Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 204


บทที่ 204 ข้าปกป้องพวกเจ้าไม่ได้อีกแล้ว! (ต้น)

จ้าวหอชั้นเก้าอ้างบัญชาสวรรค์อย่างนั้นหรือ?

คนที่ไม่ไกลออกไปเท่าใดนัก หลี่เสวียนชางกัดฟันกรอด หน้าตาบูดบึ้ง “เจ้าจะบ้าหรือยังไง?” ขาดคำเพียงเท่านั้น จ้าวหอชั้นเก้าทะยานเข้าหาคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว

ตู้ม!

เกิดเสียงดังสนั่นครั่นครืนราวฟ้าพิโรธ ร่างสองร่างพุ่งปะทะพลันแยกห่าง

อีกฝ่ายคือหลี่เสวียนชาง มองเขม็งที่จ้าวหอชั้นเก้า “สำนักอัปสรเมรัยของเจ้าก็ใช่ว่าจะเป็นพวกใจซื่อมือสะอาด เหอะ ยังคิดบังอาจอ้างอยู่ข้างความถูกต้องอย่างนั้นหรือ? สงสัยว่าสมองของเจ้าคงได้รับความกระทบกระเทือน สติถึงได้เลอะเลือนเช่นนี้?!”

จ้าวหอชั้นเก้าแสยะยิ้ม มองหลี่เสวียนชางด้วยสายตาเย็นชา “ไฉนเจ้าจึงชอบพูดจาไร้สาระนัก? มาสู้กันให้รู้ดีรู้ชั่วไปเลย!” หลังจากนั้น ทั้งเสียงและคนหายวาบจากที่ไปอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามปรารถนาการต่อสู้ ท้ายที่สุดหลี่เสวียนชางจำต้องเลิกล้มความคิดที่จะเจรจาอย่างสันติ ดังนั้นจึงระงับวาจาไร้ความหมายลงเสียทันที โดยไม่รอช้า เขาทะยานเข้าต่อสู้กับจ้าวหอชั้นเก้าอย่างรวดเร็ว!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ครู่ต่อมาแรงกระเพื่อมของแผ่นดินเลื่อนลั่น เสียงดังเปรี้ยงปร้างจากบริเวณที่คนทั้งสองปะทะกันติดตามมาเป็นระลอก ขณะที่อีกด้านหนึ่ง เจียงเยว่เทียนเผชิญหน้ากับชายในชุดดำซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลเท่าใด

คืนนี้ เขาและจ้าวหอชั้นเก้าจะต้องมาที่นี่อย่างไม่มีข้อแม้! ถ้าคืนนี้พวกเขาไม่มาที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้ทำไป จะกลายเป็นไร้ค่าไร้ความหมายทันที!

โดยเฉพาะเจียงเยว่เทียน เขาถือข้างเยี่ยฉวนเต็มประตู ทุกสิ่งจะปราศจากความหมายหากเยี่ยฉวนต้องจบชีวิต ไม่เพียงทุกอย่างจะหมดความหมายเท่านั้น ทว่าตนเองจะต้องถูกตามล่าตามล้างจากสถานศึกษาฉางมู่อย่างแน่นอน!

คนที่ยืนเบื้องหน้าเจียงเยว่เทียน ชายในชุดดำเอ่ยขึ้นก่อน “ท่านกล้านำราชสำนักแห่งแคว้นเจียง มาแขวนไว้กับชีวิตชายผู้นี้ได้อย่างไร?”

อีกฝ่ายตอบโต้ด้วยท่าทีเยือกเย็นยิ่ง “ในเมื่อสถานศึกษาฉางมู่กระทำการซึ่งความอยุติธรรม ดังนั้นข้าจำต้องมีหน้าที่ขจัดความอยุติธรรมนั้นเสียก็เท่านั้น” ทันทีที่คนพูดขาดคำ ร่างกลับหายไปจากจุดที่อยู่

ชายในชุดดำเห็นเช่นนั้น พลันร่างเลือนหายไปจากที่ตำแหน่งทันที……

เยี่ยฉวนหันไปพูดกับพวกโม่อวิ๋นฉี “พวกเจ้ารีบไป!”

“ไป?” โม่อวิ๋นฉีและคนอีกสองคน ต่างหันมามองหน้าคนพูด แต่ละคนสีหน้าตกตะลึงราวกับไม่เชื่อหู เยี่ยฉวนหุบปากขณะกวาดสายตาไล่เรียงไปทีละใบหน้าของคนทั้งสาม “พวกเจ้าทุกคน ต้องไปเสียจากที่นี่”

โม่อวิ๋นฉีไวกว่าคนอื่นตามเคย เขาเอ่ยถามสียงแหบห้าว “พี่หัวขโมยเยี่ย พูดยังงี้หมายความว่าอย่างไร?” คนถูกถามเอียงศีรษะไปทางที่กำลังมีการต่อสู้ ก่อนตอบเสียงเบา “พวกเจ้าไม่ควรเอาชีวิตมาทิ้ง!”

เวลานี้เยี่ยฉวนได้ประจักษ์ชัดถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่อย่างดี สำนักใหญ่แห่งฉางหลานตัดสัมพันธ์กับคนที่นี่ ทั้งอาจารย์ใหญ่จี้ก็ไม่อาจอดทนต่อแรงกดดันได้โดยลำพัง นับว่าสถานการณ์ของพวกเขาอยู่ในขั้นวิกฤต!

ถามว่าเขารู้สึกสับสนหรือไม่? แน่นอน เขาค่อนข้างสับสน ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูขึ้นมาจริงๆ เยี่ยฉวนกลับรู้สึกว่าตนเองถึงทางตัน ด้วยเพราะขณะนี้เขายังไม่ได้เป็นเซียนกระบี่ ซึ่งสามารถสังหารศัตรูหลายคนได้ด้วยหนึ่งกระบี่

คนอ่อนแอเกิดจากความรู้สึกหนทางตีบตัน!

เยี่ยฉวนเคยมีประสบการณ์กับความรู้สึกหนทางตีบตันมาก่อน ทว่าเวลานี้เขากลับเข้าใจความรู้สึกนั้นอย่างสุดซึ้ง เมื่อใดที่เขาอ่อนแอ บางครั้งก็ต้องยอมรับต่อโชคชะตา!

เสียงของโม่อวิ๋นฉีดังขึ้นข้างตัว “พี่หัวขโมยเยี่ย พูดอย่างกับว่าเจ้าไม่คิดว่าพวกเราเป็นเพื่อนตายเลยสินะ!”

เยี่ยฉวนหันมาสบตา ขณะที่เจ้าตัวยังคงพูดเสียงแหบห้าวต่ออีกว่า “พวกเราจะยังเป็นผู้เป็นคนอยู่อีกหรือ ถ้าพากันหนีไปและทิ้งให้เจ้ากับอาจารย์ใหญ่จี้ต่อสู้อยู่ที่นี่? ที่เจ้าพูดมาก็ถูก เหตุการณ์ตอนนี้ยากที่พวกเราจะรับมือ แต่อย่างน้อยพวกเราจะสู้จนตายไปพร้อมกันทั้งหมด……จะสู้ไปด้วยกัน!”

“แต่ถ้าพวกเจ้ายังขืนอยู่ที่นี่ มีแต่จะตายไปพร้อมกับข้า!” ความจริงเยี่ยฉวนกำลังอ้าปากจะพูดต่อ ทว่าโม่อวิ๋นฉีส่ายหน้าและพูดขึ้นก่อนว่า “เจ้าคิดว่าสถานศึกษาฉางหลานคือบ้าน ที่นี่ก็เป็นบ้านของพวกเราด้วยเหมือนกัน การหนีอาจทำให้มีชีวิตรอด แต่ต้องอยู่อย่างไร้จุดหมาย……ตอนแรกข้าก็อยากหนีไปหรอกนะ แต่เอาเข้าจริงก็ทำเช่นนั้นไม่ได้ ฉะนั้นพวกเรามาเผชิญหน้ากับความตายไปด้วยกันเถอะ! เจ้าเองเลิกโน้มน้าวข้าได้แล้ว ถ้าขืนยังพยายามโน้มน้าวอีกล่ะก็ กลัวว่าเดี๋ยวข้าจะบ้าจี้ขึ้นมา!”

ไป๋เจ๋อซึ่งยืนอยู่อีกด้าน หันมามองคนพูด สายตาแสดงว่าทึ่งไม่น้อย “โอ้โฮ เพิ่งเห็นว่าพูดจาเข้าท่าก็วันนี้!” โม่อวิ๋นฉีชำเลืองมองไป๋เจ๋อ สีหน้าหงุดหงิด “ทำไมมาว่าเพิ่งพูดเข้าท่า ‘วันนี้’ ? ข้าเป็นของข้าอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเฟ้ย!”

อีกฝ่ายกลับตีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง “ข้านึกไม่ออกเลยนี่หว่า!”

โม่อวิ๋นฉี “……”

เยี่ยฉวนหันไปมองคนสองสามคู่ที่กำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายในระยะไกล จากนั้นจึงหลับตาลง “นายท่านที่อยู่ในชั้นที่สองขอรับ……พวกเราสนทนากันหน่อยได้ไหม?”

ไม่มีเสียงตอบรับ!

ชายหนุ่มยังไม่ละความพยายาม จึงลองถามไปอีกครั้ง “ท่านลงมาได้หรือไม่ขอรับ?”

ทันใดนั้น มีกระดาษสีขาวหนึ่งแผ่นปลิวลงมาจากทางขึ้นชั้นสอง บนกระดาษแผ่นนั้นมีรอยอุ้งเท้าจำนวนหนึ่ง โดยรอยอุ้งเท้ามีการเรียงตัวเป็นรูปวงกลม

เยี่ยฉวนหยิบกระดาษขึ้นดูด้วยแววตาฉงนสนเท่ห์ พึมพำแผ่วเบา “นี่มันหมายความว่ายังไง?” ไม่ทันไร ปรากฏกระดาษอีกแผ่นลอยละลิ่วลงมาจากชั้นที่สอง คราวนี้บนกระดาษมีรอยอุ้งเท้าสองรอยเรียงเป็นวงกลม จะว่าไปเมื่อพิจารณาให้ถ้วนถี่ รอยเท้าทั้งสองนี้มีความแตกต่างกัน!

เขาลองนำกระดาษทั้งสองแผ่นมาประกบกัน จึงเห็นว่าวงกลมที่สองอยู่เหนือขึ้นไปจากวงกลมที่หนึ่งเล็กน้อย……

“กลิ้งออกไป?” ความรู้สึกประหลาดใจวูบ

“นี่เขาบอกว่าให้ข้ากลิ้งออกไป อย่างนั้นหรือ?” เยี่ยฉวนรู้สึกตื้อตันด้วยคำพูด “นายท่าน พวกเรามาสนทนากันไม่ได้จริงหรือ?”

กระดาษอีกแผ่นลอยลงมาทันที ครั้งนี้กระดาษว่างเปล่า! ชายหนุ่มรีบตรงเข้าหยิบกระดาษขึ้นมา ทว่าสีหน้าสลดวูบ “กระดาษเปล่า หมายความว่าไม่ยินดีพูดกันซึ่งหน้าสินะ!”

เยี่ยฉวนทำท่าขยับจะพูด พลันกระดาษอีกสองแผ่นก็ปลิวลงมาอีก บนหน้ากระดาษทั้งสองปรากฏรอยเท้ารูปวงกลมสองรอย……นี่คือหลักฐานยืนยันชัดเจนว่า ต้องการให้เขากลิ้งออกไป!

ชายหนุ่มเหยียดมุมปาก สีหน้าครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ “นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่าอย่าเชื่อความรู้สึกของตนเอง!”

จากนั้นจึงเบนสายตาเหลือบมองขึ้นไปบนทางขึ้นชั้นที่สอง สุดท้ายเขาก็คิดตกแล้วว่าบางสิ่งบนชั้นที่สองเพียงแค่มีความกังวลที่จะมองดูเขาตายไปเฉยๆ เท่านั้น!

และถ้าเขาตายจริง บางทีบางสิ่งที่อยู่บนนั้นอาจจะลงมาก็ได้! หรือไม่ก็อาจทำให้บางสิ่งบนนั้น มีชัยเหนือหอคอยแห่งเรือนจำ……

เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ “ข้ามันโง่เอง ที่คิดจะขอยืมมือบางสิ่งบนชั้นสองให้มาช่วยต่อสู้กับเรา อันที่จริงนี่ก็นับว่าดีแล้ว ที่บางสิ่งบนนั้นไม่ลงมาตีข้า!”

หลังจากนิ่งไปอึดใจใหญ่ เยี่ยฉวนเหลือบมองขึ้นไปข้างบนและร้องถามออกไป “อาจารย์ขอรับ ท่านอยู่หรือไม่?”

เขากำลังร้องหาคนมาช่วยเหลืองั้นหรือ?

ให้ตายเหอะ สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตเช่นนี้ เขาจึงได้เรียกร้องความช่วยเหลือจากใครต่อใคร แต่ถ้าไม่ร้องขอความช่วยเหลือไม่เพียงแค่ไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กล้าน่ะสิ ทว่ายังถือว่าเป็นเพื่อร่วมกลุ่มที่ไม่เอาไหนอีกด้วย!

แต่ที่สุดก็หาได้มีคำตอบจากสตรีลึกลับไม่ เยี่ยฉวนเพียรพยายามอีกสองสามรอบ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบเหมือนเดิม! เขาจึงถอดใจและออกจากหอคอยแห่งเรือนจำไป

— จบตอน —

ACAC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version