกตเห็นบางสิ่งที่น่ากลัวจากตัวซูหมิง รู้สึกถึงอำนาจคุกคามจากตัวเขา ดังนั้นมันจึงปฏิเสธการคารวะของชาวเผ่าลือนามตลอดหลายปีอย่างไม่เสียดาย ไม่ช่วยเหลือชาวเผ่า แต่จะปิดรอยแยกเพื่อไม่ให้ซูหมิงเข้ามาใกล้

ภายในชนเผ่าลือนาม ยามนี้เสียงคำรามดังสนั่นฟ้า ชาวเผ่าทั้งหมดที่ล้อมรอบลูกตาดวงนั้นต่างเอาสองมืออุดหู ขณะกรีดร้องยังมีโลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด และมีคนไม่น้อยสิ้นใจไป

ชาวชราที่ทั่วร่างเน่าเปื่อยและอ่อนแออย่างยิ่งหน้าเปลี่ยนสีรุนแรง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รู้สึกได้ถึงความตื่นกลัวจากในดวงตานั้น

เหมือนกับว่าดวงตาสังเกตเห็นบางสิ่งที่ทำให้มันรู้สึกไม่ปลอดภัย ตอนนี้เส้นทางที่เปิดออกกำลังปิดลงอย่างรวดเร็ว

เมื่อมองดวงตาอีกครั้ง ตอนนี้ลูกตาดำหดตัว เงาวิญญาณร้ายเหลือคณนานับในนั้นกำลังร้องเสียงแหลม เสียงจากพวกมันเองทำให้ชาวเผ่าลือนามล้มตายและเจ็บปวด ส่วนซูหมิงใจสั่นสะท้าน ร่างกายหยุดชะงักโดยพลัน จำต้องใช้ต้นกำเนิดจิตต่อต้าน

“เป็นใคร…ใครทำให้เนตรปีศาจหวาดกลัว!” ชายชราผู้อ่อนแอคนนั้นตัวสั่นระริก เขายกมือขวากดบนดวงตานั้น เขาอยากสัมผัส อยากเห็น ว่าใครกันที่สังหารนักรบของเผ่าเขา และยังทำให้เนตรปีศาจหวาดกลัว ทำให้มันไม่สนความเป็นตายของเผ่าและกลับคำพูดที่ว่าจะช่วยสังหารก่อนหน้านี้

ทางด้านซูหมิง ภายใต้การต่อต้านระหว่างต้นกำเนิดจิตกับเสียงร้องแหลม เขาเอามือขวาอุดคว้าจับอากาศแล้วกระชากออกมาข้างนอก ระหว่างนั้นก็ระเบิดพลัง เสียงโครมดังขึ้น มวลอากาศถูกเขาฉีกออกทันที

ขณะเดียวกัน พลังคลุ้มคลั่งก็ปะทุมาจากในรอยแยกนั้น พุ่งตรงไปหาเขา ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ร่างซูหมิงถอยหลังไปทันใด เขาคว้าตัวตี้จิ่วโม่ซาถอยไปหลายสิบจั้ง ก่อนจะหันกลับไปมองรอยแยกอากาศที่ตนฉีกออก

ในสายตาคนอื่นจะไม่สังเกตเห็นอะไรในรอยแยกนั้น แต่ในสายตาซูหมิงกลับมีความรู้สึกว่ารอยแยกนี้กับลูกตาในดวงตานั้นคล้ายกันยิ่งนัก

การที่ซูหมิงปรากฏตัวและคว้าตัวตี้จิ่วโม่ซาถอยไป ทำให้ตี้จิ่วโม่ซางุนงง แต่เขาก็ถอยตามไปแต่โดยดี แม้ไม่รู้ว่าเหตุใดซูหมิงถึงปรากฏตัวอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทว่าในรอยแยกที่โผล่มาด้านหลังชายร่างกำยำเผ่าลือนามคนนั้นแผ่ความรู้สึกอันตรายที่ทำให้เขาใจสั่นสะท้าน เขาจึงเข้าใจทันทีว่าเหตุใดซูหมิงถึงมา

ส่วนชายร่างกำยำเผ่าลือนาม ยามนี้คำรามด้วยความโกรธใส่ซูหมิง ไม่เดินหน้ามา แต่รีบร้อนถอยร่นไป จนใกล้จะสัมผัสกับรอยแยกนั้นแล้ว

ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ได้ขัดขวาง แต่มองชายร่างกำยำสัมผัสกับรอยแยก มองสีหน้าอีกฝ่ายเผยความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด ซูหมิงยิ้มเยาะ

หลังจากนั้นชายร่างกำยำก็ส่งเสียงร้องโหยหวน จังหวะที่เขาสัมผัสกับรอยแยกกลับไม่ถูกเคลื่อนย้ายไป แต่ถูกสูบพลังชีวิตกับพลังทั้งหมด ร่างกายแห้งเหี่ยวทันใด พริบตาเดียวก็เป็นหนังหุ้มกระดูก จนกระทั่งกลายเป็นเถ้าธุลี

เมื่อสูบชีวิตชายร่างกำยำ รอยแยกนั้นก็เหมือนกับบาดแผลบนตัวที่ได้รับการฟื้นฟู มันปิดรอยแยกด้วยความเร็วระดับสายตา มิหนำซ้ำขณะปิดยังถอยหลังไปอย่างเร็วรี่ เพียงแวบเดียวก็เหลือเพียงเส้นถี่

“ที่แท้เจ้าก็กลัวข้า” ซูหมิงวูบไหวไปข้างหน้า พุ่งไปยังรอยแยกที่กำลังปิดลง

“ต่างฝ่ายต่าง…อย่ารุกรานกันเลย…” เสียงอื้ออึงปะปนด้วยเสียงร้องพร้อมด้วยความรู้สึกแก่ชราดังแว่วมาจากในรอยแยกที่กำลังปิดลงอย่างรวดเร็ว เสียงดังก้องฟ้าดิน ก่อให้เกิดคลื่นเสียงกระจายเป็นวงกว้าง

“ทำเป็นพูดว่าต่างฝ่ายต่างอย่ารุกรานกัน หากขั้นพลังข้าไม่พอ เจ้ายังจะพูดแบบนี้อยู่หรือ” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ เขายังคงพุ่งเข้าไปใกล้ จากนั้นยกมือขวาคว้าจับรอยแยกที่กำลังปิดลงอีกครั้ง

เสียงฉีกดังขึ้น รอยแยกถูกฉีกออกอีกครั้ง ครั้งนี้ซูหมิงไม่หยุด แต่ฝืนทนเสียงร้องสะเทือนจิตใจ ทนรับแรงปะทะคลุ้มคลั่งจากรอยแยกนั้น ร่างพุ่งทะยานเข้าไปด้านใน เสี้ยวขณะเดียวก็เข้าไปอยู่กลางรอยแยก

ขณะเดียวกับที่เขาพุ่งเข้าไป กลางเผ่าลือนาม เสียงร้องจากเนตรปีศาจพลันดังถึงขีดสุด ภายใต้เสียงนี้ ชายชราคนที่เอามือขวากดบนเนตรปีศาจต้องรับผลก่อนเป็นคนแรก ร่างกายเขาสลายหายไป…ชาวเผ่าลือนามทั้งหมดรอบๆ ต่างกรีดร้องเสียงแหลมและสิ้นใจไปทีละคน หลังจากล้มลงกันแล้วร่างกายก็แห้งเหี่ยว กลายเป็นเถ้าธุลีลอยหายไป

พลังชีวิตทั้งหมดของพวกเขาถูกเนตรปีศาจสูบไป หลังจากนั้นดวงตานี้ก็โบยบินขึ้น บินอย่างรวดเร็วออกจากเผ่าที่รวมขึ้นจากหอคอยดำซึ่งยามนี้เงียบสงัด และพุ่งหนีขึ้นไปบนฟ้า

ตอนนี้เอง ภายในเผ่าลือนามที่รวมขึ้นจากหอคอยดำบนพื้น ตรงจุดที่ชาวเผ่าลือนามทั้งหลายสิ้นใจ รอบๆ จุดที่เนตรปีศาจอยู่ก่อนหน้านี้พลันเกิดเสียงโครมดังขึ้น รอยแยกยักษ์ถูกฉีกออกจากความว่างเปล่า จากนั้นซูหมิงก็เดินออกมา

ตอนที่เดินออกมา เขาเงยหน้ามองเนตรปีศาจที่กำลังรีบเร่งหนีอยู่บนฟ้าแวบหนึ่ง

“จงเป็นดวงตาของข้า…” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ เขาไม่เดินหน้าต่อ แต่ยกมือขวาคว้าท้องฟ้าครั้งหนึ่ง ท้องฟ้าพลันเกิดเสียงดังสนั่น มีมือใหญ่ข้างหนึ่งโผล่ขึ้นกลางนภาทันที

มือใหญ่คลุมพื้นที่หลายพันจั้ง และกำลังคว้าไปทางเนตรปีศาจอย่างเร็วไว

“ไม่!” เสียงร้องด้วยความโกรธแว่วมาจากในเนตรปีศาจ ระหว่างเสียงนี้กึกก้องก็กลายเป็นระลอกคลื่นวงใหญ่ ระลอกคลื่นปะทะกับฝ่ามือใหญ่จากบนฟ้าจนเกิดเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ฝ่ามือพลันระเบิดออก เนตรปีศาจทะลวงผ่านมันไปและหนีไปไกลอีกครั้ง

“ชะตากำหนดไว้แล้วว่าวันนี้เจ้ากับข้าต้องพบกัน…” ตอนที่ซูหมิงกล่าวเสียงเบา เขายังคงไม่ขยับตัว แต่ร่างชื่อหั่วโหวพร้อมกับทะเลเพลิงเดินออกมาจากอากาศตรงหน้าเนตรปีศาจ เมื่อเขายกมือขวาขึ้น ทะเลเพลิงก็กลายเป็นมือใหญ่ยักษ์อีกข้างหนึ่งคว้าไปยังเนตรปีศาจ

“บัดซบ ไม่มีวัน!” ตรงจุดขุ่นมัวภายในเนตรปีศาจ มีหมอกควันลอยล่อง เงาวิญญาณร้ายนับไม่ถ้วนในนั้นกรีดร้องอย่างดุร้าย กระทั่งมีไม่น้อยพุ่งออกมาจากดวงตา กลายเป็นเงาภูตผีข้างนอก เงาภูตผีเหล่านั้นมีไม่น้อยที่เป็นชาวเผ่าลือนาม พวกมันต่างพุ่งตรงไปหาฝ่ามือเปลวเพลิงของชื่อหั่วโหว

ทันทีที่พวกมันปะทะกันก็เกิดเสียงระเบิดดังก้อง ฝ่ามือเพลิงระเบิดออกกลายเป็นทะเลเพลิงมากมายร่วงลงสู่พื้นดิน ทว่าเนตรปีศาจเหมือนสังเกตเห็นช่องโหว่ที่ไม่มีเปลวเพลิงเส้นหนึ่ง จึงขยับกายวูบวาบหลายที ข้ามผ่านทะเลเพลิงไป กำลังจะบินออกไปจากสุดสายตาของซูหมิง

ทว่าซูหมิงยังคงมีสีหน้าปกติ

“นี่คือ…โชคชะตาของเจ้า” ซูหมิงกล่าวคำพูดครึ่งสุดท้ายของประโยคอย่างสงบนิ่ง

ตอนที่เอ่ยออกไป ตรงหน้าเนตรปีศาจที่กำลังห้อเหยียดไปไกลพลันปรากฏร่างเงายักษ์ร่างหนึ่ง ร่างเงานั้นเป็นต้นไม้ นั่นคือ…ภาพเงาสะท้อนเอ้อชาง!

หลังจากการปรากฏตัวของภาพเงาเอ้อชาง พลังมหาศาลแผ่กระจายไปรอบๆ กลายเป็นแรงกดดัน ทำให้ยามนี้เนตรปีศาจร้องคำรามด้วยความสิ้นหวัง

“เอ้อชาง!”

“เอ้อชาง บัดซบ!”

“ตอนนั้นเจ้าสังหารร่างจริงข้า เอาข้าไปเซ่นไหว้ให้ผู้เฒ่าเมี่ยเซิงเพื่อแลกกับชีวิตนิรันดร์…เจ้าลอบโจมตีอาศัยจังหวะที่ข้าเนตรปีศาจเฟินหลีอ่อนแอที่สุด หากไม่ใช่เพราะอย่างนั้นแล้ว เจ้า….จะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้รึ!”

“ข้า…ถือกำเนิดเป็นดวงตาดวงแรกก่อนฟ้าดิน เห็นผืนฟ้ากว้างรุ่งเรืองและตกต่ำกับตาเป็นดวงแรก ข้า…ไม่ยอม!” เสียงคำรามจากในเนตรปีศาจมาพร้อมกับความบ้าคลั่งและเคียดแค้นสุดจะบรรยาย ก่อนจะพุ่งไปหาภาพเงาสะท้อนของเอ้อชาง

ตอนที่พุ่งออกไป ตัวมันขยายออกอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มีขนาดหมื่นจั้ง ดวงตายักษ์เพียงดวงเดียวกลางฟ้าดินพุ่งชนเข้าใส่ภาพเงาสะท้อนเอ้อชางจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว

ทว่าตอนที่พวกมันปะทะกัน กลับมีมือข้างหนึ่งยื่นมาจากในภาพสะท้อนเอ้อชาง มือข้างนี้เล็กจ้อยมากเมื่อเทียบกับดวงตายักษ์ ตอนที่มันสัมผัสเนตรปีศาจก็มีเสียงร้องโหยหวนดังก้องแปดทิศ

เสียงครึกโครมดังสนั่นฟ้า ส่วนซูหมิงยังคงแน่นิ่งอยู่บนพื้น

จนกระทั่งสิ้นสุดเสียงดังสนั่น ภาพเงาสะท้อนเอ้อชางหายไป มีบุรุษผมยาวสวมเสื้อคลุมม่วงคนหนึ่งยืนอยู่บนฟ้า มาพร้อมพลังอำนาจที่สามารถเมินเฉยทุกคนในโลกหล้า ในมือเขาถือดวงตาข้างหนึ่ง

ตอนนี้ดวงตาเป็นสีเทา ทว่าหมอกควันสีเทาภายในกลับเหมือนแฝงไว้ด้วยการขึ้นและลงของท้องฟ้า

บุรุษผมม่วงก็คือร่างแยกเอ้อชางของซูหมิง!

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหมิงใช้ร่างแยกเอ้อชางแสดงพลังในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต โดยใช้วิญญาณเหนี่ยวนำพาร่างแยกเอ้อชางมาที่นี่

“เจ้าเป็นของข้า นี่คือ….ชะตาของเจ้า” ซูหมิงกับร่างแยกเอ้อชางกล่าวขึ้นพร้อมกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version