Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 193


บทที่ 193 ข้าจะเป็นเซียนกระบี่! (ต้น)

เมื่อเห็นน้ำตาของเยี่ยฉวนไหลหลั่ง คนอื่นอาจตะลึงงัน ทว่าเจียงจิ่วและบรรดาสหายของเขากลับตกใจยิ่งกว่า ด้วยทุกคนรู้จักนิสัยของเยี่ยฉวนดีว่าเป็นคนใจแข็ง ยอมหลั่งเลือดดีกว่าเสียน้ำตา!

แต่ดูตอนนี้สิ เพียงคำพูดสองสามคำของเยี่ยหลิง กลับทำให้น้ำตาของผู้เป็นพี่หลั่งริน! เพราะฉะนั้น คงรู้แล้วว่าเยี่ยหลิงเป็นคนสำคัญในใจของเยี่ยฉวนมากมายเหลือเกิน! แม้แต่เด็กหญิงปริศนาเองยังตกตะลึง นางไม่ค่อยรู้จักเยี่ยฉวน และเป็นคนหนึ่งที่ได้เห็นการต่อสู้ในสนามประลองของชายหนุ่มคนนี้

ถึงกระนั้นนางก็ไม่ค่อยถูกชะตากับเยี่ยฉวนสักเท่าใด

ทว่าด้วยเขากล้าสู้ทั้งยังกล้าฆ่าอย่างไม่เคยเกรงกลัว มันก็ทำให้นางรู้สึกชื่นชมอยู่บ้าง หากด้วยคำพูดของน้องสาวตัวน้อย ชายผู้นี้ที่จริงแล้ว……

ทำให้แม้ว่าจะไม่ค่อยชอบหน้าแต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเขาเป็นลูกผู้ชายเต็มตัวคนหนึ่งที่กล้าสู้ กล้าฆ่า ไม่ขี้ขลาด ทำให้นางเกิดความรู้สึกนับถือ ทว่าคำพูดเพียงประโยคเดียวของเยี่ยหลิง กลับทำให้เขา……

คนผู้นี้รักและห่วงใยน้องของเขามากเหลือเกิน!

เป็นความรักที่ไม่มีข้อแม้!

ขณะที่คนเป็นน้องก็เอาแต่ร่ำไห้น้ำตานองหน้า เยี่ยหลิงมองหน้าเยี่ยฉวนพูดว่า “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าอยากเป็นคนเข้มแข็ง!” เยี่ยฉวนมองหน้าน้อง ขณะนิ่งฟังอย่างตั้งใจ

เยี่ยหลิงยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาก่อนจะพูดต่อ “ข้าไม่อยากเป็นตัวถ่วง ท่านพี่……ข้าไม่อยากถูกจับเป็นตัวประกันใช้ข่มขู่พี่อีกแล้ว ข้าอยากโตขึ้นเป็นคนที่เข้มแข็ง อีกหน่อยจะได้ช่วยพี่บ้าง!”

เยี่ยฉวนใช้มือลูบแก้มเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้าเล็กๆ “พี่ผิดเอง พี่ปกป้องเจ้าไม่ได้!” เยี่ยหลิงส่ายหน้าจนผมกระจาย หยาดน้ำตาไหลเป็นทาง “ข้าต่างหากที่ผิดเอง ข้าเป็นตัวถ่วงเพราะข้ายังเด็ก ซ้ำยังไร้ประโยชน์……” เยี่ยฉวนส่ายศีรษะเป็นเชิงห้ามปราม “หยุดร้องไห้ได้แล้ว ร้องไห้เป็นเด็กขี้แยน่าเกลียดออก!”

เด็กหญิงดึงตัวพี่ชายของนางให้ทรุดตัวลงนั่งเคียงกัน จากนั้นจึงใช้มือน้อยๆ ปาดน้ำตาบนหน้าพี่ชาย พร้อมกับพูดว่า “ท่านพี่เจ้าคะ ข้าอยากเข้มแข็งกว่านี้ อยากช่วยพี่ให้มากกว่านี้ อยากปกป้องพี่เหมือนที่ท่านปกป้องข้า!” เยี่ยฉวนยิ้มรับกับคำพูดไร้เดียวสา เขาพูดไม่ออกด้วยความรู้สึกเต็มตื้อจุกคอหอย ใช้มือเช็ดน้ำตาให้น้องป้อยๆ

ทันใดนั้นเสียงพูดของเด็กหญิงอีกคนดังขึ้นมาว่า “น้องของเจ้ามีแก่นชีวิตที่พิเศษ เจ้าใช้ไฟแห่งจิตวิญญาณช่วยนางให้มีชีวิตได้ แต่ก็เพียงชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งไม่ใช่วิธีแก้ไขในระยะยาว มีทางเดียวก็คือต้องพานางไปที่สำนักเหมันตอุดร จึงสามารถแก้ไขปัญหาให้หมดไปได้ตลอดกาล”

เยี่ยฉวนได้ยินเช่นนั้น เขาหันขวับไปทางคนพูด ซึ่งมีสายตาของอีกฝ่ายจับจ้องอยู่ก่อนแล้ว เสียงพูดต่อมาว่า “เจ้าไม่อาจอยู่ปกป้องนางตลอดทั้งชีวิต นางต้องยืนหยัดให้ได้ด้วยตัวเอง หากนางไปอยู่กับข้าที่สำนักเหมันตอุดร พวกเราจะช่วยฝึกฝนให้”

ขณะนั้นเองผู้เฒ่าจี้ปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าเยี่ยฉวน ชายหนุ่มเงยหน้ามองอาจารย์ใหญ่จี้ซึ่งก้มลงมองมาที่เยี่ยหลิง “นางมีแก่ชีวิตที่พิเศษ การไปอยู่ที่สำนักเหมันตอุดร ย่อมเกิดผลดีกับนางมากที่สุด” เยี่ยฉวนค้านเสียงเบาหวิว “พวกเราไม่เคยแยกจากกัน!” ทำเอาผู้เฒ่าถอนใจหากแต่ไม่พูดอะไร

ในตอนนั้นเสียงของเด็กหญิงดังก้องภายในหัวของเยี่ยฉวน “เจ้าเคยคิดไหมว่าตอนนี้สถานการณ์ของเจ้าเป็นอย่างไร? ถ้านางยังอยู่กับเจ้า มีแต่ตายกับตาย ถ้านางไปอยู่ที่สำนักเหมันตอุดรของข้า พวกเรามีความสามารถเพียงพอที่จะปกป้องนางได้ ข้ารู้ว่าเจ้ารักน้องมาก แต่อย่าให้ความรักทำให้เจ้ากลายเป็นคนเห็นแก่ตัวซี!”

เห็นแก่ตัว! เยี่ยฉวนกำหมัดแน่น

ในลานกว้างเงียบกริบ สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่เยี่ยฉวน หลังจากนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ในที่สุดเยี่ยฉวนหันไปมองเยี่ยหลิงทางเบื้องหน้า ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้น้อง “ได้ พี่ยอมให้เจ้าไปก็ได้!” ทว่าเด็กน้อยกลับไม่ได้แสดงความยินดีแต่อย่างใด ตรงข้ามนางกลับร้องไห้หนักขึ้น

เพราะนั่นย่อมหมายความว่านางต้องจากกับพี่ชายแล้วจริงๆ! เยี่ยฉวนเฝ้าลูบไล้ศีรษะอย่างเบามือ พลางปากพูดปลอบโยน “หยุดร้องไห้เถอะ”

จากนั้นจึงจูงมือน้องพาเดินตรงไปที่เด็กหญิง และส่งมือของเยี่ยหลิงให้อีกฝ่าย “ผู้อาวุโส ฝากท่านช่วยดูแลนางด้วยนะขอรับ!”

เด็กหญิงรับมือของเยี่ยหลิงมาจับไว้ ขณะนั้นเยี่ยฉวนพูดขึ้นว่า “นางร่างกายอ่อนแอและเกลียดการต่อสู้ หากนางไปอยู่ที่สำนักเหมัตอุดร และถูกรังแกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้า……”

“วางใจได้!” สายตาของเด็กหญิงที่มองเยี่ยฉวนเย็นเยียบ “ถ้านางไปอยู่สำนักเหมันตอุดรกับข้า จะไม่มีใครกล้ารังแกนาง!”

เยี่ยฉวนจ้องหน้าเด็กหญิง จากนั้นเขาหันไปหยิบวงแหวนสัมภาระส่งให้เยี่ยหลิง วงแหวนสัมภาระนี้เยี่ยฉวนใช้เก็บสิ่งของที่ยึดมาได้จากศัตรู ซึ่งเป็นของทั้งหมดที่เขามีติดตัว!

เยี่ยฉวนยิ้มน้อยๆ “เจ้าไปอยู่ที่นั่น อย่ายอมคนมากเกินไป ถ้าใครมารังแกเจ้าต้องตอบโต้กลับไปบ้าง แต่ถ้าเอาชนะไม่ได้ ก็ส่งข่าวมาบอกพี่ แล้วพี่จะรีบตามไปช่วยน้อง เข้าใจไหม?” เยี่ยหลิงคลี่ยิ้มทั้งน้ำตาพลางใช้หลังมือรีบปาดน้ำตาก่อนจะพยักหน้า “เจ้าค่ะ!”

เด็กหญิงแปลกหน้าพูดขึ้นว่า “เจ้าเก็บวงแหวนสัมภาระไว้เองเถิด เมื่อนางอยู่ที่นั่นก็ไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้แล้ว!” เยี่ยฉวนหันไปสบตาคนพูด ก่อนประท้วงว่า “ข้าต้องการจะให้น้อง ข้า……”

ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่สนใจ ทั้งยังตอบสวนกลับทันที “เจ้าคิดว่าสิ่งที่ให้ดีสำหรับนางเช่นนั้นหรือ? ถ้าขืนให้นางนำสัมภาระขยะพวกนี้ไปด้วย ข้าจะยิ่งรู้สึกอับอาย!”

ชายหนุ่มได้ยินคนตอบมาเช่นนั้น จึงได้แต่นิ่งเงียบ ‘ขยะบ้านเจ้าน่ะสิ สุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณต่างหาก!’ เขาคิดในใจ

“มันเป็นขยะ ใช่ไหมล่ะ?” คนถามยังไม่หยุดแค่นั้น

เยี่ยฉวนทำท่าจะต่อความยาว พลันชายชราผู้หนึ่งปรากฏกายออกมาจากทางหนึ่ง “เจ้าเก็บของพวกนี้ไว้เองดีแล้ว เพราะมันจำเป็นสำหรับเจ้าในเวลานี้ที่สุด ส่วนน้องของเจ้าเมื่อไปอยู่ที่สำนักเหมันตอุดร นางจะไม่ขาดแคลนสิ่งเหล่านี้แน่นอน!

เยี่ยหลิงส่งวงแหวนสัมภาระคืนให้พี่ชาย จากนั้นจึงล้วงหยิบไม้แกะสลักเป็นรูปคนขึ้นมา เด็กหญิงชูรูปไม้แกะสลักในมือขึ้นต่อหน้าเยี่ยฉวนพลางยิ้มกว้าง “นี่ก็พอแล้วเจ้าค่ะ!”

หุ่นไม้แกะสลักคล้ายเยี่ยฉวน! เยี่ยฉวนเอ่ยปากทำท่าจะพูดอะไรอีก ขณะนั้นเองเด็กหญิงแปลกหน้าฉวยข้อมือเยี่ยหลิงไว้ แสดงท่าทางให้รู้ว่าถึงเวลาต้องจากลากันแล้ว เมื่อเห็นดังนั้นเยี่ยฉวนจึงรีบเอ่ยถามออกไป “สำนักเหมันตอุดร อยู่ที่ไหนขอรับ?” เด็กหญิงแปลกหน้าจ้องหน้าเยี่ยฉวน เห็นได้อย่างชัดเจนว่านางไม่อยากตอบคำถาม

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version