Skip to content

สู่วิถีอสุรา 972

ตอนที่ 972 กลายร่างวิญญาณแผดเผา

“อย่าทำร้ายเขาถึงชีวิต” ชายชรากล่าวด้วยความรู้สึกซับซ้อน

สิบกว่าคนนั้นห้อเหยียดเข้าไป พอเข้าไปใกล้ซูหมิงแล้วยังไม่ทันได้ลงมือ ท่ามกลางเสียงหัวเราะแหลมของซูหมิง ทั้งตัวเขามาพร้อมความโกรธแค้นแรงกล้า ยกมือขวาขึ้นชกไปยังสิบกว่าคนตรงหน้า หนึ่งหมัดนี้ เขาใช้พละกำลังที่แกร่งที่สุดเท่าที่ร่างกายนี้จะใช้ได้ออกไป นั่นคือกำลังรบของภัยพิบัติตะวัน

เสียงโครมดังสนั่นแก้วหู สิบกว่าคนนั้นหยุดชะงักกลางอากาศพร้อมกันครู่หนึ่ง กระทั่งชายชรายังหรี่ตาลง ขั้นพลังจากตัวซูหมิงทำให้เขาตื่นตกใจ!

“นี่คือชนเผ่าของข้า!” ซูหมิงหัวเราะเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยว เพียงแต่เสียงหัวเราะแฝงไว้ด้วยความขมขื่น เป็นรสชาติที่มีเพียงคนที่เคยประสบมาเท่านั้นถึงจะมี

“เป็นชนเผ่าที่ข้าลำบากตามหามาทั้งชีวิต ฝ่าอันตรายเกือบเอาชีวิตไม่รอดมา เป็นชนเผ่าที่ข้าไม่มีวันลืมและต้องตามหาให้พบ!” ซูหมิงชกหมัดขวาไปอีกครั้ง

“วันนี้ข้ามาถึงที่นี่แล้ว ไม่ใช่เพื่อเป็นชาวเผ่าธุลีแผดเผา แต่ข้าจะมาเอาของที่บิดาข้าฝากไว้ที่นี่กลับไป แม้แต่พวกเจ้า…ก็ขวางข้าไม่ได้!” ซูหมิงก้าวเดินพร้อมชกหมัดไปอีกครั้ง ขั้นพลังภัยพิบัติตะวันปะทุออกมาทั้งหมดในยามนี้ เสียงโครมครามดังสนั่น เขาเพียงคนเดียวก็บีบให้ชาวเผ่าธุลีแผดเผาสิบกว่าคนต้องถอยไปไม่หยุด

ทุกหมัดของซูหมิงไม่ได้ชกใส่ตัวคนเหล่านี้ แต่ชกใส่ตรงหน้าพวกเขา ดังนั้นแล้วจึงเกิดเป็นแรงปะทะรุนแรงม้วนสิบกว่าคนนั้นให้เข้าใกล้ไม่ได้เลย ทำได้เพียงถอยไปอย่างต่อเนื่อง

ชายชราหน้าเปลี่ยนสี เขาหรี่ตาจ้องร่างกายที่ซูหมิงควบคุมอยู่ด้วยสายตาประหลาดใจ

‘จ้าวเผ่าคนก่อนออกจากที่นี่ไปเมื่อหมื่นปีก่อน เด็กคนนี้แทบจะเหมือนกับเขา ทุกประการ กลิ่นอายพลังในร่างก็เป็นของเผ่าธุลีแผดเผา จุดนี้ไม่ผิดแน่

ถึงไม่รู้ว่าจ้าวเผ่าคนก่อนไปมีบุตรคนนี้กับสตรีเผ่าใดข้างนอก แต่ตราประทับ เปลวเพลิงเก้าจุดตรงระหว่างคิ้วเขาก็เป็นตัวยืนยันความบริสุทธิ์ของสายเลือดอย่างชัดเจน

เขาคือสายเลือดหลักเผ่าธุลีแผดเผาไม่ผิดแน่…วิเคราะห์เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นอายุของเขาก็น่าจะหลายพันปีเท่านั้น แต่อายุเพียงแค่นี้ เขา…กลับฝึกฝนถึงระดับนี้แล้ว คุณสมบัติของเขา…ต่อให้ไม่มีสายเลือดหลักก็ครองอันดับหนึ่งทั้งชนเผ่าแล้ว

น่าเสียดาย…หากบรรพบุรุษออกฌาน เรื่องนี้คงยังมีโอกาสเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น’ ชายชราส่ายศีรษะ สายตามองชาวเผ่าสิบกว่าคนที่ถอยหลังไปไม่หยุด ขณะกำลังตรึกตรอง นัยน์ตาพลันขยับประกายเหมือนตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ แล้วเอ่ยขึ้นทันที

“พวกเจ้า เปลี่ยนเป็นร่างวิญญาณแผดเผา!” สิ้นเสียงชายชรา ชาวเผ่าธุลีแผดเผาสิบกว่าคนนั้นต่างหยุดชะงัก หลังจากห่อตัวเป็นลักษณะก้อนกลมพร้อมกันแล้ว สัญลักษณ์เปลวเพลิงตรงระหว่างคิ้วจึงหลอมรวมกัน ทันใดนั้นเอง เกิดเสียงโครมครามดังกึกก้อง พริบตาเดียวสิบกว่าคนนี้ก็กลายร่างเป็นคนยักษ์เปลวเพลิงสิบกว่าคนแล้วพุ่งเข้าไปหาซูหมิงพร้อมกับร้องคำราม

ซูหมิงเห็นชายชราหน้าเปลี่ยนสี ในใจพลันสั่นไหว เขาไม่เชื่อว่าประตูของเผ่าธุลีแผดเผาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้วจะไม่ดึงดูดความสนใจของบรรพบุรุษระดับกุมชะตาเกิดดับสูญของเผ่า ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ปรากฏตัว บางทีอาจมีสาเหตุอื่น

ส่วนสาเหตุ ซูหมิงก็เหมือนจะหาเจออยู่บ้างแล้ว

ตอนนี้เอง ณ เขตใจกลางของหมอก ตรงนั้นมีแผ่นดินใหญ่ลอยอยู่แห่งหนึ่ง แผ่นดินใหญ่ไม่ใหญ่มาก แต่ก็มากพอจะให้ชาวเผ่าธุลีแผดเผาแสนกว่าคนอาศัยอยู่ที่นี่ได้ไม่รู้กี่ปี

ที่นี่คือที่ตั้งชนเผ่าธุลีแผดเผา

บนแผ่นดินเป็นทะเลทราย ไม่มีพืชแม้แต่น้อย ไอร้อนอบอวลอยู่รอบๆ และยังมีคลื่นความร้อนลากผ่านไปมา บนแผ่นดินมีหอคอยสูงอยู่จำนวนมาก หอคอยเหล่านี้ไม่สูง แต่ต่ำสุดก็สูงร้อยกว่าจั้ง ส่วนที่สูงสุดก็หมื่นจั้ง

มองไกลๆ หอคอยสูงบนแผ่นดินใหญ่มีมากกว่าหลายหมื่นหลัง พวกมันกระจัดกระจายกัน รอบๆ ทุกหอคอยมีเปลวเพลิงกำลังลุกไหม้ เปลวเพลิงที่เป็นจุดสำคัญในนั้นคือตรงยอดหอคอย ส่วนเพลิงบนตัวหอคอยก็เกิดจากทะเลเพลิงไหลทะลักลงมาราวกับสายน้ำ

เพลิงตรงยอดหอคอย มองไปแวบแรกเหมือนไม่มีความพิเศษอะไร แต่หากมองดีๆ จะพบว่ามันเหมือนกับดวงตาเปลวเพลิง

ดังนั้นแล้ว ความรู้สึกจากทั้งแผ่นดินใหญ่นี้จึงเหมือนมีดวงตาหมื่นดวงไปชั่วนิรันดร์ ประหนึ่งว่าพวกมันมองทะลุความลับทุกอย่างของจักรวาล

กลางหอคอยสูงเหล่านี้ ภายในยอดหอคอยสูงหมื่นจั้งกว่าที่สูงสุด ใต้ดวงตาเปลวเพลิง ตอนนี้มีคนกำลังนั่งฌานอยู่คนหนึ่ง เขาเป็นชายวัยกลางคน ใบหน้าดมอำแดงเล็กน้อย สีหน้าปกติแต่มีความน่าเกรงขาม ตรงระหว่างคิ้วก็มีตราประทับเปลวเพลิงเก้าจุด

เขามองดวงตาเปลวเพลิงยักษ์ตรงหน้าอย่างเงียบๆ

ข้างกายมีชายชรายืนอยู่เก้าคน พวกเขาต่างเงียบและมองดวงตาเปลวเพลิงเช่นกัน

ภายในเปลวเพลิงเป็นภาพซูหมิงกำลังสู้กับชาวเผ่าธุลีแผดเผาสิบกว่าคนกลางหมอกนอกแผ่นดินใหญ่แห่งนี้

“ท่านบรรพบุรุษมีเค้าลางจะออกฌานหรือไม่” ผ่านไปพักใหญ่ ชายวัยกลางคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ

“ไม่มีเค้าลางใดๆ เลย” ชายชราคนหนึ่งข้างหลังตอบเสียงเบา

“ไม่มีเค้าลางหรือ…นั่นหมายความว่าตาแก่นั่นออกฌานแล้ว” ชายวัยกลางคนยิ้ม ทว่ารอยยิ้มกลับมีความทะมึนทึบ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าในดวงตาเปลวเพลิงตอนนี้มีร่างกายที่ซูหมิงควบคุมอยู่

“คนนี้อายุไม่มากก็ฝึกฝนถึงระดับนี้แล้ว เห็นได้ว่าหลายปีข้างนอกนั่นต้องเจอกับถนนหนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม…” ชายวัยกลางคนกล่าวเสียงเบา

“ข้าเป็นอาเขา หลายปีมานี้ไม่ได้เอาใจใส่เขาเลย ข้าล่ะรู้สึกระอายต่อพี่ข้านัก” ชายวัยกลางคนถอนหายใจเบา

“ช่างเถอะ สังหารเขาให้เรียบร้อย พวกเจ้าเก้าคนไปลงมือด้วยตัวเอง ลบร่องรอบเขาให้เร็วที่สุด ข้าเห็นรอยเพลิงเก้าจุดตรงระหว่างคิ้วเขาแล้วรู้สึกไม่ดียิ่งนัก”

ชายวัยกลางคนยังคงเอ่ยเสียงราบเรียบ ชายชราเก้าคนข้างๆ ลังเลชั่วขณะ ก่อนพากันก้มหน้าขานรับ เพียงพริบตาเก้าคนนี้ก็หายวับไป

“โดดเด่นเช่นนี้ ตาแก่นั้นจะไม่สนใจได้อย่างไร…เพียงแต่ว่า เหตุใดท่านถึงยังไม่พูดออกมาล่ะ….หรือว่าเขามีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ…ช่างเถอะ ข้าจะช่วยท่านจัดการเอง” ชายวัยกลางคนกล่าวพึมพำเบาๆ แล้วหลับตาลง

ภายในทะเลเพลิงหมอก ด้านบนอันไม่มีที่สิ้นสุด ห่างจากสนามรบที่ซูหมิงอยู่ไปไกลมาก โดยรอบเงียบสงบ กระทั่งเสียงดังจากสนามรบยังส่งมาไม่ถึง

กลางหมอกมีร่างเลือนรางนั่งขัดสมาธิอยู่ ร่างนั้นไม่สูง เป็นรูปร่างผอมเล็กมากราวเด็กคนหนึ่ง เขากำลังเพ่งมองเบื้องล่าง สายตาคล้ายกับมองทะลุปราการหมอกทุกอย่างลงไปยังซูหมิงบนสนามรบ

“กลิ่นอายพลังไม่ผิด รอยเพลิงก็ไม่ผิด…ความรู้สึกสายเลือดก็ถูกต้อง…อีกทั้ง สีหน้าเขายังสมจริงมาก ทว่าเหตุใดข้ามักจะเกิดความรู้สึกแปลกตากับตัวเขา” ร่างเงาเลือนรางส่ายศีรษะ แล้วกล่าวกับตัวเองเบาๆ

“ตอนนั้นเจ๋อหรงกับน้องชายเขาโกรธกัน น่าเสียดายข้ามีธุระไปข้างนอก จนข้ากลับมาเขาก็ออกจากเผ่าไปแล้ว ข้าทำนายได้ว่าเขาจะมีภัยพิบัติมรณะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ดังนั้นเลยไม่ได้ตามไป ชนเผ่าก็มีจ้าวเผ่าคนใหม่ด้วย

เพียงทว่าในภาพยันต์แปดทิศของข้า เจ๋อหรงไม่มีทายาท….” ร่างเงาเลือนรางแววตาขยับประกายวาวและเผยความเย็นเยียบออกมา ในขณะเดียวกันยังมีความลังเล

“จะใช่ชาวเผ่าธุลีแผดเผาหรือไม่ จะใช่ทายาทเจ๋อหรงหรือไม่ ทุกอย่าง….ต้องดูว่าเจ้าปลุกพรสวรรค์วิญญาณแผดเผาได้หรือไม่ หากเจ้ากลายเป็นวิญญาณแผดเผาได้ ข้าก็จะออกหน้าให้ ให้เจ้าคารวะบรรพบุรุษและกลับเผ่า หากไม่ได้…ข้าก็อยากรู้นักว่าใครคิดวางกลอุบายต่อเผ่าธุลีแผดเผา!” ร่างเงาเลือนรางยิ้มเยาะ และไม่พูดอันใดอีก

บนสนามรบ เสียงโครมครามดังสนั่นกึกก้อง เผชิญหน้ากับคนยักษ์เปลวเพลิงวิญญาณแผดเผาสิบกว่าคน ซูหมิงยังคงไม่หยุดเดินหน้า ต่อให้ขั้นพลังคนเหล่านี้เพิ่มขึ้น แต่อย่างมากสุดก็แค่ภัยพิบัติจันทรา เทียบกับพลังภัยพิบัติตะวันที่ปะทุมาจากร่างกายนี้แล้วยังห่างกันมากเกินไป

นี่ขนาดซูหมิงยังไม่เหนี่ยวนำพลังของร่างแยกเอ้อชางมา ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เขาจะทำให้ร่างกายนี้สู้กับยอดฝีมือขั้นกุมได้ เหมือนกับบรรพบุรุษขวางสวรรค์ก่อนหน้านี้ หากตอนนั้นซูหมิงมีสมบัติล้ำค่าร่างกายแบบนี้ เขามีความมั่นใจว่าจะสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างดุเดือดแน่นอน ทำให้อีกฝ่ายต้องขมวดคิ้ว

ซูหมิงแค่นเสียงเย็นชา ความโกรธทางสีหน้าไม่ลดน้อยลง ขณะเดินหน้าก็รัวหมัดติดกันสามหมัด

โครม โครม โครม!

สามหมัดชกใส่มวลอากาศ ก่อเป็นแรงปะทะรุนแรง เกิดเป็นเสียงโครมครามกระจายไปรอบๆ ทำให้ชาวเผ่าที่กลายร่างเป็นวิญญาณแผดเผาสิบกว่าคนคล้ายกับถูกพายุคลั่งถาโถมใส่ ร่างกระเด็นถอยออกไปในทันใด ส่วนซูหมิงก็ขยับวูบไหวพุ่งเข้าไป

ทว่าช่วงที่เขาพุ่งเข้าไปนั้น ในใจเขาพลันเกิดความรู้สึกถึงอันตรายอย่างแรงกล้า อันตรายนี้ยังทำให้พวกเสวียนซางสี่คนกับสวี่ฮุ้ยรับรู้ได้อย่างเด่นชัดด้วย

“ระวัง มีผู้แข็งแกร่งมา!”

“ไม่ใช่คนเดียว แต่มาเก้าคน!”

เสียงจากทุกคนดังอยู่ในความคิดซูหมิง ในเวลาเดียวกัน ชายชราที่ปรากฏตัวคนแรกสุดหน้าเปลี่ยนสี

ยามนี้เอง มวลอากาศรอบตัวซูหมิงปรากฏน้ำวนรุนแรงเก้ากลุ่มขึ้น จากนั้นมีชายชราเก้าคนเดินออกมาจากในน้ำวนเหล่านี้ พวกเขาคือ…ยอดฝีมือขั้นภัยพิบัติตะวันเก้าคน!

การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้ทะเลเพลิงหมอกแห่งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่น อีกทั้งหมอกยังม้วนตลบถอยไปหลายชั้น คลื่นความร้อนที่มากพอจะเผาทำลายทุกอย่างระเบิดออกมาจากในตัวเก้าคนนี้

พร้อมกันนั้น แสงสว่างจ้าแสบตามาพร้อมกับคลื่นความร้อน นั่นคือดวงตะวันร้อนแรงเก้าดวงข้างหลังเก้าคนนี้!

เมื่อเก้าคนนี้ปรากฏตัว จิตสังหารก็เผยออกมาทั้งหมด พร้อมกับที่ซูหมิงมีสีหน้าจริงจัง เขาก็ยังไม่ลืมเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะแฝงไว้ด้วยการตัดขาดแบบไม่มีทางหวนคืนได้อีก และยังมีความโกรธแค้นแรงกล้า

นี่สอดคล้องกับฐานะเขา และก็ทำให้ชายชราคนที่ปรากฏตอนแรกสุดมีสีหน้าดิ้นรน จากนั้นก็กลายเป็นเด็ดขาด

“จ้าวเผ่าคนก่อนมีบุญคุณกับข้า…ในอดีตข้าไม่อาจทดแทนบุญคุณเขาได้ วันนี้บุตรเขามาที่นี่ ไฉนข้าจะต้องลังเลอีก!” ชายชรากัดฟัน เขาไม่ได้ลงมือ แต่หันไปพูดกับซูหมิง

“นายน้อย รีบกลายร่างเป็นวิญญาณแผดเผาเร็ว ขั้นพลังของท่านสูงถึงขนาดนี้จะต้องปลุกพรสวรรค์กลายร่างเป็นวิญญาณแผดเผาได้อย่างแน่นอน แล้วทุกอย่างจะคลี่คลาย!”

ซูหมิงตาวาววับ ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเห็นชาวเผ่าธุลีแผดเผาแปลงกายก็จดจำเอาไว้อย่างแม่นยำแล้ว และก็มองเงื่อนงำออกอยู่บ้างด้วย ตอนนี้เมื่อสิ้นเสียงชายชรา เขาจึงถอยหลังไปหลายก้าว ในใจมั่นใจอย่างยิ่งแล้วว่าที่บรรพบุรุษเผ่าธุลีแผดเผาไม่ปรากฏตัวก็เป็นเพราะตนยังไม่แปลงกายเป็นวิญญาณแผดเผา นี่จะต้องเป็นเพราะอีกฝ่ายลังเลในฐานะตนอย่างแน่นอน

‘วิญญาณแผดเผาแปลงกาย’ ซูหมิงส่งกระแสจิตไปหากระเรียนขนร่วงรวมถึงพวกเสวียนซาง ในเวลาเดียวกัน ขณะเขากำลังจะห่อตัวเป็นก้อนนั้น ในใจกลับสั่นไหวและล้มเลิกการกระทำนี้ไป แต่ยืนอยู่ตรงนั้น ใช้วิธีที่ต่างออกไปโดยสิ้นเชิงกลายร่างเป็นวิญญาณแผดเผา!

พร้อมกันนั้น วิญญาณเขาก็เริ่มเหนี่ยวนำกลิ่นอายพลังของเอ้อชางมา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version