บทที่ 120 คุยกันเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และความฝันของพวกเรา! (ปลาย)
บุคคลผู้เป็นลิขิตสวรรค์แห่งแคว้นเจียง!!
ในขณะที่สายตาของนางจ้องเขม็งไปที่ชายหญิงคู่นั้น มือขวาของหญิงสาวพลันขยับกระชับทวนยาวไว้แน่น ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงของใครบางคนขานเรียกแว่วมา “แม่นางอัน!”
อันหลานซิ่วหันขวับ หญิงสาวเดินกลับไปสมทบกับองค์หญิงเก้าและเยี่ยฉวนที่เพิ่งฟื้นได้สติ หากแต่ยังอ่อนระโหยไม่น้อย
เป็นเยี่ยฉวนนั่นเองที่พูดก่อนหน้านี้ เขารีบพูดกับนาง “ท่านอย่าทำเช่นนั้นเลย”
หญิงสาวนิ่งไป
เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงเอ่ยย้ำขึ้นอีก
“เรื่องราวของวันนี้หนักหนาพอแล้ว อีกไม่นานพลังของข้าก็จะฟื้นคืน”
ชายหนุ่มไม่อยากเป็นภาระของนาง เขาไม่อยากทำให้ตนเองเป็นเพียงของเด็กเล่นชิ้นหนึ่ง ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ชายหนุ่มไม่ปรารถนาอย่างยิ่ง
สายตาของอันหลานซิ่วมองลึกลงในดวงตาของคนพูด “ได้!”
โม่ซ่งซึ่งอยู่อีกด้านเห็นเช่นนั้นจึงลอบผ่อนลมหายใจ ด้วยหากหญิงสาวยังยืนกรานที่จะลงมือกับคน
เหล่านี้ เขาก็คงนึกไม่ออกจริงๆ ว่าจะเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน คนอีกสองก็ไม่แตกต่างกัน พวกเขาลอบถอน
หายใจเช่นกัน แน่ล่ะ ทั้งสองไม่คิดต่อกรกับอันหลานซิ่วอย่างแน่นอน!
ชายชราหันไปมองเยี่ยฉวน ก่อนหันหลังพาเป่ยเฉินเดินจากไป
คนคู่ชายหญิงไม่รีรอ พวกเขาลนลานออกจากสถานที่ในทันที
เยี่ยฉวนทำท่าจะพูด ทว่ามีเสียงองค์หญิงเก้าขัดขึ้นเสียก่อน “เลิกพูดเถิด เสียโลหิตยังไม่พอหรือ?”
อันหลานซิ่วหันมา ทำท่าจะตรงเข้าหาชายหนุ่ม ทว่าพ่อบ้านของหญิงสาวพลันพูดขึ้นทันควัน “คุณหนู ท่านอยากให้เขาตายหรือ?”
ผู้ที่อยู่ไม่ไกลทั้งสอง ทั้งองค์หญิงเก้าและเยี่ยฉวนต่างได้ยินถ้อยคำดังกล่าวชัดเจน
อันหลานซิ่วหันไปทางต้นเสียง ทิศทางนั้นได้ปรากฏใบหน้าพ่อบ้านแซ่หลิงผู้ซึ่งกำลังฝืนยิ้มอยู่ ชายชราหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวออกมา
“คุณหนู! ในแคว้นของเรา ท่านเป็นหนึ่งเดียวในรอบหลายพันปี ดังนั้นผู้ยิ่งใหญ่และอีกหลายแว่นแคว้นต่างมุ่งหวังเป็นพันธมิตรด้วยการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี เมื่อถึงตอนนั้นท่านคิดบ้างหรือไม่ว่าพวกเขาจะมี
ปฏิกิริยาเช่นไร เมื่อรู้ว่าท่านใกล้ชิดสนิทสนมกับเด็กหนุ่มคนนี้? จริงอยู่ คนพวกนั้นย่อมไม่กล้าเข้ามา
ยุ่งเกี่ยวกับท่าน แต่ข้ามั่นใจว่าชายหนุ่มคนนี้จะหายสาบสูญไปก่อนที่พวกเราจะรู้ตัวเสียอีก พวกคนเหล่านั้น
ย่อมทำได้แน่นอน!”
ชายชราหยุดนิ่งคิดนิดหนึ่ง จึงกล่าวเสริมมาอีกว่า “อีกอย่าง ข้าคิดว่าคุณหนูย่อมรู้ดีว่าท่านประมุขคิด
อย่างไร……ท่านอาจมีคนที่ชอบได้ หากผู้นั้นต้องมิใช่เพียงคนธรรมดาสามัญ……ใช่ เยี่ยฉวนเป็นยอดฝีมือ และต่อไปอาจได้รับการขนานนามเป็นผู้มีชื่อเสียงในอนาคต ทว่าเขาไม่เหมาะกับท่าน นอกเสียจากว่าเขาจะเป็นจ้าว
แห่งกระบี่หรือเซียนกระบี่ก่อนครบอายุสามสิบ ซึ่งนั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ ยิ่งท่านใกล้ชิดมากเท่าไร นั่นก็ยิ่งทำให้
เขาตายเร็วมากขึ้นเท่านั้น ตัวท่านมีสถานะเช่นไรท่านรู้อยู่แก่ใจ!”
เขาพูดไม่ดังแต่ไม่เบา ดังนั้นทั้งองค์หญิงเก้าและเยี่ยฉวน ต่างก็ได้ยินถ้อยคำนั้นอย่างชัดเจน จึงแน่ใจ
ว่าชายชราจงใจพูดกับเยี่ยฉวน
อันหลานซิ่วนิ่งฟัง
คนแซ่หลิงพูดเสียงแหบแห้ง “คุณหนู ที่จริงแล้วท่านไม่ควรอยู่ใกล้ชายผู้นี้ โลกที่ท่านอยู่กับโลกของเขานั้นต่างกัน เขาไม่เหมาะสมกับโลกของท่านด้วยประการทั้งปวง”
หญิงสาวหันกลับมามองเยี่ยฉวนโดยไม่ใส่ใจต่อชายชราอีกต่อไป “เจ้าจะว่าอย่างไร?”
เยี่ยฉวนมองลึกลงในแววตาคู่นั้น “ข้าเป็นสหายของท่านหรือไม่?”
คนตรงหน้าผงกศีรษะแทนคำตอบ
คนถามยิ้มออกและตอบว่า “ที่เหลือปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า!”
หลังจากที่ได้ยินคำตอบ หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้าง
มองเห็นรอยยิ้ม เยี่ยฉวนพลันนิ่งงันด้วยทำอะไรไม่ถูก
หญิงสาวก้าวเข้ามายืนตรงหน้า ในมือถือผ้าเช็ดหน้าสีขาวยกขึ้นซับรอยคราบโลหิตที่มุมปากของชาย
หนุ่ม เสียงพึมพำเบาๆ ว่า “วันหนึ่งข้างหน้าเมื่อพบกัน หวังว่าเจ้ายังเป็นหนุ่มน้อยที่สง่างามเช่นเดิม”
จากนั้นจึงเก็บผ้าเช็ดหน้าและหันหลังจะเดินไป
“วันหนึ่งข้างหน้าข้าขอไปพบท่านได้หรือไม่?”
เยี่ยฉวนร้องถามออกไปตามหลัง
หญิงสาวหยุดเดิน “ข้าจะไปรอเจ้าที่ใจกลางดินแดนศักดิ์สิทธิ์!”
พ่อบ้านหลิงหันมามองด้วยสายตาเคร่งขรึม “เจ้าจะไปพบนางเพื่ออะไร?”
ชายหนุ่มกลับยิ้มอย่างอารมณ์ดี “คุยกันเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และอนาคตของพวกเรา!”
พ่อบ้านที่ได้ยินคำตอบนั้นพลันสีหน้าซีดเผือดลง เขามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา “ช่างไม่อายตัวเองเสียบ้าง!”
พูดจบ ชายชราก็รีบผลุนผลันตามหลังอันหลานซิ่วออกไปทันที
เยี่ยฉวนยังเหม่อมองอยู่ที่เดิม เขาไม่คิดถอนสายตาจากภาพตรงหน้า แม้ว่าร่างสีขาวจะลับหายไปนานแล้ว
พลันเสียงขององค์หญิงเก้าดังขึ้นข้างกาย “มัวยืนมองอะไรของเจ้า? นางไปตั้งนานแล้ว”
ตอนนั้นเองที่เยี่ยฉวนถอนสายตากลับ เขาสะดุ้งกายเล็กน้อยพร้อมเสียงถอนใจเฮือกด้วยความเจ็บ
ปวด เสมือนเพิ่งรู้สึกถึงบาดแผลทางกายของตนเอง
องค์หญิงเห็นเข้าทรงอดไม่ได้จึงพูดเหน็บแนม “อ๋อ เพิ่งรู้สึกเจ็บหรือ?”
เยี่ยฉวนไม่ทันฟัง เขายกมือขึ้นเกาะจับที่บ่าของนางข้างหนึ่ง ก่อนจะเอนกายพิงคนที่ยืนข้างๆ องค์
หญิงเก้านิ่วหน้าเล็กน้อย นางทำท่าจะผลักไส แต่แล้วเมื่อสังเกตเห็นบาดแผลที่บริเวณหน้าอกของเยี่ยฉวนจึง
ยั้งไว้
ชายหนุ่มคนนี้ได้รับบาดเจ็บเพื่อช่วยชีวิตนาง! แม้กระทั่งเวลานี้โลหิตยังไหลซึมออกจากบาดแผล
ไม่ขาดหาย
เยี่ยฉวนสูดลมหายใจลึกอย่างเจ็บปวด “พี่สาว ท่านจะไม่ช่วยตามหมอมาดูอาการให้ข้าบ้างหรือขอรับ?”
องค์หญิงพึ่งรู้สึกตัว นางจึงพูดเสียงเบาว่า “ทำไมเจ้ายังต้องการหาหมอ? เมื่อกี้ข้าเห็นเจ้าแทบลืม
ความเจ็บปวดตอนที่เห็นหน้าน้องสาวอัน ความงดงามช่วยเยียวยาความเจ็บปวดได้จริงแท้!”
ถึงจะต่อว่าต่อขาน ทว่านางยังช่วงประคองเยี่ยฉวนค่อยๆ เดินเรื่อยมาตามถนนที่มุ่งเข้าเมือง
“โอ๊ะ หลังข้าเจ็บและขาก็เจ็บด้วยเหมือนกัน ท่านช่วยแบกข้าได้หรือไม่พะย่ะค่ะ? ไม่ไหวแล้ว
ข้าเดินไม่ไหว เดินไปอีกไม่ไหวแล้วพะย่ะค่ะ”
“เจ้าเชื่อไหมว่า ข้าสามารถตีเจ้าให้ตายทั้งที่ยังเจ็บอยู่นี่!”
“อะแฮ่ม……อันที่จริง ข้าพอจะเดินเองได้สักสองสามก้าวพะย่ะค่ะ……”
— จบตอน —
