Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 165


บทที่ 165 กรุณาเรียกข้าว่าเยี่ยฉวนเซียนกระบี่! (ต้น)

ณ เชิงเขาฉางหลาน เยี่ยฉวนและพรรคพวกต่างมีท่าทางสดชื่นกระปรี้กระเปร่า แต่ละคนหน้าบานเป็นจานเชิง ก็จะไม่ให้พวกเขารู้สึกเช่นนี้ได้อย่างไร ดูของล้ำค่าที่ทุกคนได้มานั่นสิ กำไรเห็นๆ!

ความขัดสน! เผื่อบางคนจะสงสัย ทั้งสี่คนนับว่าฐานะขัดสน เพราะสถานศึกษาฉางหลานเองขาดวัตถุดิบจำเป็นที่บรรดาศิษย์สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาขั้นพลัง

มิใช่เพียงวัตถุดิบประการเดียว ทั้งอาหารการกินก็อัตคัด!

เช่นเดียวกับศาสตราวุธจิตวิญญาณและอะไรทำนองนั้น ไม่ต้องถึงกับสุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณหรอก!

ชั่วขณะหนึ่ง เยี่ยฉวนหยุดพักการคิดเรื่องกระบี่ไว้ก่อน เขาหันไปทางจี้อันซื่อและอีกสองคน ร้องบอกพวกเขาว่า “พวกเราหยุดตรงนี้ก่อนสักเดี๋ยว!” และเรียกให้ทั้งสี่คนเข้ามารวมกลุ่ม

ชายหนุ่มมองจี้อันซื่อและโม่อวิ๋นฉี “บาดแผลของพวกเจ้าเป็นยังไงบ้าง?” คนถูกถามส่ายหน้าพร้อมกัน แต่โม่อวิ๋นฉีกลับตอบเพิ่มเติมว่า “แผลแค่นี้เรื่องเล็กไม่หนักหนาสักนิด”

เยี่ยฉวนพยักหน้า จากนั้นจึงทำสัญญาณให้ทุกคนนั่งลง เมื่อคนทั้งหมดนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย ทั้งจี้อันซื่อและคนอื่นต่างมองมาที่เยี่ยฉวนเป็นตาเดียว เพื่อคอยดูว่าเขาจะบอกอะไร!

ชายหนุ่มนิ่งไปนิดหนึ่ง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นจริงเป็นจัง “พวกเราชนะการต่อสู้ในเมืองหลวงก็จริง แต่การต่อสู้ในป่าเมื่อครู่ พวกเราแพ้ราบคาบ!”

ผู้ฟังทั้งสามเงียบงัน เยี่ยฉวนมองเพื่อนเรียงทีละคนๆ “หลังจากที่พวกเราปะทะกับศัตรูครั้งก่อนรวมทั้งครั้งนี้ด้วย ข้าเชื่อว่าศิษย์แห่งฉางมู่จากที่อื่น คงต้องหาวิธีรับมือพวกเราอย่างหนักทีเดียว นั่นก็หมายความว่าศัตรูที่พวกเราพบเจอต่อไปจะแกร่งกล้ายิ่งกว่าเดิม!”

โม่อวิ๋นฉีแยกเขี้ยวพูดสวนขึ้นทันที “ไม่ยาก พวกเราก็ออกไปซัดกับมันซี!”

เยี่ยฉวนมองหน้าโม่อวิ๋นฉี “ถ้าเราไม่ชนะล่ะ?”

คราวนี้คนถูกถามกลับเงียบกริบ

เยี่ยฉวนพูดเสียงเบา “นับวันศัตรูจะยิ่งแกร่งกล้า ทั้งยอดฝีมือและยอดคนมากความสามารถที่เกินกว่าที่พวกเราจะจินตนาการ ข้าขอยกตัวอย่างยอดฝีมือระดับผู้เยี่ยมยุทธ์อันหลานซิ่ว นั่นไง……” เพียงได้ยินชื่อที่เขาเอ่ยถึง สีหน้าของโม่อวิ๋นฉีและอีกสองคนพลันแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันควัน

เหตุการณ์เป็นเช่นนี้เพราะรางวัลมากมายมหาศาลที่สถานศึกษาฉางมู่จัดให้เป็นแรงจูงใจอย่างดี ด้วยมูลค่าของรางวัลทำให้ในที่สุดบรรดายอดฝีมือที่แท้จริงเปิดเผยตัวตน……การปรากฏตัวของเฟิงอี้ซิ่วเป็นหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน!

“ลองนึกดูสิว่า ถ้าคนที่มาต่อสู้กับเราเป็นยอดคนอันดับต้นๆ ของทำเนียบ จะเป็นอย่างไร?” เมื่ออยู่ในภาวะความกดดัน ทุกคนพากันสงบนิ่ง

เสียงเยี่ยฉวนดังขึ้นอีกครั้ง “อีกอย่าง สถานศึกษาฉางมู่มักใช้วิธีสกปรก ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายมีแต่แย่ลง พวกนั้นคงไม่เลิกราจนกว่าไม่ใครก็ใครล่มสลายลงไปข้างหนึ่งเป็นแน่”

เขายืนขึ้นก่อนจะพูดต่อไป “พวกเจ้าทั้งสามพึงระลึกไว้เสมอว่า ตอนนี้สถานการณ์ของพวกเรานับวันยิ่งอันตราย แต่จะถอยก็ไม่ดี จะไปต่อก็ไม่ได้ จริงอยู่อาจารย์ใหญ่จี้เป็นผู้กล้าแกร่งมากที่สุด แต่ลำพังเขาคนเดียวคงไม่สามารถรับมือคนทั้งหมด ถ้าพวกเราต้องการมีชีวิตอยู่ พวกเราจำต้องพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด ดังนั้นจงกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความจริงและยืนหยัดต่อสู้!” พูดจบเขาจึงหันกลับและเดินออกจากสถานที่ไป

ด้านหลังมีเสียงของโม่อวิ๋นฉีพึมพำ “หมอนี่ ชอบทำให้ข้าต้องเครียดอยู่เรื่อยเลยวุ้ย”

ไป๋เจ๋อฟังแล้วไม่พูดว่าอะไร เพียงเดินกลับขึ้นเขาไปเงียบๆ ทว่าไม่นานจากนั้น จู่ๆ ก็หยุดเดินและหันมาพูดกับโม่อวิ๋นฉีหน้าตาเอาจริงเอาจัง

“ไม่ต้องกังวล ถ้าเจ้าตายข้าจะจัดงานศพให้อย่างสมเกียรติ!”

โม่อวิ๋นฉี “……”

ณ หอโถงฉางหลาน

ทันทีที่ร่างของเยี่ยฉวนปรากฏกายขึ้นภายในหอโถง เยี่ยหลิงพลันวิ่งถลันออกมาโผเข้ากอดพี่ชายแน่น โดยไม่มีเสียงพูดจากปากสักคำเดียว ด้วยนางได้เห็นการต่อสู้ระหว่างเยี่ยฉวนและเฟิงอี้ซิ่วก่อนหน้าแล้ว

และแม้ว่าก่อนหน้าเด็กหญิงยังไม่ค่อยจะเข้าใจสถานการณ์ของเยี่ยฉวนและคนอื่นเท่าใดนัก แต่สิ่งหนึ่งที่คนเป็นน้องรู้คือนับวันมีแต่คนนำพาปัญหามาให้ท่านพี่ของตนมากขึ้นทุกที!

เยี่ยฉวนยกมือลูบศีรษะเล็กๆ อย่างเอ็นดู พลางพูดว่า “พี่ไม่เป็นไรแล้ว!” เยี่ยหลิงยังคงเกาะเกี่ยวเหนียวแน่นไม่ยอมปล่อยโดยไม่ปริปากเช่นเดิม ทว่าแววตากลับฉายประกายเย็นชาชวนพิศวง

ครึ่งชั่วยามถัดมา เยี่ยฉวนเดินกลับเข้าห้องพัก หลังจากปิดประตูลงกลอนแน่นหนาดีแล้ว เขาจึงเข้าสู่หอคอยแห่งเรือนจำ

เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นห้อง กระบี่สามเล่มวางเรียงอยู่ที่พื้นเบื้องหน้า ทั้งหมดล้วนเป็นกระบี่จิตวิญญาณ!

ชายหนุ่มค่อยหลับตาลง ตั้งจิตแน่วแน่โคจรปราณตามวิถีแห่งกายาไร้เทียมทาน จากนั้นจึงกำหนดที่กระบี่เล่มหนึ่งด้วยการแบมือข้างขวาออก

พลันกระบี่เปล่งแสงแวบวาบและทะยานเข้าหาตัวคน ก่อนจะเลือนหายไปในหน้าอกของเยี่ยฉวน!

ทันใดนั้นร่างของเยี่ยฉวนสั่นเทิ้มรุนแรง!

เช่นเดียวกับภายในกายที่กระบี่หลิงซิ่วสั่นไหว!

ทว่าไม่นานจากนั้น กระบี่หลิงซิ่วก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นก้อนพลังมหาศาลหวนกลับมาบรรจบรวมในกาย

ฉับพลันบังเกิดรัศมีเปล่งประกายรายรอบตัวคน ประกอบกับมีแสงแห่งกระบี่ทอประกายเจิดจ้าออกมาภายนอก!

ในขณะนั้นเขารู้สึกเสมือนเป็นกระบี่!

ขณะที่ร่างกายยังสั่นสะท้าน เริ่มขึ้นจากทีละน้อย ค่อยเพิ่มมากขึ้นและรุนแรงยิ่งขึ้น จนพลังชี่ถูกผลักออกแน่นขึ้น หนักขึ้น

ผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม เยี่ยฉวนเริ่มกำหนดจิตไปที่กระบี่จิตวิญญาณเล่มที่สองเบื้องหน้า เพียงไม่นานกระบี่ก็ทะยานหายเข้าสู่ร่างกายเช่นเคย

เปรี้ยง!

ครานี้พลังแสงแห่งกระบี่สาดกระจายสู่ภายนอกร่างกาย ส่องรัศมีกวาดไปรอบทิศทาง

ทว่าทันทีที่ลำแสงสัมผัสเข้ากับผนังหอคอยแห่งเรือนจำ แสงแห่งกระบี่พลันวูบดับลงอย่างรวดเร็ว

กระบี่หลิงซิ่วภายในกายของเยี่ยฉวน สะท้านอย่างรุนแรงอีกครั้ง!

และที่เกิดขึ้นเช่นนี้ย่อมแสดงว่ากระบี่หลิงซิ่วกำลังดูดกลืนกระบี่จิตวิญญาณ!

การดูดซึมกระบี่จิตวิญญาณครั้งนี้เกิดขึ้นโดยง่าย!

ธรรมดาแล้วกระบี่หลิงซิ่วไม่อาจกระทำได้ แต่เพราะเยี่ยฉวนได้รับความสามารถนี้มาจากสตรีลึกลับ จึงเกิดเป็นข้อได้เปรียบ อาจกล่าวได้ว่าความสามารถนี้ช่วยให้กระบี่หลิงซิ่วดูดกลืนกระบี่ง่ายขึ้นนั่นเอง!

……จังหวะนั้น ปรากฏการณ์อีกอย่างพลันเกิดขึ้น ณ จุดตันเถียนในกาย ด้วยมันแข็งแกร่งขึ้นมาก ซึ่งความมากนั้นก็ทำให้เยี่ยฉวนสามารถก้าวหน้าในขั้นพลังได้ด้วยตนเอง!

นับว่าวิธีการบ่มเพาะพลังชี่ฉบับเยี่ยฉวนนี้พิสดารอยู่มาก ถ้าเรื่องราวเหล่านี้เผยแพร่ออกไปภายนอก ไม่แน่ว่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายอลหม่านไม่น้อย

พลันกระบี่ทะยานขึ้นสู่อากาศออกมาเบื้องหน้าของเยี่ยฉวน จากนั้นแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงกระบี่ก่อนกลืนหายไปภายในกาย!

เปรี้ยง!

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version